“บิ๊กตู่” ตัดพ้อบรรยากาศถกงบฯเหมือนเดิมทุกปี ยันรัฐตามล้างตามเช็ดหนี้ “ยิ่งลักษณ์” 7.8 แสนล้าน สอนให้เบ็ดต้องให้ปลาไปด้วย ปชช.จะได้อยู่รอด ด้าน “จุลพันธ์” ชี้จัดงบส่อเกิดอันตราย 2 ปม ชี้คว่ำงบฯไม่เกิดสุญญากาศ
วันที่ 31 พ.ค.65 ที่รัฐสภา ในการประชุมสภาฯ เพื่อพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณปี 66 จากนั้นเวลา 14.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและรมว.กลาโหม ชี้แจงว่า งบลงทุน 6.9 แสนล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 21.8 งวงเงินงบประมาณ เป็นไปตามกฎหมาย นอกจากนี้ ภาครัฐก็ยังลงทุนในส่วนอื่นๆ อีกด้วย เช่น จากเงินกู้ จากการร่วมลงทุนระหว่างรัฐกับเอกชน เป็นต้น จึงอยากบอกว่างบลงทุนไม่ได้มีเฉพาะแค่ในงบประมาณรายจ่ายเท่านั้น ส่วนการพัฒนาด้านการเกษตรนั้น สิ่งที่ทำวันนี้ก็เพื่ออนาคต นอกเหนือจากการประกันสินค้าการเกษตร 6 ชนิด เรายังเพิ่มเติมและปรับปรุงด้วย ทั้งลดต้นทุนการผลิต เทคโนโลยี ทำให้เกษตรกรแข็งแรงไปด้วย ถ้ามองแต่ประกันเพียงอย่างเดียวถามว่าจะต้องประกันถึงเมื่อใด ถ้าตนช่วยได้ก็ยินดีจะช่วย เพราะเป็นนโยบายของรัฐบาลอยู่แล้ว วันนี้ประกันราคาข้าวหนักที่สุด จะทำอย่างไรไม่ต้องประกันเพิ่มมากกว่านี้ วิธีการก็คือต้องสร้างข้าวพันธุ์ใหม่ สร้างการแข่งขันทางด้านราคากับตลาดโลกให้ได้ การให้เงินก็โอเค เป็นการแก้ไขปัญหาชั่วคราว แต่ภาระจะมากขึ้นตามลำดับ รัฐบาลก็ต้องแก้ไขปัญหาต่อไปอีก
“ตั้งแต่ปี 54 โครงการจำนำข้าว ขาดทุน 9.5 แสนล้านบาท รัฐบาลชุดนี้ตั้งงบประมาณชำระหนี้ไปแล้ว 7.8 แสนล้านบาท คงเหลือเงินต้นและดอกเบี้ยอีก 3 แสนล้านบาท ย้ำว่าเราต้องให้เบ็ดตกปลา และต้องให้ปลาไปด้วย เพื่อให้ประชาชนอยู่ได้ อยู่รอดปลอดภัย” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
นายกฯ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เราทำโครงสร้างอุตสาหกรรมใหม่ๆ หารายได้ใหม่ และเรื่องอื่นๆมีมากมาย ซึ่งต้องใช้เวลาเพื่อเดินหน้า หารายได้เข้าประเทศ ที่ผ่านมามีอะไรใหม่ๆให้ตนดูบ้างหรือไม่ ถ้ามีก็บอกตนมา วันนี้ตนบอกทุกวันว่ารัฐบาลทำอะไรแล้วบ้าง สื่อสารทุกวัน แต่ท่านไม่เคยฟัง แต่ตนก็ต้องพูดอยู่ดี เพราะประชาชนรอฟังอยู่ทางบ้าน เดี๋ยวจะหาว่าไม่ดูแลเขา ก็อยากจะบอกว่าถ้าไม่ คงไม่ดูแลขนาดนี้ ส่วนเรื่องหนี้ต่างๆก็เคยชี้แจงไปแล้ว แต่ทุกอย่างกลับมาเหมือนเดิมทุกอย่าง บรรยากาศที่นี่เหมือนเดิม ไม่ว่าจะอภิปรายอะไรก็เหมือนเดิม เพราะถูกฝั่งชิพไปหมดแล้ว ก็ไม่อยากตอบอะไรรุนแรง พยายามอย่างยิ่งยวดแล้วที่จะไม่ใช้อารมณ์ หลายเรื่องที่ท่านพูดไม่ใช่ข้อเท็จจริง
พล.อ.ประยุทธ์ ยังกล่าวถึงการทำเหมืองโพแทส ว่า ตนให้นโยบายไปแล้วให้ไปขับเคลื่อน คนเป็นส.ส.ในพื้นที่มีหน้าที่ไปทำความเข้าใจกับประชาชนให้เขาร่วมมือและเห็นชอบ ไม่เช่นนั้นจะสร้างไม่ได้ เวลาเขามาประท้วงก็ไปชี้แจงแทนตน ถ้าอยากให้ทำ เรื่องเหมืองโพแทส
ต่อมานายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย อภิปรายว่า งบรายจ่ายปี 2566 มีความอันตรายคือ 1.ไม่ตอบโจทย์แก้ปัญหา เป็นแค่งบรูทีนของข้าราชการ แต่ไม่ทันต่อการแก้สถานการณ์ใดๆ มุ่งให้ความสำคัญเฉพาะด้านความมั่นคงทางทหาร 8 ปี ให้งบกระทรวงกลาโหมไป 2 ล้านล้านบาท และประเคนงบให้พรรคร่วมรัฐบาลมหาศาล เพื่อให้คงสถานะนายกรัฐมนตรีเอาไว้ สิ่งที่คาดหวังจะตอบสนองประชาชนเรื่องการลงทุนไม่เคยได้เห็น มีงบลงทุนแค่ 20% เท่านั้น 2.จัดงบผิดฝาผิดตัว มุ่งแต่ความเป็นรัฐราชการ เพิ่มแต่งบประจำ แต่ไม่เพิ่มงบลงทุน มีแต่เพิ่มงบให้สำนักงานความปลอดภัยทางไซเบอร์ สภาความมั่นคงแห่งชาติ แต่ธนาคารเอสเอ็มอี สำนักงานส่งเสริมการลงทุนถูกตัดลดงบประมาณ ขณะที่งบกลางกรณีฉุกเฉินก็เพิ่มขึ้นเป็นประวัติการณ์ เพิ่มอำนาจให้นายกฯใช้เงิน แต่งบเยียวยาโควิดลดลง ทั้งที่ประเทศยังไม่ฟื้น 3.โกหกหลอกลวง 4 ปีที่ผ่านมา นโยบายพรรคพลังประชารัฐทำไม่ได้ทั้งค่าแรงขั้นต่ำ 400-425 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 2 หมื่นบาท ลดภาษี 10% บุคคลธรรมดา โกหกเพื่อหวังคะแนน จนต้องไปลบนโยบาออกจากเว็บไซต์ อย่าอ้างการไม่ผ่านงบฯ จะเกิดทางตัน เพราะยังถ้างบไม่ผ่าน สามารถใช้งบเหมือนงบประมาณปี 2565 ไปก่อนในส่วนงบประจำ งบผูกพัน ไม่มีสุญญากาศเกิดขึ้น การอ้างไปแก้ไขในชั้นกมธ.ไม่เคยแก้ไขได้ เพราะรัฐบาลเป็นเสียงข้างมากควบคุมทิศทางร่างพ.ร.บ.ได้ จะไปพี่งความหวังในชั้นกมธ.ไม่ได้ ต้องไม่เห็นชอบงบฯ เพื่อเปลี่ยนตัวผู้นำเท่านั้น