วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSแค่…ประชานิยม!ไม่พอ รอพิสูจน์ฝีมือ “รัฐบาลใหม่”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แค่…ประชานิยม!ไม่พอ รอพิสูจน์ฝีมือ “รัฐบาลใหม่”

ประเทศไทยกำลังเดินหน้าเข้าสู่โหมด “เลือกตั้ง” แบบเต็มตัว แม้ว่า “บิ๊กตู่-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ยังแทงกั๊ก ไม่เคาะว่าจะเลือกเดินแนวทางไหน ระหว่างการเป็นรัฐบาลแบบครบเทอม หรือจะชิงยุบสภาไปก่อนครบเวลาในวันที่ 23 มี.ค.นี้

แต่!! ทุกวันนี้บรรดาพรรคการเมืองต่างเดินหน้าออก “นโยบาย” เพื่อหวังดูดคะแนนเสียงกันแบบเชือดเฉือน ด้วยหมายมั่นปั้นมือว่าจะสามารถ “ชนะใจ” คนไทยตาดำ ๆ

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของค่าแรง 600 บาท เรื่องเติมเงินบัตรคนจนเป็น 700 บาท การเดินหน้าสานต่อนโยบายกัญชาเสรี นโยบายปากท้องดีพร้อมแถมหวยใบเสร็จ หรือแม้แต่นโยบายประกันรายได้พืชเศรษฐกิจ 5 ชนิดอย่างต่อเนื่อง และอีกมากมายสารพัด

นโยบายทั้งหลายทั้งปวงที่ผุดกันออกมาในแต่ละพรรค ก็ปฎิเสธไม่ได้เช่นกันว่า เป็นเรื่องของ “ประชานิยม” กันทั้งนั้น แต่ละเรื่องแต่ละราวย่อมหนีไม่พ้น การใช้เงินของประเทศ

สุดท้าย!! ก็หนีไม่พ้นกลายเป็นภาระทางการคลัง สั่งสมหนี้ต่อหัวของประชาชนชาวไทยเพิ่มมากขึ้นไปอีก!!

แม้ว่ารายได้ของประเทศ หรือ “จีดีพี” จะเพิ่มขึ้นทุกปี โดยล่าสุดสภาพัฒฯน์รายงานอยู่ที่ 18.7 ล้านล้านบาท ขณะที่คนไทยมีรายได้ต่อหัวต่อปีอยู่ที่ 2.68 แสนบาท

หนี้ครัวเรือน

แต่อย่าลืมว่า … จำนวนหนี้สาธารณะของประเทศ ยังคงอยู่ที่ 10.37 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 60.41% ของจีดีพี

ตราบใดที่ประเทศยังคงมีรายได้ไม่มากพอ หรือมีรายได้มากกว่า รายจ่ายของประเทศ นั่นย่อมหมายถึงประเทศต้อง “กู้เงิน” มาบริหารประเทศให้เดินหน้าต่อไป โดยทุกวันนี้ประเทศไทยยังคงจัดทำงบประมาณแบบขาดดุล มานานหลายสิบปีแล้ว

ล่าสุด…การจัดทำงบประมาณรายจ่ายในปี 67 ก็ยังคงขาดดุลที่ 5.9 แสนล้านบาท โดยมีงบประมาณรายจ่ายอยู่ที่ 3.3 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.18% และส่วนใหญ่ยังคงมาจากรายจ่ายประจำ สวนทางกับรายได้ที่ตั้งเป้าหมายไว้ที่ 2.7 ล้านล้านบาท

แม้เวลานี้ประเทศกำลังมีความหวังจากการท่องเที่ยว ที่กำลังกลายมาเป็นพระเอกหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในปีนี้ แต่รายได้จากการท่องเที่ยวก็มีสัดส่วนไม่ถึง 20% ของจีดีพี

ขณะที่ภาคการ “ส่งออก” ที่เป็นเครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจ ก็มีแนวโน้มสาละวันเตี้ยลง จากสารพัดปัญหาจากนอกประเทศที่ยังคงถาโถมเข้ามาอย่างต่อเนื่อง

มีการคาดการณ์กันว่าอัตราการเติบโตของภาคการส่งออกในปี 66 นี้ อาจเติบโตในระดับเพียงแค่ 1-2% เพราะทั้งสต๊อกสินค้าในไตรมาสแรกของปีนี้ ยังคงมีสูง ทำให้หลายประเทศชะลอการสั่งซื้อ

นอกจากนี้ราคาน้ำมันอยู่ในระดับสูงและแนวโน้มลดลงค่อนข้างน้อย ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต รวมไปถึงค่าเงินบาท มีแนวโน้มแข็งค่า ทำให้ศักยภาพในการแข่งขันของสินค้าไทยลดลง เพราะแพงกว่าคู่แข่ง

ที่สำคัญปัญหาเรื่อง “ค่าไฟแพง” ก็กลายเป็นประเด็นที่ภาคเอกชน ออกมาส่งเสียงเรียกร้องอย่างหนักตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา ทั้งหมดกลายเป็นปัญหาที่ประชาชนคนไทยยังต้องเผชิญ

ค่าไฟแพง

ด้วยเหตุนี้เอง…ภาคเอกชนโดยเฉพาะสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ “ส.อ.ท.” จึงต้องเตรียมจัดเวทีดีเบตเพื่อให้บรรดาพรรคการเมืองมาโชว์วิสัยทัศน์ใน 5 ด้าน ทั้งเรื่องของพลังงาน วัตถุดิบ แรงงาน การเงิน และโลจิสติกส์

ทั้งหมด!! ก็เพื่อใช้เป็นข้อมูลของบรรดาสมาชิกในการตัดสินใจในการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้นในอีกไม่ช้า เพราะการหาเสียงกับประชาชนคนไทยโดยใช้เรื่องของประชานิยม ก็ย่อมได้ใจอยู่แล้วแน่นอน

แต่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ เพียงแค่ใช้เครื่องยนต์ด้านกำลังซื้อของประชาชน คงไม่เพียงพอ ที่สำคัญ ยังอาจกลายเป็นปัญหาด้านการคลังในอนาคต

ดังนั้น การตั้งนโยบายประชานิยมแบบเดิม ๆ เพียงแค่ต้องการแลกกับคะแนนเสียงเพื่อหวังผลเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล คงไม่เพียงพอ

อย่าลืมว่า ในช่วงที่ผ่านมา 3 ปี ประชาชนคนไทยต้องเผชิญกับความยากลำบากอย่างแสนสาหัส บางคนแข็งแกร่งก็อยู่รอด บางคนปรับตัวไม่ได้รับไม่ทัน ก็ต้องล้มหมอนนอนเสื่อไปจำนวนไม่น้อย

อย่างที่บอก…เศรษฐกิจในปีนี้มีทั้งปัจจัยบวกและปัจจัยลบ สิ่งสำคัญ!! คือการบริหารจัดการให้ปัจจัยลบส่งผลกระทบที่น้อยที่สุด ขณะที่การทำให้ปัจจัยบวกเป็นประโยชน์ต่อคนไทยมากที่สุด คือ…หัวใจหลักของการฝ่ามรสุมทางเศรษฐกิจ

ปัญหา? คือ… บรรดาพรรคการเมืองที่ “อยาก” เป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล!! จะมีฝีมือฝ่ามรสุมทางเศรษฐกิจนี้ได้ดีแค่ไหน!!

……………………………………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img