วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“วัคซีน”ตัวเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ลุ้นไทยขึ้น“ผู้นำภูมิภาค”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“วัคซีน”ตัวเร่งฟื้นเศรษฐกิจ ลุ้นไทยขึ้น“ผู้นำภูมิภาค”

วันที่ 28 ก.พ.นี้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีของประเทศไทย จะเป็นคนแรกที่ได้ลงเข็มฉีดยาวัคซีนซิโนแวค ป้องกันไวรัสโควิด-19 เป็นเข็มแรก เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ก่อนฉีดให้คนไทยกลุ่มแรก 1 แสนคน


ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์แบบสองฝักสองฝ่าย เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แล้วแต่ว่าใครเป็นใคร ใครสังกัดกลุ่มไหน ใครขึ้นกับใคร

แต่ถ้าหันไปมองทั่วโลก บรรดาผู้นำประเทศต่าง ๆ ก็ต้องเป็น “หนูทดลอง” เป็นคนแรก เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทั้งประชาชนในประเทศเอง หรือแม้แต่คนทั้งโลก

รัฐบาลไทยได้จองและเตรียมให้บริการฉีดวัคซีนให้ประชาชนถึง 63 ล้านโดส จากแอสตราเซเนก้า 61 ล้านโดส และซิโนแวค 2 ล้านโดส เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันระดับประเทศ โดยวางแผนการฉีดให้แล้วเสร็จ ภายในปี 64 นี้ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดและสามารถทำให้เศรษฐกิจดำเนินต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม วัคซีนจากซิโนแวค ชุดประวัติศาสตร์ที่มาถึงประเทศไทยเมื่อวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา จำนวน 2 แสนโดส รวมทั้งยังมีวัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้าเข้ามาอีก 117,600 โดส

สรุปเวลานี้มี “วัคซีน” ที่เปรียบเหมือนเป็น “อัศวิน” ที่ช่วยรักษาชีวิตของโลกทั้งใบ ไม่ให้จมดิ่งหรือบิดเบี้ยวไป จากพิษของไวรัสร้ายโควิด 19 รวมทั้งสิ้น 3.17 แสนโดส

ส่วนไทม์ไลน์ในการฉีดวัคซีน ก็เป็นไปตามกลุ่มเสี่ยง ในพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด พื้นที่ควบคุม อย่างที่รู้ ๆ กันอยู่แล้ว

แต่ที่น่าสนใจ!! อยู่ตรงที่ไทม์ไลน์การฉีดวัคซีนครั้งนี้ จะพ่วงบรรดาพนักงานโรงแรมและท่องเที่ยวใน 5 จังหวัดท่องเที่ยว อย่าง จ.กระบี่, จ.ภูเก็ต, เมืองพัทยา จ.ชลบุรี, เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และจ.เชียงใหม่ ร่วม 13,000 คน เข้าไปด้วย เพราะถือว่าเป็นพื้นที่ขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและสังคม

พูดง่าย ๆ ก็คือ พื้นที่ที่สร้างรายได้ทางการท่องเที่ยวให้กับไทยนั่นแหล่ะ และในล็อตที่ 2 ที่วัคซีนของซิโนแวค จะเข้ามาอีก 8 แสนโดสในเดือนมี.ค.นี้ ก็มั่นหมายกันไว้ว่า ควรจะฉีดให้พนักงานใน 5 จังหวัด เพิ่มเติมอีก โดยเพิ่มจังหวัดกระบี่เข้าไปอีก 1 จังหวัด

ทั้งนี้…ทั้งนั้น ก็เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ให้บริการ และนักท่องเที่ยวต่างชาติ เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวของเราไปได้ เพราะคาดหมายกันไว้ว่าอย่างน้อยในไตรมาสสุดท้าย นี้ น่าจะมีการเดินทางท่องเที่ยวของต่างชาติกันบ้าง

สภาพัฒน์ฯ คาดการณ์ไว้ว่า ใน 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้ นักท่องเที่ยวต่างชาติ น่าจะเริ่มเดินทางกลับเข้ามาในไทยสักประมาณ 3.2 ล้านคน ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ “ททท.” มองว่า เฉลี่ยรวมทั้งปีแล้ว ในปี 64 จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติราว ๆ 8 ล้านคน

แม้จำนวนตัวเลขนักท่องเที่ยวจะไม่สวยหรูอย่างที่เคยเป็นที่เคยมีมากถึง 40 ล้านคน ก็ตาม แต่จากความหวังของ “วัคซีน” ก็น่าจะทำอะไร ๆ ให้ดีขึ้นบ้าง

ก่อนหน้านี้สภาพัฒน์ฯ ได้ส่งเสียงดัง ๆ ให้ทุกฝ่ายรับทราบกันว่า การกระจายวัคซีนให้กับคนไทยนั้น รัฐบาลเองจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องคำนึงถึงมิติในด้านของเศรษฐกิจด้วย เช่นกัน

เพราะไม่เช่นนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจก็จะยิ่งเนิ่นนานมากขึ้นไปอีก!!

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าทุกฝ่ายต่างเห็นด้วยกับเรื่องของวัคซีน แต่ก็ยังกังวลถึงผลข้างเคียงของวัคซีน โดยเฉพาะผลสำรวจของซีอีโอ 200 คน ของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ที่แสดงความกังวลมากถึง 60.5% ทีเดียว

ก็เช่นเดียวกับประชาชนคนไทยทั้งประเทศนั่นแหล่ะ ที่ยังคลางแคลงใจกันว่า สุดท้ายแล้ว ผลของวัคซีนจะหยุดยั้งการแพร่ระบาดของไวรัสร้ายนี้ได้มากน้อยเพียงใด

ในความเป็นจริงแล้ว ณ เวลานี้ ก็คงไม่มีอะไรที่จะหยุดยั้งสถานการณ์ได้ดีไปกว่า การฉีดวัคซีน รวมไปถึงการระมัดระวังตัวเองอย่างเข้มงวด

ที่สำคัญ…หากการบริหารจัดการไทม์ไลน์ของการฉีดวัคซีนของรัฐบาล เดินหน้าได้อย่างรวดเร็ว และเป็นจำนวนมาก ก็ยิ่งเท่ากับว่าเป็น “ตัวเร่ง” สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจไทยโงหัวได้เร็วขึ้น

ยิ่งไปกว่านั้น!! ในเมื่อไทยมีต้นทุนที่ดีกับการบริหารจัดการเรื่องการป้องกันไวรัสโควิด-19 ได้ดีอยู่แล้ว เป็นที่ยอมรับของทั่วโลก และหากการฉีดวัคซีนเป็นผลสำเร็จตามที่คาดหมายเอาไว้

นั่น…หมายความว่า ไทยจะกลายเป็นประเทศกลุ่มแรกของภูมิภาคนี้ ที่มีความเข้มแข็งและป้องการการแพร่ระบาดได้ดีขึ้น ซึ่งจะเป็นตัวดึงดูดความเชื่อมั่นให้กลับคืนมาโดยเร็วมากขึ้น

……………………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img