วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS‘มั่นคง’เผยม็อบเปลี่ยนวิถี ดึง‘แกนนำ นปช.’กลับลงถนน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘มั่นคง’เผยม็อบเปลี่ยนวิถี ดึง‘แกนนำ นปช.’กลับลงถนน

สถานการณ์การเมืองในประเทศยังคงมีเหตุให้ลุ้นกันต่อไป โดยเฉพาะในวันที่ 4 เม.ย.ที่นายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธาน นปช.นัดชุมนุมใหญ่เพื่อขับไล่รัฐบาล “ลุงตู่” รอดูกันว่าจะเกิดซ้ำรอยประวัติศาสตร์เผาบ้านเผาเมืองเหมือนปี 53 หรือไม่ 

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https: //thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 3 เม.ย.สถานการณ์การเมือง ช่วงที่ผ่านมากลุ่มเห็นต่างและนักเคลื่อน ไหวทางการเมืองต่างออกมาสร้างกระแสเป็นเชิงปลุกระดมเพื่อชักจูงมวลชนแนวร่วม ให้มาร่วมกันเคลื่อนไหวกดดันรัฐบาล รวมทั้งขับไล่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม โดยยังคงใช้ข้อกล่าวอ้างความต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นหลัก แต่ยังคงเป้าหมายสำคัญคือการปฏิรูปสถาบันฯ

@@@……ปฏิกิริยาม็อบบนถนนที่มุ่งล้มรัฐ ล้มสถาบัน แผ่วลงอย่างมากในช่วงนี้ ส่วนหนึ่งมาจากสาระของกิจกรรมและไม่สามารถควบคุมความรุนแรงที่เกิดขึ้นต่อเนื่องได้ การปรับกลยุทธ์ใหม่โดยดึงเอาแกนนำ นปช.เดิม ออกมารับลูกกันอย่างเป็นระบบ ก็ยังไม่ได้ประกันว่าการพาคนลงม็อบบนถนนจากนี้ไปจะได้ผลหรือไม่ เนื่อง จากยังไม่มีประเด็นอะไรที่โดนใจประชาชนมากนักในเรื่องการล้มรัฐบาล อย่างไรก็ตามฝ่ายความมั่นคงยังคงเฝ้าติดตามใกล้ชิด เชื่อได้ว่าใครที่ทำอะไรไป และทำให้เกิดความเสียหายต่อประเทศชาติก็ได้รับผลกรรมที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายแน่นอน 


@@@……ประสานเสียงอย่าทำผิดกฎหมาย….พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีนายจตุพร พรหมพันธ์ุ ประธาน นปช.นัดชุมนุมใหญ่วันที่ 4 เม.ย.นี้ ว่า ขณะนี้มีคนออกมาพูดแล้วว่าไม่สนับสนุนด้วย แม้กระทั่งผู้นำเสื้อแดงเก่าๆ ก็บอกว่าไม่เอาด้วย ดังนั้นก็แล้วแต่เขา ซึ่งผมมีแต่ขออย่าทำผิดกฎหมายเท่านั้นเอง อย่าสร้างความเดือดร้อนและสร้างความเสียหายให้กับประเทศชาติบ้านเมืองอย่างเช่นที่เคยเกิดมาก่อน เพราะถือเป็นบทเรียน ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ว่า จะให้ทำอย่างไร ส่วนจะรวมกันอย่างไรก็แล้วแต่ ก็ไม่ว่า อย่าทำผิดกฎหมายก็แล้วกัน และไม่กังวลว่าการชุมนุมดังกล่าวจะเป็นจุดเริ่มต้นในการสร้างเหตุการณ์ความรุนแรงเหมือนในอดีต ซึ่งยังไม่ได้รับรายงานว่าจากเกิดความรุนแรง

@@@……พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า  ได้รายงานให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีทราบว่า การประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ หรือ ปคม. ได้เห็นชอบหลักการร่างรายงานความคืบหน้าผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย หรือ Progress Report ทั้งฉบับภาษาไทยและอังกฤษ โดยได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานปรับปรุงข้อมูลในร่างรายงานดังกล่าวให้สมบูรณ์ และเสนอนายกรัฐมนตรีพิจารณาก่อนส่งให้สหรัฐฯ ใช้ประกอบการประเมินและจัดระดับประเทศไทย ในรายงานการค้ามนุษย์ หรือ TIP Report ปี 2564 และสั่งการให้กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ไปทบทวนและปรับปรุงแผนปฏิบัติการ ด้านการป้องกันและแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ประจำปีงบประมาณ  2564 ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยเฉพาะ ในช่วงสถานการณ์โควิด – 19 และ การ เตรียมการรองรับภายหลังโควิดคลี่คลายด้วย ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานเร่งดำเนินการเพื่อให้ปัญหาการค้ามนุษย์หมดสิ้นไปจากประเทศไทยตามเจตนารมณ์ของรัฐบาล และ ยกระดับประเทศไทยสู่เทียร์ 1ในปี 2564 ต่อไป  

@@@……พล.ร.อ.ชาติชาย  ศรีวรขาน  ผู้บัญชาการทหารเรือ (ผบ.ทร.) ได้เดินทางไปยัง เรือหลวงจักรีนฤเบศรซึ่งลอยลำอยู่บริเวณทางทิศตะวันออกของเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี เพื่อตรวจเยี่ยมการฝึกปราบเรือดำน้ำด้วยตอร์ปิโดแบบ MK46  โดย เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบ S – 70 B (ซีฮอว์ค) ได้ทำการ ยิงตอร์ปิโด แบบ MK 46 ไปยังเป้าหมาย ที่อยู่ห่างออกไป 500 หลา  ที่ความลึก 25 เมตร ได้อย่างแม่นยำ 

@@@……สำหรับการฝึกยิงปืนแบบ MK46 ในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ เพื่อทดสอบการทำงานของระบบควบคุมการยิงและลูกตอปิโดตลอดจนเพื่อทดสอบความพร้อมของเรือ/อากาศยาน รวมถึงเพื่อฝึกกำลังพลให้มีความรู้ความสามารถและเพิ่มพูนความชำนาญในการยิงตอร์ปิโด โดยกำหนดให้ เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบซีฮอว์ค เป็น หน่วยยิง มีเรือหลวงรัตนโกสินทร์ เป็นเรือควบคุบ

@@@……สำหรับสถานการณ์ที่เมียนมา ยังไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดการปรองดองขึ้นในประเทศ ในช่วงระยะเวลาอันใกล้นี้ เหล่าทัพจึงมีการเตรียมการต่าง ๆ ให้พร้อมไว้ เพื่อรองรับสถานการณ์ตามแนวชายแดน ซึ่งไม่มีใครคาดได้ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้ เนื่องจากว่ามีการใช้กำลังขนาดใหญ่เกิดขึ้นในประเทศพม่า อย่างไรก็ตามหากเกิดความรุนแรงนั้น พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) ได้สั่งการให้กองบิน 6 เตรียมความพร้อมเครื่องบินลำเลียง C-130 และเครื่องบินในส่วนของกองทัพอากาศไว้สำหรับรองรับภารกิจ หากรัฐบาลสั่งการให้ส่งเครื่องบินไปรับคนไทยในเมียนมาก็พร้อมปรับเปลี่ยนภารกิจมาใช้ในภารกิจนี้ได้ทันที หากเกิดสถานการณ์ขั้นวิกฤติ ทั้งนี้ ผบ.ทอ. สั่งการเตรียมความพร้อมมาตั้งแต่เกิดการประท้วงต่อต้านรัฐประหารในเมียนมาแล้ว หากรัฐบาลสั่งการจะได้ไปทันที แต่จะส่งไปเมื่อใดนั้นแล้วแต่สถานการณ์ ซึ่งทางกระทรวงการต่างประเทศจะประเมินสถานการณ์อีกครั้ง  

@@@……วันก่อน พล.อ.อ.แอร์บูล สุทธิวรรณ ผู้บัญชาการทหารอากาศ (ผบ.ทอ.) เดินทางมาเป็นประธานในพิธีปลดประจำการเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ 1 (L-39ZA/ART) พร้อมด้วยนายทหารชั้นผู้ใหญ่ของกองทัพอากาศ มาร่วมพิธี โดยมี นาวาอากาศเอก ภูศิษฏ์  ทิมเกิด ผู้บังคับการกองบิน 41 และข้าราชการกองบิน 41 ให้การต้อนรับ ณ ท่าอากาศยานทหารกองบิน 41 ครั้งเมื่อปีพุทธศักราช 2536 กองทัพอากาศ โดยพล.อ.อ. หม่อมราชวงศ์ ศิริพงษ์ ทองใหญ่ ผู้บัญชาการทหารอากาศในขณะนั้น ได้ดำเนินการจัดหาเครื่องบิน L-39 จากสาธารณรัฐเช็ก โดยให้มีภารกิจคือ ฝึกนักบินขับไล่/โจมตี, สนับสนุนทางอากาศโดยใกล้ชิด (Close Air Support) และค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ (CSAR) นั้น จึงได้ทำการส่งนักบินลองเครื่องต้นแบบและผู้เชี่ยวชาญ ไปศึกษาและปรับปรุงระบบต่าง ๆ ของเครื่องบิน L-39 จำนวน 4 คน คือ นาวาอากาศโท วรฉัตร ธารีฉัตร นักบินลองเครื่องต้นแบบ, นาวาอากาศตรี วัฒนชัย เจริญรัตน์ ผู้เชี่ยวชาญระบบสรรพาวุธ และเรืออากาศโท จรัสพงษ์ ถวายทรัพย์ ผู้เชี่ยวชาญระบบสื่อสาร

@@@……ได้ศึกษาและปรับปรุงเครื่องบินที่มีระบบแบบโลกตะวันตกให้สมบูรณ์พร้อมใช้งาน เช่น ระบบห้ามล้อด้วยมือแบบเดิมซึ่งติดตั้งที่คันบังคับ ให้เป็นระบบห้ามล้อที่ใช้เท้าเหมือนที่เครื่องบินที่กอง ทัพอากาศใช้อยู่ พร้อมทั้งดัดแปลงให้สมบูรณ์แบบทั้งระบบอาวุธ และระบบเครื่องช่วยเดินอากาศด้วยบริษัท ELBIT จากประเทศอิสราเอล จนนับได้ว่าเป็นเครื่องบินที่มีระบบที่ดีที่สุดของกองทัพอากาศไทยในตอนนั้น  เครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ ๑ หรือ L-39 ได้ปฏิบัติการปกป้องน่านฟ้าไทย การฝึกร่วมกับมิตรประเทศ และการปฏิบัติภารกิจร่วมกับเหล่าทัพอื่น มาอย่างต่อเนื่องและยาวนานตลอดระยะเวลา 27 ปี 

@@@……กองทัพบก จะทำการตรวจเลือกทหารกองเกินเข้ารับราชการทหารกองประจำการ ประจำปี 2564 ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.64 เป็นต้นไป จนกว่าการตรวจเลือกจะแล้วเสร็จ แต่ไม่เกินวันที่ 20 เม.ย.64 (ยกเว้น 6 เม.ย.64 และ 12-15 เม.ย.64)  โดยในปีนี้ชายไทยที่จะต้องเข้ารับการตรวจเลือกฯ ได้แก่ ผู้ที่เกิด พ.ศ. 2543 ซึ่งมีอายุ 21 ปีบริบูรณ์ ผู้ที่เกิด พ.ศ.2535 – 2542 ซึ่งมีอายุ 22-29 ปีบริบูรณ์ ที่ยังไม่เคยเข้ารับการตรวจเลือก หรือผู้ที่ผลการตรวจเลือกยังไม่แล้วเสร็จทุกกรณี ให้ไปเข้ารับการตรวจเลือก ตามวัน เวลา สถานที่ ที่กำหนดในหมายเรียกฯ

………………..

คอลัมน์ “Military Key” 

โดย “รหัสมอร์ส” 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img