สภาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ได้ออกมาเปิดเผย จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในไตรมาสแรกของปีนี้ ที่จำนวน 6.15 ล้านคน สร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 3.16 แสนล้านบาท
ในจำนวนนี้ แยกเป็นนักท่องเที่ยวจีนประมาณ 5 แสนคน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่คาดการณ์ไว้ที่ประมาณ 3 แสนคน และยังเชื่อว่าภายในไตรมาสสองนี้ จะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยไม่น้อยกว่า 5 แสนคน…เช่นกัน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงเดือนเม.ย. ที่มีเทศกาลสำคัญและเป็นที่รู้จักกันอย่างดีของนักท่องเที่ยวทั่วโลกอย่างเทศกาล “สงกรานต์” ที่จะดึงดูดให้นักท่องเที่ยวจีนมาเที่ยวไทยได้ ประมาณ 2.5 แสนคนทีเดียว
นอกจากนี้ยังคาดการณ์ว่า ตลอดทั้งปีนี้ จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าไทยมากถึง 29.20 ล้านคน และเชื่อว่า ช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศกว่า 1.5 ล้านล้านบาท หรือราวๆ 64% ของช่วงก่อนเกิดโควิด
แน่นอนว่า…เป้าหมายใหญ่ที่ต้องการคงหนีไม่พ้น นักท่องเที่ยวจีน ซึ่งเป็น “ความหวัง” ของทุกประเทศ ไม่ใช่เพียงแค่ไทยเท่านั้นที่ต้องการ
ด้วยเหตุที่ว่า จีนมีประชากรมากกว่า 1,000 ล้านคน และจีนได้เปิดประเทศให้ประชากรสามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ ไม่ว่าจะในรูปแบบของการเดินทางด้วยตัวเอง หรือการเดินทางในรูปแบบของกรุ๊ปทัวร์
มีการคาดการณ์กันว่า…นักท่องเที่ยวจีนได้เดินทางท่องเที่ยวทั่วโลกในปีนี้กว่า 115 ล้านเที่ยวบิน โดยมีการจับจ่ายใช้สอยไม่น้อยกว่า 8.55 ล้านล้านบาท
หากสามารถดึงนักท่องเที่ยวจีนมาใช้จ่ายได้มากเท่าไหร่…นั่นหมายความว่า ยิ่งช่วยสร้างรายได้เข้าประเทศเป็นจำนวนไม่น้อย และยังเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เติบโตได้
อย่าลืมว่า!! ก่อนเกิดเหตุการณ์ไวรัสร้าย หรือในปี 62 มีนักท่องเที่ยวจีนเดินทางเข้าไทยมากถึง 11 ล้านคน หรือเฉลี่ยเกือบ 1 ล้านคนต่อเดือน ครองสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของตลาดต่างชาติเที่ยวไทยรวมเกือบ 40 ล้านคนในปีนั้น
ขณะเดียวกันก็ต้องยอมรับว่าปัญหา “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ในช่วงที่ผ่านมา ได้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก เพราะตามโครงสร้างของนักท่องเที่ยวจีน มีกว่า 60% ที่เดินทางมาด้วยตัวเอง ขณะที่ 40% เดินทางมากับกรุ๊ปทัวร์ และในจำนวนนี้มีกว่า 50% ที่เข้ามาในรูปแบบของทัวร์ศูนย์เหรียญ
แม้ไทย…ได้ประโยชน์จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีน แต่ขณะเดียวกันก็สร้างความเสียหายให้กับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยจำนวนไม่น้อยเช่นกัน
ที่มากไปกว่านั้น! คือ การเข้ามาเปิดธุรกิจทางด้านการท่องเที่ยวแบบครบวงจร โดยการใช้คนไทยเป็นตัวแทน หรือ “นอมินี” เพื่อเปิดบริษัทรองรับนักท่องเที่ยวจีนโดยตรง
ไม่เพียงเท่านี้ ยังมีการทำธุรกิจสีเทา จนนำมาซึ่งสารพัดปัญหา ดั่งที่…เห็นเป็นกระแสข่าวเกิดขึ้นจนทุกวันนี้ และส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของประเทศไม่น้อยทีเดียว
ล่าสุด กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ออกมาระบุไว้ชัดเจนว่า ปัญหาเรื่องทัวร์ศูนย์เหรียญในไทย กำลังกลับมาอีกแล้ว เพราะราคาแพ็คเกจทัวร์ ที่เอเย่นต์ในฝั่งของจีนประกาศขายในช่วงที่จีนเปิดประเทศ มีราคาที่ต่ำมาก เมื่อเทียบกับต้นทุนในปัจจุบัน ชนิดที่เรียกว่า…แย่งกันทำการตลาดแบบจัดเต็มคาราเบล หลังไม่ได้ทำกันมานานถึง 3 ปีเต็ม
ที่สำคัญ!! ยังมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้นด้วย ซึ่งจะเริ่มเห็นสถานการณ์ที่ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงครึ่งปีหลังนี้แน่ๆ ซึ่งการทำตลาดที่เกิดขึ้น มีทั้งรูปแบบที่เข้ามาสร้างเครือข่ายเอง และการหาพันธมิตรในประเทศไทย
หากปัญหาทัวร์ศูนย์เหรียญนี้กลับมาอีก จะยิ่งทำให้โครงสร้างของธุรกิจท่องเที่ยวไทยนั้นบิดเบี้ยว แถมยังสร้างปัญหา สร้างความไม่เชื่อมั่นต่อการเดินทางมาเที่ยวไทย เพราะมีความไม่ปลอดภัยเกิดขึ้น
ขณะเดียวกัน ยังทำให้รายได้ที่ไทยควรได้รับเต็มเม็ดเต็มหน่วย ตามช่องทางที่ถูกต้อง กลับกลายเป็นว่าเกิดการ “รั่วไหล” แต่ไทยต้องสูญเสียทรัพยากรทางธรรมชาติที่เป็นต้นทุนสำคัญของประเทศเป็นจำนวนไม่น้อย
แม้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะตระหนัก ถึงเรื่องนี้ และร่วมกันวางแผนดูแล ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในทุกทาง แม้ในเวลานี้แผนการผลักดันให้การท่องเที่ยวเป็นวาระแห่งชาติ ยังไม่เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมก็ตาม
แต่!! เรื่องของการท่องเที่ยวไม่สามารถที่จะดำเนินการ เพียงฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้ แต่ต้องเป็นการร่วมมือร่วมแรงของทั้งภาครัฐในทุกหน่วยงาน และภาคเอกชนทุกแขนงที่เกี่ยวข้อง
หากฝ่ายหนึ่งฝ่ายใด ยอมหลับตา หรือแม้แต่หรี่ตา โดยไม่ทำหน้าที่ของตัวเองให้สมบูรณ์แบบ เชื่อเถอะว่า…ต่อให้พยายามป้องกันแค่ไหน ก็หนีไม่พ้นที่จะเกิดปัญหา!!
………………………………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo
สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)
