วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSไม่หยุดจาบจ้วงต้องใช้ ม.112 จัดการพวกล้มรัฐ ล้มเจ้า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ไม่หยุดจาบจ้วงต้องใช้ ม.112 จัดการพวกล้มรัฐ ล้มเจ้า

การชุมนุมดูจะลุกลามบานปลาย ไม่หยุดการจาบจ้วง ล่วงละเมิดสถาบัน สุดที่ “ลุงตู่” จะทน ประกาศใช้กฎหมายทุกมาตรากับผู้ชุมนุม ซึ่งไม่เว้นแม้แต่ มาตรา 112 

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key”  ทางเว็บไซต์ TheKeyNews ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 21 พ.ย. 63 การชุมนุมที่ผ่านมา รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม พยายามอะลุ่มอล่วยให้กับกลุ่มผู้ชุมนุม ไม่ใช้กฎหมาย อาญา มาตรา 112 เลย จนกระทั่งการชุมนุมเมื่อวันที่ 18 พ.ย.ที่ผู้ชุมนุมไปสาดสีที่หน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และเขียนข้อความที่จาบจ้วง ล่วงละเมิด หมิ่นพระบรมเดชานุภาพองค์พระมหากษัตริย์ และพระบรมวงศานุวงศ์ เกินกว่าที่คนไทยที่เทิดทูน เคารพรักสถาบันจะทนนิ่งดูดายได้

@@@……ดังนั้น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม จึงได้แถลงว่าจะใช้มาตรการที่เข้มข้นขึ้นกับผู้ชุมนุมที่ทำผิดกฎหมาย โดยจะบังคับใช้กฎหมายทุกฉบับ ทุกมาตรา ไม่มีการยกเว้น….นั่นก็คง จะหมายถึงการนำกฎหมาย อาญา มาตรา 112 ที่ไม่มีใครอยากจะได้มาบังคับใช้ แต่เมื่อกลุ่มผู้ชุมนุมได้กระ ทำการที่มิบังควรกับสถาบัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง ก็ควรที่จะนำกฎหมาย อาญา มาตรา 112 มาบังคับใช้ได้แล้ว ตามเสียงเรียกร้องของประชาชนที่ทนไม่ไหว

อย่าลืมว่า กฎหมายดังกล่าวไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่ไม่ได้นำมาบังคับใช้เท่านั้นเอง ถ้ารัฐบาล หรือหน่วยงานด้านความมั่นคง ไม่ทำตามเสียงเรียกร้องของประชา ชนที่รักสถาบัน เจ้าหน้าที่อาจจะโดน มาตรา 157 ที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ไม่ทำตามกฎหมาย หรือ จะรอให้คนไทยอีกกลุ่มหนึ่งที่ทนไม่ไหวออกมา เมื่อนั้นแผ่นดินคงนองเลือดจริง ๆ 

@@@……ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีอยู่ข้างประชาชนส่วนใหญ่ แต่พร้อมรบกับม็อบที่ละเมิดกฏหมาย ล้มรัฐ ล้มเจ้า ประชาชนส่วนใหญ่ ต้องได้ประโยชน์  อย่าหลงไปกับความต้องการเทียมของราษฎรปลดแอก ที่นักการเมืองเลว กับต่างชาติ รอช้อนประโยชน์ หากประชาชนส่วนใหญ่เกินทน ถ้ารัฐไม่ทำอะไร ความรุนแรงที่ไม่มีใครอยากเห็นอาจจะเกิดขึ้น ที่ผ่านมาจะเห็นว่า ความตั้งใจของม็อบ ชัดเจน คนทนความใจเย็นของรัฐบาลไม่ไหว กฏหมู่จะอยู่เหนือกฏหมายไม่ได้ อาจส่งผลนำไปสู่จลาจล ถึงเวลานั้นอาจมีนองเลือดในขั้นต่อไปแน่นอน 

@@@……การบังคับใช้กฏหมาย มิได้เป็นการผลักไสประชาชนไปเป็นศัตรูแต่อย่างใด แต่เป็นการจัดการกับคนจงใจฝ่าฝืนกฏหมาย สร้างความแตกแยก โดยใช้กฏหมาย เพื่อให้สังคมสงบสุข ประชาชนได้รับการปก ป้องต่างหาก รวมทั้งมิได้เพิกเฉยต่อข้อเรียกร้อง แต่ได้นำข้อเรียกร้องทุกๆ อย่างมาพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว จึงสมควรบังคับใช้กฏหมายเข้มงวดนั่นเอง เพื่อให้บ้านเมืองกลับสู่ความสงบเรียบร้อย สามารถเดินหน้าต่อไปได้ตามครรลองของประชาธิปไตยที่ถูกต้อง มิใช่ปล่อยให้กฏหมู่อยู่เหนือกฏหมาย นั้นไม่ได้ 

@@@……“ไท” แปลว่าเสรีชน มีความหมายมากกว่าที่มันเป็นและมากกว่าคำว่า “เสรีภาพ” แต่หมายถึงอิสรภาพจากการครอบงำของต่างชาติต่างเผ่าพันธุ์ เสรีภาพที่ม็อบมักแฝงความเห็นแก่ตัว ความหยาบคายไร้มารยาท อวดดี อวดรู้ และใช้กฏหมู่คุกคามคนเห็นต่างรูปแบบเผด็จการสมบูรณ์แบบ เห็นการละเมิดกฏหมายเป็นเรื่องเล็กน้อยก็เพราะเอาตัวเองเป็นศูนย์กลางนั่นเอง 

@@@……สถาบัน ไม่ได้ทำร้ายใคร แต่ม็อบรุกโจมตีอยู่ได้ หวังนองเลือด ถึงเวลาที่เจ้าหน้าที่จะต้องบังคับใช้กฏหมายต่อ Leadershipให้แตกหักได้แล้ว บางครั้งไม่ต้องปฏิวัติรัฐประหาร ก็สามารถบังคับใช้กฏหมายต่อแกนนำผู้จงใจละเมิดกฏหมาย ท้าทายอำนาจรัฐ มุ่งล้มระบอบการปกครอง ล้มเจ้า ยังมีกฎหมาย อาญา มาตรา 215 ที่ส่งแกนนำเข้าคุกยาว…ถึงเวลาที่จะต้องทำหรือยัง หรือจะรอให้คนไทยที่ไม่เห็นด้วยออกมาก่อน…??  

 

@@@……ช่วงนี้กระแสข่าวเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี หลังวันที่ 2 ธ.ค.นี้ หนาหูเหลือเกิน จากกรณีศาลรัฐ ธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยคุณสมบัติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม กรณีพักบ้านหลวง วันที่ 2 ธ.ค.63 ทั้งนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไปอยู่บ้านในค่ายทหารนั้น เป็นไปโดยสิทธิของอดีต ผบ.ทบ.ที่กองทัพจะพิจารณาให้อยู่หรือไม่ ซึ่งไม่ใช่การใช้อำนาจตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในการเข้าไปอาศัยอยู่….นี่ขนาดศาลยังไม่วินิจฉัยผลออกมาจะเป็นอย่างไร ก็ปล่อยข่าวไล่กันแล้ว ใจเย็นกันสักนิดถ้าไม่อยากหน้าแตก คนที่ปล่อยไม่ได้อยู่ไกล ได้ยินว่าเป็นคนใกล้ชิดนักการเมืองวิ่งขาขวิด ทำหน้าที่ล็อบบี้ยิสต์ เผื่อส้มหล่นใส่เจ้านายว่างั้นเถอะ

@@@…….ช่วงหยุดยาว “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการฝ่ายปกครอง ตำรวจ และทหาร ประสานกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกการเดินทางท่องเที่ยวและจับจ่ายใช้สอยของประชาชนที่มีมากขึ้นต่อเนื่อง จากโครงการ “เราเที่ยวด้วยกัน” และโครงการ “คนละครึ่ง” รับกับวันหยุดยาวใน 19-22 พ.ย.63 ที่รัฐบาลกำหนดขึ้นต่อเนื่องถึงเทศกาลปีใหม่ โดยขอให้ฝ่ายปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นเจ้าภาพหลัก ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการระดับพื้นที่และกระ จายการมีส่วนร่วมรับผิดชอบกับชุมชนมากขึ้น ทั้งการดูแลความปลอดภัยกันและกัน โดยเฉพาะสถานที่จัดงานและแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีประชาชนหนาแน่น


@@@……ช่วงที่ผ่านมา พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้  ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) ลงพื้นที่เยี่ยมหน่วยทหารและติดตามการปฏิบัติงานของกองกำลังชายแดน โดยเดินทางไปยังชายแดนไทย-เมียนมาร์ ด้าน จ.แม่ฮ่องสอน รับฟังภารกิจป้องกันชายแดน ณ ฐานปฏิบัติการบ้านไม้ลัน อ.ปางมะผ้า หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารราบที่ 7 กองกำลังนเรศวร

นอกจากมาตรวจเยี่ยมแล้วยังมาสร้างขวัญให้กำลังใจกับกำลังพล และมาดูสภาพความเป็นอยู่ตามนโยบายด้านการดูแลสิทธิและสวัสดิการ รวมถึงมารับทราบข้อขัดข้องในการปฏิบัติงาน เพราะหน่วยชายแดนมีความสำคัญในการรักษาความมั่นคง ไม่ว่าจะเป็นปัญหายาเสพติด ลักลอบเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือภัยคุกคามต่างๆ ย่อมส่งผลกระทบกับประเทศเป็นอย่างมาก จึงต้องมีการจัดวางกำลังเพื่อป้องกันภัยคุกคามในรูปแบบต่างๆได้อย่างเหมาะสม ขณะเดียวกันจะต้องสร้างความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ เพื่อการอยู่ดีกินดีของประชาชน 


@@@……นอกจากนี้ ผบ.ทบ.ยังมีความห่วงใยและต้องการลดผลกระทบให้กับชาวนาที่ไม่มีพื้นที่เพียงพอในการตากข้าวเปลือกลดความชื้น ได้สั่งการให้หน่วยทหารทั่วประเทศ  พิจารณาเปิดพื้นที่ในค่ายทหารเพื่อให้ชาวนาใช้เป็นสถานที่ตากข้าวเปลือกเป็นการชั่วคราว  เพิ่มพื้นที่ตากข้าวให้เพียงพอกับความต้องการของชาวนาในแต่ละชุมชน/จังหวัด และยังได้มอบให้หน่วยทหารที่มีศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง หรือมีโรงสีข้าวในพื้นที่ของหน่วย ได้เข้าช่วยประสานดำเนินการรับซื้อข้าวเปลือกจากเกษตรกรนำมาตากและสีข้าวในโรงสีข้าวของหน่วยเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนอีกทางหนึ่ง ด้วย

โดยให้หน่วยทหารเร่งดำเนินการอย่างเร่งด่วนเพื่อให้ทันต่อความเดือดร้อนของเกษตรกรในขณะนี้ หากเกษตรกรที่ได้รับความเดือดร้อนในเรื่องดังกล่าวสามารถติดต่อประสานขอใช้พื้นที่ในค่ายทหารได้โดยตรงกับหน่วยทหารในแต่ละจังหวัด ซึ่งกองทัพบกยินดีและพร้อมให้การช่วยเหลือประชาชนอย่างเต็มกำลังความสามารถ

@@@……เข้าสู่หน้าหนาว พ.อ.จิรายุ จิตธรรม ผบ.นพค.32 สนภ.3 นทพ. นำกำลังพล ร่วมกิจกรรมจิตอาสาพระราชทาน และได้มอบผ้าห่มและเครื่องกันหนาวให้แก่ผู้ประสบภัยหนาว จำนวน 300 ผืน พร้อมทั้งได้มอบสิ่งของอุปโภค-บริโภค และอุปกรณ์ต่าง ๆ ที่จำเป็นให้กับคนชราและผู้พิการ ที่บ้านขุนคอง หมู่ 6 ต.ทุ่งข้าวพวง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ 

—————————————
คอลัมน์ “Military Key”
โดย “รหัสมอร์ส” 



- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img