สัปดาห์นี้ “ราษฎร์ดำเนิน” พามาดูการทำงานกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ต้องบอกว่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” ออกอาการคึกคัก และขยันแข็งขันเป็นพิเศษ ในการเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับเกษตรกร
และก็ไม่น่าแปลกใจ เพราะปลายปี 63 ที่ผ่านมา กระทรวงเกษตรฯ เป็นกระทรวงที่ได้รับความพึงพอใจจากประชาชนด้านการทำงานเป็นอันดับต้นๆ จากการมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้กับเกษตกร
ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ผลสำรวจของซูเปอร์โพล (Super Poll) จากการลงพื้นที่ภาคสนาม ระหว่างวันที่ 11-16 ม.ค.64 เรื่อง “รัฐมนตรีที่ได้ใจประชาชน กรณีศึกษาประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ” ซึ่งผลสำรวจ พบว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี, นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ และนายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ รมว.พาณิชย์ ครองใจประชาชนสู้โควิด-19 สำหรับผลสำรวจจะแม่นแท้แน่นอน
ส่วนมีที่มา-ที่ไปอย่างไรไม่บอก…ปล่อยให้งง!! เพราะช่วงใกล้เลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพฯ อะไรๆ มันก็เกิดขึ้นได้ เพราะทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ล้วนมีเหตุและปัจจัย
แต่ที่แน่ๆ อย่างน้อยก็เห็นความขยันขันแข็งในการเดินหน้าแก้ไขปัญหาให้กับเกษตรกร เริ่มจากเร่งประสานพื้นที่ “ตลาดไท” ให้กับพ่อค้า แม่ค้า ขายอาหารทะเล ที่ “เจ๊ง” จากปัญหาการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ในพื้นที่ “ตลาดมหาชัย” ที่เป็นศูนย์ค้าส่งอาหารทะเลระดับประเทศ โดยเฉพาะ “ตลาดกลางกุ้ง” ที่มีการแพร่ระบาดกันจำนวนมาก ส่งผลให้การซื้อขายกุ้งในตลาดกุ้งต้องจบเห่ ไม่สามารถจำหน่ายกุ้งได้ จนหลายฝ่ายต้องออกมาสร้างความเชื่อมั่น หาที่จำหน่ายกุ้งและอาหารทะเล เพื่อช่วยเหลือพี่น้องชาวประมง
โดยท่านรัฐมนตรี “เฉลิมชัย” ประสานพี่ใหญ่ “ประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์” เจ้าพ่อตลาดไท ขอเปิดพื้นที่ส่วนหนึ่งให้ขายอาหารทะเลแบบฟรีๆ 3 เดือน แถมมีเป้าหมายชัดเจนในการเปิดตลาดไทเป็นตลาดอาหารทะเลแห่งใหม่ ที่จะกระจายอาหารทะเลสู่ภาคอีสานและเหนือด้วย ส่วนจะเดินหน้าได้แค่ไหนนั้น เป็นเรื่องอนาคต แต่อย่างน้อยก็ช่วยแก้ปัญหาชาวประมงและคนเลี้ยงกุ้งให้มีพื้นที่จำหน่ายสินค้าได้ในช่วงวิกฤติโควิด-19
มาอีกเรื่องที่น่าอึ้ง แบบไม่น่าเกิดขึ้นในยุค 4.0 ที่รัฐมนตรี “เฉลิมชัย” พยายามผลักดันให้เกษตรกรไทยพัฒนาการเกษตรแบบก้าวกระโดด ลดต้นทุนการผลิตสินค้าเกษตร โดยนำเทคโนโลยีมาสนับสนุนการผลิตสินค้าเกษตรทั้งหมด รวมทั้งพัฒนาด้านการตลาดแบบทุกช่องทางทั้งผ่านระบบออนไลน์และขายตรงเพื่อหวังเพิ่มช่องทางการขายให้กับเกษตรกร
งานนี้ ก็ไม่รู้อย่างไง เมื่ออยู่ๆ มีพรายกระซิบให้กระทรวงเกษตรฯไปหาวิธี “ใช้เครื่องจักรกลการเกษตร” มาใช้ในการลดต้นทุนการผลิต โดยให้ไปร่วมกับหน่วยงานหนึ่ง งานนี้ท่านรัฐมนตรี ก็ต้องเออ…ออห่อหมกไปด้วย และแล้วก็ถือโอกาสนำทีมผู้บริหารของกระทรวงเกษตรฯลงพื้นที่ ดูท้องทุ่งนาข้าวย่านหนองจอก ที่บอกว่ามีนวัตกรรมใหม่สุด กลับมานำเสนอในแบบกะลาครอบ ในงานนี้ยังอธิบายเป็นคุ้งเป็นแควว่า “นวัตกรรมใหม่” คือ เครื่องเกี่ยวข้าวแบบเดินตาม ที่ดัดแปลงจากรถไถเดินตามนั่นเอง
ต้องบอกว่า ทั้งทีมงานรัฐมนตรี ผู้บริหารกระทรวงเกษตรฯและ ทีมกระจอกข่าวถึงกับอึ้ง…ในความคิดนี้ เพราะรถไถเดินตามที่ดัดแปลงมาทำเป็นรถเกี่ยวข้าว มีใช้มาหลาย 10 ปีแล้ว และมาถึงทุกวันนี้ เค้าพัฒนาไปจนถึงขั้นสั่งรถเกี่ยวข้าวให้เกี่ยวข้าวผ่านทางโทรศัพท์แบบไร้คนขับ และมันก็ไม่ใช่แค่การเก็บเกี่ยวอย่างเดียว แต่มันทำเป็นขั้นตอน ตั้งแต่การปักดำถึงการเก็บเกี่ยว บรรจุกระสอบขนใส่รถไปขาย
แต่ด้วยความเป็น “เฉลิมชัย” เมื่อเจอแบบนี้ ก็ไม่คิดจะหักหน้าใคร พูดอ่อมแอ้มแค่ว่า “ผมว่ามันน่าจะพัฒนาไปได้ดีกว่านี้” พร้อมกับสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไปทำการศึกษาวิจัยแบบยกแผง ให้ได้เห็นเป็นที่ประจักษ์ มุ่งเป้าให้เกิดผลสัมฤทธิ์งานนี้ต้องบอกว่า หาทางลงได้ค่อนข้างดี แบบบัวไม่ให้ช้ำน้ำไม่ให้ขุ่น
แต่ก็เสียรังวัดไม่น้อยเลยเดียว ที่ไม่รู้ว่าการพัฒนาด้านการเกษตรของไทย มันเดินหน้าไปถึงไหน ถึงมาบอกว่า “เครื่องเกี่ยวข้าวแบบเดินตาม” ที่แถวอีสานเค้าเรียก “ควายเหล็ก” ดัดแปลงมาเป็นรถเกี่ยวข้าว มันคือนวัตกรรมใหม่ แบบไม่อายฟ้าอายดิน ให้ใครกระซิบเจ้าของโปรเจค ครั้งหน้าช่วยออกแบบเครื่องออกจากกะลาที…เผื่ออะไรมันอาจดีขึ้น
……………………
คอลัมน์ : ราษฎร์ดำเนิน
โดย “เจ๊ชะมดดง”