วันพุธ, เมษายน 24, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS​​​'หนามยอก'เจอ'หนามบ่ง' ม็อบเสื้อเหลืองไล่ล่า'ธนาธร'
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

​​​’หนามยอก’เจอ’หนามบ่ง’ ม็อบเสื้อเหลืองไล่ล่า’ธนาธร’

จะนึกไม่ถึง หรือไม่เคยคาดคิดมาก่อน ว่าจะต้องเผชิญวิบากกรรมเหมือนในวันนี้ แต่ต้องบอกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเสี่ยเอก “นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ประธานคณะก้าวหน้า และ พรรคก้าวไกล (กก.) ที่มี “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรคกก. ไม่ส่งผลดีกับพรรคน้องใหม่ ซึ่งเป็นขวัญใจคนรุ่นใหม่ และบรรขาโจ๋บางส่วนที่ท่องอยู่ในโลกออนไลน์แน่ๆ

​แม้ในช่วง “ม็อบร้อยชื่อ” ซึ่งล่าสุดอ้างตัวเป็น “กลุ่มราษฎร” ได้อุบัติขึ้นและเริ่มมีกิจกรรม หลายคนเชื่อว่า จะสร้างคะแนนบวกให้กับเครือข่าย”เสี่ยเอก“อย่างล้นหลาม  เนื่องจากเคลื่อนไหวเป็นเนื้อเดียวกัน

อีกทั้งบรรดาแกนนำคณะก้าวหน้าและ พรรค กก. ก็ประกาศสนับสนุนการทำกิจกรรมของกลุ่มนี้มาตลอด หลายครั้งหลายหนเราได้เห็น นายธนาธรรวมทั้งผู้ใกล้ชิด ทั้งนายปิยบุตร แสงกนกกุล และ “ช่อ” พรรณิการ์ วานิช รวมทั้งสมาชิกพรรคกก. เดินทางไปปรากฎตัวในพื้นที่ชุมนุม “ม็อบราษฎร” เป็นประจำ และประกาศสนับสนุนม็อบร้อยชื่อมาตลอด

​โดยเป้าหมายหลักกลุ่มที่ประกาศตัวอยู่ตรงข้ามอำนาจรัฐ ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประยุทธ์และองคาพยพที่เกี่ยวข้องต้องลาออก 2.รัฐสภาต้องเปิดประชุมวิสามัญทันที เพื่อรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) ฉบับประชาชน และ 3.ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้อยู่ภายใต้ รธน. ตามระบอบประชาธิปไตย

​แต่ทำไปทำมา การทำกิจกรรมและข้อเรียกร้องของ “ม็อบราษฎร” ซึ่งใช้สัญญลักษณ์ชู 3 นิ้วเป็นโลโก้ เริ่มเกินธงไปเรื่อยๆ โดยเฉพาะประเด็น และข้อเรียกร้องซึ่งเกี่ยวข้องกับการปฎิรูปสถาบัน10 ข้อ ซึ่งถ้าเข้าไปพิจารณาเนื้อหาทั้งหมด จะถูกกลุ่มบุคคลที่มีความจงรักภักดี และคนจำนวนมากเห็นตรงกันว่า ต้องการทำให้สถาบันเกิดความอ่อนแอ

​อีกทั้งการทำกิจกรรมของ “ม็อบชู 3 นิ้ว” หลายครั้งหลายหน ก็ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการหยามพระเกียรติองค์พระประมุข และดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ โดยเฉพาะการทำกิจกรรมเมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่มีนำจดหมายไปยื่นผ่านสำนักพระราชวัง ซึ่งเนื้อหาจดหมายมีความไม่เหมาะสม และมีความล่อแหลม

การทำกิจกรรมหน้าสถานทูตเยอรมนี ประจำประเทศไทย และการจัดเดินแฟชั่นโชว์เลียนแบบบุคคลชั้นสูง บริเวณถนนสีลม ซึ่งทั้งหมดกลายเป็นคดีความ นำไปสู่การปลุกกระแสไม่พอใจของคนที่มีความจงรักภักดี นำมาสู่การแจ้งความดำเนินคดี และทำกิจกรรมปกป้องสถาบัน

​แม้กระทั่งการทำกิจกรรมของ กลุ่มผู้ชุมนุม Mob Fest  ซึ่งเป็นเครือข่ายเดียวกับ คณะราษฎร เมื่อวันที่ 14 พ.ย. บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ก็มีการแสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสมต่อสถาบัน ไล่ตั้งแต่ เมื่อเวลาประมาณ 17.30 น. มีขบวนเสด็จฯ ผ่านกลุ่มผู้ชุมนุม Mob Fest ได้หันหลังชูสามนิ้วพร้อมเคารพธงชาติขณะขบวนเสด็จฯ ผ่าน

cr / FB คณะราษฎร

จากนั้นในเวลาประมาณ 18.00 น. กลุ่มการ์ดผู้ชุมนุมได้นำป้ายผ้าสีขาวขนาดยักษ์ ที่ให้ผู้ชุมนุมเขียนข้อความนำไปคลุมตัวอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งพบว่า หลายข้อความที่มวลชนเขียนนั้น เป็นข้อความที่หยาบคาย และบางข้อความโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์

​ดังนั้นเมื่อการทำกิจกรรมของ “ม็อบชู 3 นิ้ว” ก่อให้เกิดผลกระทบกับสถาบัน มากขึ้นเรื่อยๆ กลุ่มคนเสื้อเหลือง ซึ่งจัดกิจกรรมปกป้องสถาบันอย่างต่อเนื่อง ก็เริ่มมีปฎิกริยาไม่พอใจ และเชื่อว่ากลุ่มก้าวหน้าและพรรคกก.อยู่เบื้องหลัง

​นำมาสู่การเคลื่อนไหว ต่อต้าน และขับไล่ประธานคณะก้าวหน้า และพรรคกก. ระหว่างเดินสายช่วยหาเสียงให้กับผู้สมัครนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) และสมาชิก อบจ. ที่ให้การสนับสนุน โดยมีการชูพระบรมฉายาลักษณ์ของพระเจ้าอยู่หัว ทั้งรัชกาลที่ 9 และรัชกาลที่ 10 ในหลายพื้นที่ และไม่สามารถคาดเดาได้ว่า การต่อต้านครั้งจะลุกลามบานปลายไปมากแค่ไหน

ที่หนักสุดคือ เหตุการณ์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งมี “คนสวมเสื้อเหลือง” นับร้อยคนออกมาต่อต้าน รวมตัวกันขับไล่ “นายธนาธร” ให้ออกพ้นพื้นที่ โดยใช้ข้อความและคำพูดโจมตีเช่น “คนเนรคุณ” หรือ “คนขายชาติ” ซึ่งก่อนหน้านี้เหตุการณ์ในลักษณะนี้ ก็เกิดขึ้นที่จังหวัดระยองมาแล้ว เมื่อถูกชาวบ้านในตลาดตะโกนขับไล่ ระหว่างประธานคณะก้าวหน้าช่วยสมาชิกกลุ่มหาเสียง ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่น

cr / FB Thanathorn Juangroongruangkit – ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

​ขณะที่ “นายธนาธร” ช่วยลูกทีมหาเสียงอยู่นั้น ได้มีประชาชน พร้อมแม่ค้าในตลาดนำพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 มาด้วย บุกกลางวงหาเสียง เข้าไปถามนายธนาธรว่า “สู้เป็นไทยถอยเป็นทาส คำว่าทาสของคุณคืออะไร มันเลิกทาสไปตั้งแต่รัชกาลที่ 5 แล้ว แต่ขอให้หยุดจาบจ้วงในหลวง พวกเราขอแค่ว่า ถ้าจะหาเสียงจะทำการเมืองให้ดีขึ้น อยากพัฒนาประเทศก็ทำไป แต่ต้องบอกพรรคพวกหยุดจาบจ้วงในหลวง สัญญากับคนบ้านฉางว่าจะไม่จาบจ้วงในหลวงได้หรือไม่

​ขณะที่เมื่อวันที่ 15 พ.ย. ระหว่าง “นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค กก. พร้อมด้วยแกนนำพรรค ได้ร่วมกันพบปะประชาชนในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้มีประชาชนกลุ่มปกป้องสถาบันกษัตริย์ ออกมาชูป้ายตะโกนขับไล่ที่วัดใหญ่ชัยมงคล ตำบลคลองสวนพลู อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

cr / FB พรรคก้าวไกล

ทำให้ “นายพิธา” และ “นางอมรัตน์” ออกมาพูดคุย โดยมวลชนได้บอกให้พรรคเลิกสนับสนุนการชุมนุม และยกเลิกการปฏิรูปสถาบัน จนเกิดการโต้เถียงกันนานกว่า 20 นาที ท่ามกลางการดูแลความสงบเรียบร้อยของตำรวจ ก่อนที่มวลชนจะแยกย้าย ขณะที่กลุ่ม ส.ส.จากพรรค กก. เดินทางกลับทันที

​อย่างไรก็ตาม “นายธนาธร” ได้ออกให้ความเห็นกรณีมีกลุ่มคนสวมใส่เสื้อสีเหลือง อ้างว่าออกมาปกป้องสถาบันว่า การดึงสถาบันมาโจมตีคณะก้าวหน้าในการเมืองท้องถิ่น ไม่ได้เป็นผลดีต่อสถาบัน สำหรับตนเอง ถ้าจะรณรงค์ไม่ให้พี่น้องประชาชนไม่ให้เลือกพวกเรา ก็เป็นสิทธิของทุกคนที่จะทำได้

แต่ตนก็จะเดินรณรงค์ตามตลาด ตามพื้นที่ต่างๆ ต่อไป จะบอกประชาชนว่าให้เลือกพวกเรา ต่างฝ่ายต่างให้เหตุผล อย่าลิดรอนสิทธิเสรีภาพของกันและกัน เราต่างคนต่างรณรงค์ โดยต้องไม่ปิดกั้นสิทธิเสรีภาพของกันและกัน ให้ประชาชนตัดสินใจน่าจะเป็นทางออกให้ประเทศดีที่สุด 

​ขณะที่ “นายชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรค กก. ก็ให้ความเห็นว่า “ถ้าจะเปลี่ยนผ่านบ้านเมืองไปสู่ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ เราจำเป็นต้องมี รธน. ฉบับใหม่ โจทย์ที่สำคัญคือ รัฐสภาจะทำอย่างไรเพื่อให้มีให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) เพื่อเป็นพื้นที่ของทุกคน ทุกฝ่ายอย่างแท้จริง แม้ว่าทุกฝ่ายอาจจะไม่ได้ทั้งหมดในสิ่งที่คิดทั้งหมด”

แต่พื้นที่ สสร. ต้องเปิดประตูโอบรับคนทุกคนทุกฝ่าย ไม่ใช่เป็นการปิดประตูตั้งแต่ต้น ไม่ควรไปกำหนดตั้งแต่แรกว่าไม่สามารถแก้ไขหมวด 1 หรือหมวด 2 ได้ ขอให้เชื่อในกระบวนการทางสังคมว่าจะสามารถสร้างความสมดุลให้เกิดขึ้น ในทางกลับกันหากมีการปิดกั้นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดตั้งแต่ต้น ต่อให้มี รธน.ฉบับใหม่ออกมา ก็อาจจะไม่เกิดการเปลี่ยนผ่านเป็นประชาธิปไตย

จากนี้ไปต้องจับตาดูว่า การเคลื่อนไหวของ กลุ่มคนเสื้อเหลืองที่ออกมาต่อต้าน คณะก้าวหน้า และ “พรรคกก.” จะกระทบยุทธศาสตร์ในการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นมากน้อยแค่ไหน โดยเฉพาะ การส่งผู้สมัครลงชิงตำแหน่ง “นายก อบจ.” กว่า 40 คนทั่วประเทศ เพื่อหวังสร้างฐานการเมือง รองรับการเลือกตั้งระดับชาติในอนาคต

ยิ่งเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตของคนไทย ย่อมมีพสกนิกรที่มีความจงรักภักดี ยอมไม่ได้ให้ใครก็ตาม หรือคนกลุ่มไหนแสดงพฤติกรรมจาบจ้วง หรือหวังโค่นล้ม เพื่อนำไปสู่การปกครองในระบอบอื่น จากนี้ไปอยู่ที่ว่า “นายธนาธร” จะกำหนดแนวทางและความเคลื่อนไหว ยิ่งต้องเผชิญยุทธศาสตร์ “หนามยอก เอาหนามบ่ง”

cr / FB ศรีสุวรรณ จรรยา

อย่าลืมว่า ก่อนหน้านี้ “นายศรีสุวรรณ จรรยา” เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้ไปร้องเรียนกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ถึง พฤติกรรมของคณะก้าวหน้า อาจเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ 2560 ม.111 ที่บัญญัติไว้ว่า “ผู้ใดสมคบกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปดําเนินกิจการเช่นเดียวกับพรรคการเมือง

หรือผู้ใดดําเนินการไม่ว่าด้วยวิธีใดให้เข้าใจว่าเป็นพรรคการเมืองโดยมิได้จดทะเบียนจัดตั้งพรรคการเมือง ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินสามปี หรือปรับไม่เกินหกหมื่นบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอน สิทธิเลือกตั้งของผู้นั้นมีกําหนดห้าปี” หลังส่งคนสมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ. และสมาชิก อบจ.

………………………

​​​​​​คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

​​​​​​​โดย ​#แมวสีขาว



- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img