วันก่อนเห็น ไดโนเสาร์ในสภา เถียงกันเอาเป็นเอาตาย อยู่กับเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญ ก็ไม่ได้มีอะไรไหม แค่แก้พลิกกลับไปพลิกกลับมา เพื่อเขียนกติกาให้ตัวเองได้เปรียบ และฝ่ายตรงข้ามเสียเปรียบไม่เคยเห็นเสนอแก้ไข เพื่อทำให้ชีวิตของประชาชนดีขึ้น
มิหนำซ้ำระหว่างที่ไดโนเสาร์ในสภาตวัดลิ้นเอ่ยวาจาดูแคลนกันเอง ใครมาจาก “สายพันธุ์ปัดเศษ” มีวาสนาเข้าไปนั่งในสภาเพราะการคำนวณจนได้เก้าอี้เพิ่ม ปรากฏว่า บรรดาเด็กหนุ่มสาวยังคงมุ่งมั่นเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพอยู่ข้างถนน
ไดโนเสาร์ในสภา กำลังประมาทต่อสถานการณ์ จึงไม่แยแสสิ่งบอกเหตุที่ส่งสัญญาณเตือนว่า ความเปลี่ยนแปลงอาจเกิดขึ้นแบบถอนรากถอนโคนในเร็ว ๆ นี้ เพราะมั่นใจว่า เด็กพวกนี้ถูกจับติดคุกสัก 10-20 คน เดี๋ยวก็กลัวและเลิกชุมนุมกันไปเอง
รู้หรือไม่ว่า โลก ใบนี้กำลังเปลี่ยนผ่านอย่างรุนแรง อันเป็นผลมาจาก เทคโนโลยีดิจิทัล ทำให้ข้อมูลข่าวสารไหลทะลักเหมือนเขื่อนแตก และเข้าไป ปลูกข้อมูล ในสมองเด็ก จนเกิดกระบวนการเชื่อมโยงและหลอมรวมความคิดระหว่างคนในวัยเดียวกันอย่างเหนียวแน่น และตัดขาดการถ่ายทอดความคิดระหว่างคนต่างวัย เช่น พ่อ-แม่กับลูก ๆ
เด็กรุ่นใหม่กำลังเหวี่ยงปลิวไปตามแรงหมุนของโลก
สังเกตจาก ม็อบชู 3 นิ้ว ส่งผลให้ ธรรมศาสตร์ กลายเป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 1 ที่เด็กยื่นความจำนงต้องการเข้าศึกษามากที่สุด เขาคงอยากเข้าไปแสวงหาความหมายนั่นเอง
ถ้าเด็กเหล่านี้โตขึ้นในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ไปมีสถานะทางสังคม มีอำนาจชี้นำ การเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนก็จะเกิดขึ้นอย่างไม่มีทางหลีกเลี่ยงได้
เท่านั้นยังไม่พอ ปรากฏการณ์ โรคระบาด โควิด-19 ทำให้ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก ผู้คนจึงปั่นป่วนและถูกบีบให้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต ทำให้เศรษฐกิจเจ๊งยับไปทั่วโลก และกำลังก่อให้เกิดปัญหาทางสังคม
โรค จึงเป็น ตัวเร่งปฏิกิริยา ที่กระตุ้นให้ โลกใบนี้หมุนเข้าสู่กระบวนการเปลี่ยนแปลงแบบถอนรากถอนโคนเร็วขึ้นกว่าเดิม
ทั้งโลกและโรค กำลังสร้างความเปลี่ยนแปลง
ไม่ว่าจะเป็นไดโนเสาร์สายพันธุ์ปัดเศษหรือสายเลือดแท้ จึงมีโอกาสสูญพันธุ์ เพราะเด็กรุ่นใหม่ ชี้ขาดไปแล้วว่า ไดโนเสาร์ทุกสายพันธุ์ ไม่เคยทำประโยชน์อะไรให้กับพวกเขา เห็นแต่วนเวียนอยู่กับการแก้รัฐธรรมนูญเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตัวเอง
ไดโนเสาร์จะถูกเด็กเขี่ยทิ้งจนสูญพันธุ์ เพราะพวกเขาต้องการสร้างโลกใบใหม่ให้กับตัวเองนั่นเอง.
………
#ดินสอโดม
