อดีตโฆษกรัฐบาล ‘ธนกร’ ยกย่อง ‘ประยุทธ์’ เป็น ‘นายกฯ’ ดีที่สุดในรอบกว่า 10 ปี เน้นสร้างไทยเข็มแข็ง ขยายโครงสร้างพื้นฐานทั่วประเทศ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ยกระดับความเป็นอยู่พี่น้องประชาชน
เมื่อวันที่ 22 ส.ค.65 นายธนกร วังบุญคงชนะ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการสำคัญที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ผลักดันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและยกระดับความเป็นอยู่ให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน ทั้งการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ ถนน ราง น้ำและอากาศ โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล เพื่อส่งเสริมให้เกิดการเติบโตที่ยั่งยืน เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เกิดประโยชน์ได้ต่อไปในระยะยาวอีกด้วย รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึง และใช้ประโยชน์ได้จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ลดความเหลื่อมล้ำทางด้านรายได้ของประชาชนในประเทศ
ทั้งนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเชื่อมโยงแต่ละภาคของประเทศ และเชื่อมต่อภูมิภาคอาเซียน ทุกทิศทาง ประกอบไปด้วยการสร้างเส้นทางทางถนน โดยปี 2564 สร้างเพิ่มเป็น 11,583 กิโลเมตร มอเตอร์เวย์ สร้างเพิ่ม 3 เส้นทางสำคัญ บางปะอิน-โคราช บางใหญ่-กาญจนบุรี และพัทยา-มาบตาพุด ส่วนเส้นทางทางราง ปัจจุบันมีแผนสร้างเพิ่ม ระยะเวลา 20 ปี จะมีระยะทาง 8,900 กิโลเมตร ครอบคลุม 62 จังหวัด และยังมีการสร้างสถานีกลางบางซื่อ เป็นชุมทางรถไฟขนาดใหญ่ ทันสมัยที่สุดในอาเซียน เชื่อมรถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูง-รถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ-รถไฟชานเมือง-สถานี บขส. และสนามบิน
ส่วนรถไฟฟ้า (กทม.และปริมณฑล) สร้างเพิ่ม 10 สาย ระยะทางรวม 204.9 กิโลเมตร รวมทั้ง โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน ที่อยู่ระหว่างดำเนินการ สำหรับการขนส่งทางน้ำ ได้เพิ่มศักยภาพรองรับปริมาณการขนส่งทางน้ำ ปี 2564 เพิ่มเป็น 355 ล้านตัน โดยพัฒนาท่าเรือมาบตาพุด และท่าเรือแหลมฉบัง เชื่อมแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ กระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ปีละ 4,000 ล้านบาท และทางอากาศ ปรับปรุงสนามบินทั่วประเทศ เพิ่มศักยภาพการรองรับผู้โดยสาร เป็น 139 ล้านคน
ขณะเดียวกัน รัฐบาลก็ได้วางรากฐาน “เศรษฐกิจดิจิทัล” (Digital Economy) ให้สามารถเติบโตเร็วขึ้นอย่างก้าวกระโดด ส่งเสริมการทำธุรกรรมและการให้บริการรูปแบบต่างๆ ทางอิเล็กทรอนิกส์ ผ่านแพลตฟอร์ม เพื่อเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนนโยบายและมาตรการต่างๆ จนประสบผลสำเร็จ ที่นำไปสู่การปฏิบัติได้จริง เกิดประโยชน์อย่างมากมายทั้งในแง่ของประสิทธิภาพและต้นทุนที่ต่ำกว่า ประหยัดเวลาที่ใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาลไปสู่ภาคปฏิบัติ ถึงมือพี่น้องประชาชนได้รวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ได้แก่ (1) โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่จ่ายเงินช่วยเหลือผ่านบัญชีธนาคาร ผู้มีรายได้น้อย 14 ล้านราย (2) โครงการ “พร้อมเพย์” (Prompt pay) และ QR Payment ที่เป็นการชำระเงินผ่านอิเล็กทรอกนิกส์แบบ Any ID ที่เชื่อมโยงกับหมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หรือหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน โดยไม่มีค่าธรรมเนียม สามารถต่อยอดไปสู่ระบบภาษีและการบริจาค e-Donation สำหรับขอลดหย่อนภาษีได้
(3) Government Wallet (G-Wallet) ถุงเงิน application สำหรับ SMEs ขนาดเล็ก คือการใช้จ่ายเงินดิจิทัลของผู้เข้าร่วมโครงการผ่าน แอป “เป๋าตัง” กว่า 50 ล้านคน และร้านค้า–SMEs ที่เข้าร่วมโครงการผ่าน แอป “ถุงเงิน” ในโครงการคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน-ชิมช้อปใช้ เป็นต้น
“โดยส่วนตัวแล้ว ผมขอยกย่องพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีทีดีที่สุดของไทยในรอบกว่า 10 ปี จากที่ได้มีโอกาสติดตามการทำงานของนายกรัฐมนตรี ในฐานะโฆษกรัฐบาล นายกฯ ให้ความสำคัญในการเตรียมความพร้อมประเทศทั้งแง่เศรษฐกิจ โครงสร้างพื้นฐาน ระบบการเงิน ดิจิทัล และการใส่ใจสิ่งแวดล้อม เรียกความเชื่อมั่นของไทยในสายตาต่างประเทศ ทั้งเป็นเป้าหมายการลงทุนและการท่องเที่ยว ที่สำคัญนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ไม่มีมลทิน มัวหมอง ไม่แสวงหาประโยชน์ตนเองหรือตระกูล แต่ยึดโยงประเทศชาติและประชาชนเป็นศูนย์กลาง” นายธนกร กล่าว