วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS"เรารักกัน"สุดท้ายหรือยัง ลุ้น"บิ๊กตู่"เดินต่อครบเทอม
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เรารักกัน”สุดท้ายหรือยัง ลุ้น”บิ๊กตู่”เดินต่อครบเทอม

เป็นที่คาดการณ์กันว่า… ในการประชุมครม.วันที่ 9 ก.พ.นี้ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เตรียมให้ความเห็นชอบมาตรการ “ม.33 เรารักกัน” ซึ่งเป็นมาตรการล่าสุด เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการแพร่ระบาดระลอกสองของไวรัสโควิด-19

เงื่อนไขง่าย ๆ ชัด ๆ เป็นผู้ประกันตนตามมาตรา 33 เป็นผู้มีสัญชาติไทย อายุตั้งแต่ 18 ปี มีเงินฝากในบัญชีไม่เกิน 5 แสนบาท จะได้รับเงินเยียวยาคนละ 4,000 บาท โดยแบ่งจ่ายเป็นรายอาทิตย์ ๆ ละ 1,000 บาท ผ่านแอปพลิเคชั่นเป๋าตัง เช่นเดียวกับโครงการ “เราชนะ”

ประมาณกันเบื้องต้นว่า…ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 ประมาณ 9 ล้านคน จะได้รับสิทธิความช่วยเหลือตามโครงการเรารักกันในครั้งนี้ และจะเริ่มใช้เงินเยียวได้ตั้งแต่ต้นเดือนมี.ค.นี้เป็นต้นไป โดยเงินที่ใช้ต้องมาจากรัฐบาล จำนวน 40,000 ล้านบาท

ด้วยเพราะ…ตามกฎหมายของกองทุนประกันสังคมแล้ว อาจไม่สามารถนำเงินมาใช้เพื่อการนี้ได้ จึงจำเป็นต้องอาศัยเงินจากรัฐบาล ที่มีวงเงินกู้ ตามพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท รองรับอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เรียกได้ว่า หมดจากโครงการนี้ไปแล้ว กลุ่มบุคคลอื่น ๆ ที่ตกหล่น ก็น่าจะถูกยกประโยชน์ไปทั้งหมด เพราะน่าจะเป็นผู้ที่ช่วยเหลือตัวเองได้ แม้ได้รับผลกระทบจากไวรัสโควิด เช่นกัน

cr/ FB สถานีข่าวกระทรวงการคลัง

ขณะเดียวกันจากปากของ “ขุนคลัง” อาคม เติมพิยาไพสิฐ เองยืนยันว่า จะอย่างไรก็ตามหลังหมดวิกฤติไวรัสโควิดร้ายนี้แล้ว ประเทศไทยยังคงต้องการวัคซีนถึง6 เข็ม

โดยวัคซีน 1 ใน 6 เข็ม ก็ยังต้องมีมาตรการ “กระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ” ต่อไป เพื่อไม่ให้หมดพลัง เพราะถือเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์หลักสำคัญที่ต้องทำให้แข็งแรง

นั่นหมายความว่า… คนไทยทั้งประเทศ อาจได้ “รื่นรมย์” กับนโยบายใหม่ ๆ ของรัฐบาล โดยเฉพาะอย่างยิ่ง… ในช่วงเวลาที่คะแนนความนิยมของรัฐบาลกำลังร่วงลง…ร่วงลง

ต้องยอมรับว่า…สารพัดมาตรการเยียวยา ที่ออกมาตั้งแต่ปีที่แล้ว ไม่ว่าจะเป็น เราไม่ทิ้งกัน-ชิมชอปใช้-คนละครึ่ง-ชอปดีมีคืน ต่างช่วยสร้างบรรยากาศการใช้จ่ายในประเทศให้เกิดความคึกคักได้ไม่น้อยทีเดียว

มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ออกมาระบุไว้ชัดเจนว่า มาตรการของรัฐที่ออกมาและกำลังจะออกมา ทั้งโครงการคนละครึ่ง โครงการเราชนะ และโครงการเรารักกัน ต่างมีผลต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจทั้งนั้น

เพราะอย่าลืมว่า หากคิดวงเงินเฉพาะ เพียงแค่ 3 โครงการนี้ รวมกันแล้วก็เป็นเงินกว่า 303,000 ล้านบาทกันทีเดียว ซึ่งก็ส่งผลช่วยกระตุ้นจีดีพีให้เติบโตได้อีก 1.7%

ขณะเดียวกันทั้ง 3 โครงการ ยังช่วยส่งผลให้มีการรักษาการจ้างงานในระบบไว้ได้ถึง 6-9 แสนคน ทีเดียว เพราะมีแรงงานกลับเข้ามาในกลุ่มธุรกิจค้าขาย ขนส่ง และกลุ่มอาหาร ทำให้อัตราการว่างงานไม่เกิน 2%

เรียกได้ว่า มาตรการที่ออกมา ยังสามารถประคับประคองเยียวยา สถานะของรัฐบาลไว้ได้บ้างไม่มากก็น้อย  แม้มีหลายฝักหลายฝ่ายจะออกตัวแรงในหลายรูปแบบ ในหลายทิศทางของการสื่อสาร

แม้ในแต่ละโครงการที่ออกมา อาจไม่เต็มรูปแบบ อาจไม่ได้รับความช่วยเหลือกันถ้วนหน้า ถ้วนทั่ว แต่ในเมื่อเสียงส่วนใหญ่ได้รับอย่างทั่วถึง กระแสเสียงเรียกร้องที่ออกมาจึงไม่ได้ส่งเสียงดังมากนัก

นี่ !! ยังเป็นเพียงแค่ ยกต้น ๆ ที่ต้องทำให้ “อิ่มท้อง” กันก่อน และส่วนใหญ่ยังเป็นเสียงของคนเมือง คนรากหญ้า คนหาเช้ากินค่ำ ยังไม่ถึงบรรดาชาวไร่ ชาวนา ชาวสวน

เพราะ…เมื่อย่างเข้าสู่ฤดูแล้ง ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ปัญหาเรื่องของเกษตรกรก็จะตามมา และเป็นกลุ่มเสียงกลุ่มก้อน ที่เสียงดัง เพราะเป็นฐานเสียงที่สำคัญของรัฐนาวาลำนี้

เอาเป็นว่า!! หลังจากนี้… หลังจากที่รัฐบาลได้ประสานเสียงให้ความเห็นชอบกับโครงการ “ม.33 เรารักกัน” ไปแล้ว ก็ต้องมารอดูทีท่า ว่าเสียงเรียกร้องจากบรรดาผู้ที่ ”ตกหล่น”จะมีออกมามากน้อยเพียงใด!!
……………………………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo


- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img