ประเทศไทย!! ได้กลายเป็นจุดดึงดูดสายตาชาวโลก…อีกครั้ง จากการเป็นเจ้าภาพจัด การประชุมเอเปค ครั้งที่ 29 โดยเฉพาะในการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ที่มีขึ้นวันที่ 18-19 พ.ย.65
ด้วยธีมของการประชุมในปีนี้ได้เน้นหนักไปในเรื่องของการ “รักษ์โลก” โดยไทยในฐานะเจ้าภาพได้นำโมเดลเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียน และ เศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG มาเป็นแนวคิดหลัก รวมทั้งยังเป็นอีกหนึ่งเวทีที่ช่วยผลักดันการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้…โครงการ “Care the Bear” ที่ดำเนินการโดยตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย หรือ ตลท.และพันธมิตร เพื่อระดมทุนมาทำกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาการปล่อยก๊าซเรือนกระจก จึงได้ถูกหยิบยกมาสนับสนุนของสุดยอดการประชุมครั้งนี้ ผ่านการจัดการพื้นที่ “ศูนย์ข่าวสีเขียว”
ขณะเดียวกันยังรวมไปถึงพื้นที่จัดบูธนิทรรศการขององค์กรต่าง ๆ รวมเป็นพื้นที่กว่า 22,000 ตร.ม. เพื่อให้เกิดการประหยัดพลังงานและทรัพยากรในการจัดกิจกรรม ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ตลอด 3 วันแรก พบว่า…พันธมิตรในโครงการ Care the Bear ได้ช่วยกันลดการปลดปล่อยคาร์บอนลงจากยอดที่ประมาณการไว้ได้ถึง 14,969.02 กิโลกรัม ของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า หรือเทียบได้กับการดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ 1,663 ต้น
นั่น…เท่ากับว่า “ศูนย์สื่อมวลชน” ได้ปล่อยคาร์บอนออกมาเพียง 1,224,620 กิโลกรัม ของคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ซึ่งในส่วนนี้ “บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น” ที่เป็น “โต้โผใหญ่” ในเรื่องของการชดเชยคาร์บอนเครดิต ได้ทำการซื้อคาร์บอนเครดิตมาชดเชยผ่าน Carbon Market Club
การใช้วิธีเช่นนี้ ได้ทำให้ศูนย์สื่อมวลชนมีความเป็นกลางทางคาร์บอนตามเป้าหมายของหมีน้อย Care the Bear ได้ต่อไป ตามเป้าหมายที่วางไว้
“ภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการแลผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย บอกว่า ได้ส่งเสริมให้บรรดาองค์กรที่ร่วมออกบูธในงาน รวมทั้งบรรดาผู้เข้าร่วมงานทั้งหมด ให้เข้าใจและนำหลักปฎิบัติ 6 Cares ไปดำเนินการ
ไม่ว่าจะเป็น การเดินทางโดยรถสาธารณะหรือเดินทางมาร่วมกัน การลดใช้กระดาษและพลาสติก การงดการใช้โฟม การลดใช้พลังงาน การใช้วัสดุตกแต่งที่สามารถกลับมาใช้ใหม่ได้ และการลดขยะจากอาหารเหลือทิ้ง
อย่าลืมว่า!! ศูนย์ข่าวสีเขียว ซึ่งเป็นพื้นที่ศูนย์ข่าวของสุดยอดการประชุม และยังรองรับบรรดาสื่อมวลชนจากทั่วโลกกว่า 3,000 คน หากประเทศไทยสามารถบริหารจัดการ ดำเนินการในเรื่องนี้ได้เป็นผลสำเร็จ
นั่น!! ก็หมายความว่า…ทั่วโลกจะได้เห็น “ต้นแบบ”การจัดการด้านสิ่งแวดล้อม การใช้ทรัพยากรและพลังงานอย่างคุ้มค่า การบริหารจัดการขยะอย่างครบวงจรและเป็นรูปธรรม
ต้องยอมรับว่าในกลุ่มประเทศเอเปค มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกกันมากถึง 60% ของโลก และมี 7 ประเทศ ที่เป็น Top10 ในการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของโลก ประมาณ 28,000 ล้านตันต่อปี
ประเทศในกลุ่มนี้ จึงเป็นตัวนำสำคัญในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพราะหากปล่อยไว้ต่อไป ย่อมเป็นผลเสียผลต่อภาพรวมของประเทศและของโลก ในประเด็นสิ่งแวดล้อม
การเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมเอเปคของไทย ภายใต้หัวข้อหลัก “เปิดกว้างสร้างสัมพันธ์ เชื่อมโยงกัน สู่สมดุล” ได้มีการหยิบยกประเด็นในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เข้ามาหารือด้วยเช่นกัน
ประเด็นที่เรียกว่า Bangkok Goal On BCG Economy เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม มีเป้าหมายที่จะผลักดันในการประชุมครั้งนี้ 4 เป้าหมาย
ทั้งเรื่องของ การจัดการกับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งจะผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอนของกลุ่มเอเปค การค้าการลงทุน ที่จะส่งเสริมการลงทุนภาคสีเขียวในกลุ่มประเทศสมาชิกเอเปค การจัดทรัพยากรที่ยั่งยืน และ รักษาความหลากหลายทางชีวภาพ รวมทั้งภาคประมง และสุดท้ายคือ การลดขยะ
แม้เวทีเอเปค อาจไม่ได้นำมาซึ่งความร่วมมือที่ “จับต้องได้” หรือทำให้ “รู้สึกในทันที” ว่าได้ประโยชน์ แต่อย่างน้อยในเรื่องของการขับเคลื่อนการดูแลสิ่งแวดล้อม ที่ปฎิบัติได้จริง แล้วยังวัดผลได้จริง ก็น่าจะทำให้ “ไทย” ยังเป็นที่รู้จักในเวทีโลกได้ไม่น้อย โดยเฉพาะท่ามกลางกระแส “ลดโลกร้อน”
นอกเหนือไปจากเสียงชื่นชม.. ที่ว่าการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยครั้งนี้ ถือว่าอยู่ในระดับเวิลด์คลาส และจัดการได้เยี่ยมยอด เตรียมงานเป็นเลิศ เอาใจใส่ผู้เข้าร่วมประชุมทุกด้าน!!
…………….
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
