พล.อ.ประวิตร สั่งเตรียมรับ PM 2.5. พร้อมย้ำรัฐบาลเร่งขับเคลื่อนเพิ่มพื้นที่สีเขียวและพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมระดับพื้นที่มุ่งความยั่งยืน
เมื่อวันที่ 23 ก.ย. พล.ท.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้เรียกประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ครั้งที่ 5/63 ณ ตึกบัญชา การ ทำเนียบรัฐบาล เพื่อเร่งรัดและติดตาม การจัดการคุณภาพสิ่งแวดล้อมในระดับพื้นที่ การขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวและการเตรียมรับมือกับ PM 2.5 โดยที่ประชุมรับทราบสถานภาพสุทธิของเงินกองทุนสิ่งแวดล้อม รวม 2,391.94 ล้านบาท และแนวทางการจัดเก็บรายได้จากแหล่งรายได้อื่นๆ และร่วมกันเร่งรัดผลักดันให้มีระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วยการส่งเสริมการจัดซื้อจัดจ้างสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยกำหนดให้มีการบังคับใช้โดยเร็ว
พร้อมกันนี้ ได้ร่วมกันติดตามนโยบายและแผนการส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติงานเพื่อขับเคลื่อนการจัดการพื้นที่สีเขียวอย่างยั่งยืน ที่มุ่งระยะสั้น ( 1-5 ปี ) ใน 4 แนวทาง คือ 1.ให้ทุกภาคส่วนมีจิตสำนึกและหน้าที่ในการบริหารจัดการพื้นที่สีเขียว 2. เมืองมีความมั่นคงทางอาหาร สามารถรองรับภัยพิบัติและมีฐานทรัพยากร เพื่อเอื้อต่อการดำรงชีวิตของประชาชน 3.มีเครื่องมือ กลไก เพื่อเอื้อต่อการเพิ่มและการจัดการพื้นที่สีเขียว 4.ตระหนักในภูมิปัญญาท้องถิ่นและส่งเสริมนวัตกรรมเพื่อสร้างพลังทางสังคม
นอกจากนี้ ยังเห็นชอบโครงการต้นแบบในการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในไร่นา เพื่อสิ่งแวดล้อมและความมั่นคงทางอาหาร ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม จังหวัดสุพรรณบุรี ของมูลนิธิข้าวขวัญ เพื่อพัฒนาองค์ความรู้ด้านการบริหารจัดการความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งการพัฒนากลุ่มเครือข่ายเกษตรกรและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ท่องเที่ยวเชิงนิเวศเกษตร
พร้อมทั้ง เห็นชอบแนวทางการแก้ไขปัญหา PM 2.5 ในช่วงวิกฤติ ปี 63-64 จากการจราจรอุตสาหกรรม การเผาในที่โล่ง รวมทั้งข้อเสนอด้านกฎหมายรับมือวิกฤติ PM 2.5 โดยให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการขับเคลื่อนวาระแห่งชาติอย่างเข้มงวด พร้อมทั้งกำหนดแผนการประชาสัมพันธ์และการสื่อสาร สร้างความรับผิดชอบและการมีส่วนร่วมกับประชาชนให้มากขึ้น
“รัฐบาลให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนควบคู่กับการขับเคลื่อนพัฒนาคุณภาพสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจังไปพร้อม ๆ กัน โดยต้องให้ความรู้กับท้องถิ่น รวมทั้งรับฟังและเปิดโอกาสให้ท้องถิ่นได้มีบทบาทเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจังในทุกพื้นที่มากขึ้น สำหรับการเพิ่มพื้นที่สีเขียว ถือเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ประสานการทำงานร่วมกับ กระทรวงมหาดไทย (มท.) ถึงระดับท้องถิ่น เร่งขับเคลื่อนในระดับพื้นที่ให้มากขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ป่าต้นนำ้และพื้นที่เมือง โดยต้องมีตัวชี้วัดและการประเมินผลที่ชัดเจน” พล.อ. ประวิตร กล่าว
สำหรับการเตรียมการรับมือกับปัญหา PM 2.5 จำเป็นที่ทุกภาคส่วนต้องเตรียมการและขับเคลื่อนแก้ปัญหาร่วมกันอย่างจริงๆจัง ทั้งภาคอุตสาหกรรม ภาคเกษตรกรรม ภาคการจราจรและภาคประชาชน โดยจำเป็นต้องให้น้ำหนักกับการสื่อสาร สร้างการตระหนักรู้ การมีส่วนร่วมและความรับผิดชอบร่วมกัน เพื่อลดต้นเหตุของปัญหาในแต่ละภาคส่วนอย่างจริงจัง ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป