ฝันที่เป็นจริง“ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์” ลุ้นระทึกเปิดประเทศถึงฝั่งฝัน

ภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์…ฝันที่เป็นจริง!!ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้เดินทางไปรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ด้วยตัวเอง เพื่อเป็นสัญลักษณ์ของการนำร่องเปิดเมืองใน 120 วัน

เรียกได้ว่า…งานเปิดเมืองภูเก็ตในครั้งนี้ เดินหน้าได้ฉลุย นักท่องเที่ยวต่างชาติ 300 คน ถึงที่หมายโดยปลอดภัยและดำเนินการตามแนวทางที่กำหนดไว้ทั้งหมด

นักท่องเที่ยวต่างชาติเหล่านี้ ถือใบอนุญาตเดินทางเข้าประเทศ (COE) ตามโครงการภูเก็ต แซนด์บ๊อกซ์ ได้ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว  และเดินทางมากับ 4สายการบิน คือ เอทิฮัด, กาตาร์ แอร์เวย์ส, แอล อัล อิสราเอล แอร์ไลน์ และสิงคโปร์ แอร์ไลน์  ก่อนเข้าพักตามโรงแรมต่าง ๆ ที่ได้มาตรฐาน SHA PLUS

ขณะที่ในวันนี้ ( 2 ก.ค.) จะมีนักท่องเที่ยวที่เดินทางมากับสายการบินเอมิเรตส์ ให้บริการเส้นทางดูไบ-ภูเก็ต ถึงภูเก็ตเวลา 12.30 น. ส่วนวันที่ 3 ก.ค. การบินไทยจะให้บริการ จากต้นทาง-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ มี 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางโคเปนเฮเกน-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ถึงภูเก็ตเวลา 06.25 น. เส้นทางแฟรงก์เฟิร์ต-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ถึงภูเก็ตเวลา 07.10 น. และเส้นทางปารีส-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ถึงภูเก็ตเวลา 07.55 น.

ส่วนวันที่ 4 ก.ค. การบินไทยให้บริการ 2 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางลอนดอน-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ถึงภูเก็ตเวลา 06.10 น. และเส้นทางซูริค-ภูเก็ต-กรุงเทพฯ ถึงภูเก็ตเวลา 07.45 น.

ขณะที่ยอดจอง (บุ๊กกิ้ง) โรงแรมในภูเก็ตตั้งแต่วันที่ 1-15 ก.ค.นี้ มีจำนวน 24,972 คืน เพิ่มขึ้นจากข้อมูล ณ วันที่ 28 มิ.ย. 64 ที่มียอด 1,101 บุ๊กกิ้ง จำนวน 13,116 คืน โดยนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พำนักเฉลี่ย11.9 คืน

ต้องยอมรับว่าก่อนหน้านี้ “ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์” เกร็งกันมานานว่าจะเลื่อนหรือไม่เลื่อน ท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ในประเทศไทยที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องวันละ 4,000-5,000คน จนต้องกึ่งล็อกดาวน์กรุงเทพฯและปริมณฑล 6 จังหวัดอีกครั้ง

ตัวเลขการฉีดวัคซีนของชาวภูเก็ต ณ วันที่ 28 มิ.ย. อยู่ที่ 66% ของประชากร และ มีผู้ได้รับวัคซีนเข็ม 2 แล้ว 53% โดยคาดการณ์กันว่าสามารถฉีดได้ครบ 70% ตามเป้าหมาย แน่ ๆ

เบื้องต้นแม้ยังไม่พบปัญหาใด ๆ จากการเข้ามาของนักท่องเที่ยว แต่เรื่องนี้ก็ต้องตามติด เพราะอย่างที่รู้กันว่า “วัคซีน” กันตายไม่ใช่กันติด ดังนั้นสิ่งสำคัญคือ…การเฝ้าติดตามการติดเชื้อไวรัสโควิดหลังจากนี้ว่าจะมีเพิ่มขึ้นมากน้อยอย่างไร?

อย่างน้อย ๆ ที่ตั้งเป้าหมายกันเอาไว้ก็ต้องตามติดกันในช่วงของ 15 วันแรก หากไร้ปัญหา หรือปัญหาน้อย การติดเชื้อไวรัสโควิด ไม่กระเพื่อมมาก หรือไม่กระเพิ่มเลย การเดินหน้าเปิดพื้นที่นำร่องอื่น ๆ ก็กลายเป็นความหวังครั้งสำคัญเช่นกัน

อย่างที่รู้กันอยู่แล้วว่า รายได้จากการท่องเที่ยว มีไม่น้อยกว่า 20% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หากสามารถกู้รายได้จากต่างประเทศกลับมาได้บ้างก็ถือเป็นเรื่องดีและเป็นสัญญาณให้เห็นได้ว่าอย่างน้อยก็มีเงินเข้าประเทศ

หากรวมกับรายได้จากการส่งออก ที่ล่าสุดในเดือนพ.ค. 64  มีมากถึง 714,885.27 ล้านบาท ซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 11 ปี ถึง  41.59%  ขณะที่ในช่วง 5 เดือน (ม.ค.-พ.ค.) มีกว่า 108,635.22 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ก็เท่ากับว่าประเทศไทยเริ่มเห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์กันบ้างแล้ว!!

ต่อให้ทุกสำนักวิจัย ไม่ว่าจะรัฐหรือเอกชน ต่างหั่นเป้าหมายจีดีพีกันลดลงต่ำกว่า 2% แต่สัญญาณที่เห็นโดยเฉพาะจากการส่งออกที่เริ่มผงกหัวได้อย่างชัดเจนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีไม่น้อย
แต่ในแง่ของประชาชนคนไทยตาดำ ๆ แล้ว

ตราบใด!! ที่ยังต้องกักตัว ตราบใด!! ที่ไม่มีรายได้ ไม่มีงานทำ ไม่มีเงินเข้ากระเป๋าแบบเป็นกอบเป็นกำ และสม่ำเสมอ

เชื่อเถอะ!! ต่อให้รัฐบาลออกสารพัดมาตรการมากระตุ้น มาช่วยเหลือ มาปะทังเยียวยา แต่ความมั่นอก มั่นใจ ในการดำรงชีพ กลับไม่มีเกิดขึ้น อย่างที่บอก ถ้าปากท้องไม่อิ่ม จะให้มั่นใจได้อย่างไร

ขณะเดียวกันแผนเปิดประเทศ ก็ยังต้องใช้เวลา ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อ ผู้เสียชีวิต ปัญหาเรื่องวัคซีน ยังไม่สงบนิ่ง แถมแปรเปลี่ยนกลายมาเป็นปัญหาการเมือง เข้าให้อีก ยิ่ง…กดความเชื่อมั่น!!.ให้ดิ่งดำลึกลงไปอีก
เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ ทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องเกี่ยวเนื่องกับ “ภูเก็ต แซนบ็อกซ์” ต้องประคับประคอง อย่าให้เหตุร้าย ๆ ที่ทุกคนหวาดระแวงนั้นเกิดขึ้นก็แล้วกัน

เพราะ…ไม่เช่นนั้นทุกอย่างจะจบเห่ ความฝันที่เป็นจริงต้องหัวคะมำ สุดท้าย!!อาจกลายเป็น “โลกไม่ไว้ใจ” ก็เป็นไปได้!!

……………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo