วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSแบงก์เรียกเชื่อมั่นคืน! เร่งระดมสกัดมิจฉาชีพ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

แบงก์เรียกเชื่อมั่นคืน! เร่งระดมสกัดมิจฉาชีพ

อดรนทนไม่ไหว!!กันแล้ว กับสารพันกลยุทธ์ “หลอกลวง” ที่นับวันนับวินาที กำลังพุ่งทะยานกลายเป็นดอกเห็ดยุ่บยั่บ แบบชนดที่เรียกว่า ไม่ไหวจะเคลียร์…กันทีเดียว

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การหลอกลวงที่เกิดขึ้นเกือบทุกครั้ง หนีไม่พ้นที่บรรดาสถาบันการเงิน!! ต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องแทบทุกเคส ทุกกรณี เพราะ…บรรดาพวกมิจฉาชีพต่างใช้ช่องว่าง-ช่องโหว่ของโลกยุคสังคมไร้เงินสด ผ่านการใช้แอพพลิเคชั่นของสถาบันการเงิน บนโทรศัพท์มือถือ

เมื่อมาผสมกับ “ความโลภ” หลอมลวมเข้ากับ “ความไม่รู้” เข้ามาหลอกล่อหลอกลวง “เหยื่อ”

สุดท้าย!! ก็หนีไม่พ้นหมดตัว!! อย่างที่เห็นเป็นข่าวกันอยู่ทุกวัน

ทุกวันนี้!! ปัญหาหลอกลวงได้ลุกลาม โดยใช้หน่วยงานราชการเข้ามาเป็นตัวตั้งต้น เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือ น่ากลัว น่าหวาดระแวง จนทำให้ “เหยื่อ” หลงเชื่อกดคลิก เพียงครั้งเดียว เงินก็หมดกระเป๋า

ที่สำคัญ…ตัวกลางอย่าง “สถาบันการเงิน” เจ้าของแอพพลิเคชั่น ก็ไม่สามารถตอบสนองความเดือดร้อนของลูกค้าได้ทันทีทันใด เพราะมีกฎหมายขวางกั้นอยู่ หนีไม่พ้นต้องกลายเป็นจำเลยของสังคมแบบช่วยไม่ได้

สมาคมธนาคารไทยเตือนภัยแอพดูดเงินลูกค้า


ด้วยเหตุนี้ “สมาคมธนาคารไทย” จึงต้องตั้งโต๊ะชี้แจงแถลงไข เพื่อเรียกความเชื่อมั่นกลับคืนมาโดยเร็ว หลังจากประชาชนคนไทยทั่วประเทศต่างร้องระงม

ที่น่าตกใจ!! ตามที่สมาคมธนาคารไทยออกมาชี้แจงพบว่า กรณี “แอพดูดเงิน” ที่เกิดขึ้น ทำให้บรรดาเหยื่อ ต้องสูญเงินไม่น้อยกว่า 500 ล้านบาทกันทีเดียว และยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นทุกวัน

ที่น่าตกใจยิ่งกว่า!! เหตุที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่เกือบ 100% เกิดจากสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบ “แอนดรอยด์”

เรื่องนี้ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นการ “ชี้ช่อง” ให้เกิดการได้เปรียบหรือเสียเปรียบทางการตลาด เพียงแต่เป็นการนำ “ข้อเท็จจริง” มาพูดกันให้เห็นถึง “ช่องโหว่” ของปัญหา

แต่ปัญหาใช่ว่า…จะอยู่ที่ระบบโน้น-ระบบนี้ แต่ทั้งหมด!! อยู่ที่ตัวเราเองมากกว่า ที่ต้องใส่ใจ เข้าใจ ไม่โลภ ก็สามารถอยู่รอดปลอดภัยเงินไม่หมดกระเป๋าแน่

เอาเข้าจริง…ปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ภาคธนาคารแต่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ตัวแปรใหญ่อยู่ที่เครื่องโทรศัพท์มือถือ ที่ทุกคนต่างติดตั้งสารพัดแอพพลิเคชั่น เพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต

ดังนั้น!! ทั้งภาครัฐ-ภาคเอกชน ที่เกี่ยวข้องต้องร่วมมือกันอย่างจริงจัง เพื่อสะกัดกั้นปัญหาเหล่านี้ให้อยู่หมัด

สมาคมธนาคารไทย ชี้แจงว่า เบื้องต้น ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมดำเนินการใน 4 ข้อแล้ว ทั้งการตรวจสอบปิดไลน์ปลอมของธนาคาร การควบคุมและจัดการ ชื่อผู้ส่ง SMS ปลอมนอกจากนี้ยังรวมถึงการ ปิดกั้น URL ที่เป็นอันตราย
หรือ… แม้แต่ การหารือกับธนาคารสมาชิกพัฒนาระบบความปลอดภัยแชร์เทคนิคและแนวทางป้องกันภัยร่วมกัน เช่น พัฒนาการป้องกันและควบคุมโมบาย แบงก์กิ้ง กรณีมือถือมีการเปิดใช้งานการช่วยเหลือพิเศษ การเพิ่มระบบการพิสูจน์ตัวตน ประเภทการสแกนใบหน้า

แต่ที่เหนือสิ่งอื่นใดทั้งปวง!! หากกฎหมายป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ ก็จะทำลายบรรดาอุปสรรคในหลาย ๆ ด้าน จนสามารถเข้าไปช่วยเหลือเหยื่อได้ทันท่วงที เพราะสามารถบล็อกบัญชีต้องสงสัยได้ โดยไม่ต้องรอแจ้งความ

เปิดบัญชีม้า

ขณะเดียวกัน ยังทำให้ธนาคารสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันได้โดยไม่ผิดกฎหมาย ส่งผลให้การติดตามบัญชีม้า ทำได้รวดเร็วมากขึ้น ไม่ต้องมานั่งรอ 15 วัน เหมือนที่ผ่านมาอีก

แม้เวลานี้ สถาบันการเงินเอง ก็ไม่ได้การันตีว่าจะตาม “บัญชีม้า” ได้ทุกเคส แต่สามารถติดตามได้มากขึ้น แบบชนิดที่เรียกว่า เป็นการหักขาม้า

ส่วนใครที่มี “ซิม” เยอะ จนผิดปกติ มีที 50 ซิม 100 ซิม เมื่อเครือข่ายมือถือแชร์ข้อมูลกับสถาบันการเงิน ก็จะเห็น “บัญชีม้า” ได้มากขึ้น

เอาเป็นว่า ณ เวลานี้ ทุกฝ่าย-ทุกหน่วยงาน ทั้งรัฐ ทั้งเอกชน ต่างพยายามร่วมมือกันแก้ไขปัญหากันอย่างเต็มที่!!

ส่วน “เหยื่อ” เองก็ต้องตระหนัก เรียนรู้ รวมถึงปกป้อง ดูแลตัวเองด้วยเช่นกัน ดั่งคำพระที่ทุกคนชินหู ที่ว่า…อัตตาหิ อัตโนนาโถ!!

……………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img