วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“โควิด”กระทบเปิดประเทศ ฉุดใช้จ่าย“วูบ” 5 หมื่นล้าน
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“โควิด”กระทบเปิดประเทศ ฉุดใช้จ่าย“วูบ” 5 หมื่นล้าน

ณ เวลานี้ ไม่ว่าใครต่อใคร ต่างกังวลกับปัญหาการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา 2019 ที่กำลังเกิดขึ้นใหม่จากคลัสเตอร์ของคลับทองหล่อชื่อดัง

แม้ไม่ใช่เป็นเรื่องใหม่ เพราะก่อนหน้านี้คลัสเตอร์ผับดังย่านทองหล่อ ก็เคยเกิดขึ้นมาแล้ว  แต่ความกังวลที่เกิดขึ้น เป็นเพราะ…การติดเชื้อครั้งนี้มีความรวดเร็ว และยังกระจายไปยังพื้นที่ต่าง ๆ แบบถ้วนทั่ว

ที่สำคัญ!! เชื้อยังแพร่ระบาดไปยังกลุ่มบุคคลที่แตกต่างออกไป ทั้งในระดับไฮโซ ดารา-นางแบบ หมอ-บุคคลากรทางการแพทย์ ผู้บริหารองค์กร หรือแม้แต่บรรดารัฐมนตรี

ด้วยเชื้อไวรัสร้ายครั้งนี้…กลายเป็น เชื้อไวรัสที่มีสายพันธุ์จากอังกฤษ ซึ่งมีความรุนแรงความรวดเร็วมากกว่า สายพันธุ์เดิมถึง 1.7 เท่า ต่อให้มีการฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไปแล้วก็ตาม แต่ความสามารถในการป้องกันอยู่ในระดับ 60% หากฉีดครบโดส 2 เข็ม แต่หากฉีดได้แค่เพียงเข็มแรก จะมีความสามารถในการป้องกันเพียงแค่ 40% เท่านั้น

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นนี้ จึงกลายเป็นที่มาของการสั่งปิดสถานบันเทิง ผับ บาร์ คาราโอเกะ อาบอบนวด ใน 41 จังหวัด เป็นจำนวนอย่างน้อย 14 วัน

โดยการพิจารณา…ก็มาจากจังหวัดที่มีผู้ติดเชื้อเกี่ยวข้องกับสถานบันเทิงและสถานประกอบการ และจังหวัดที่มีความเสี่ยง หรือเป็นทางผ่าน ที่มีสถานบันเทิงเป็นจำนวนมาก

ขณะเดียวกัน!! เพื่อเป็นการตั้งการ์ดให้สูง ลดจำนวนผู้ปฎิบัติงาน รวมถึงลดปริมาณการเดินทาง ลง บรรดาภาคราชการ หรือภาคเอกชน ก็จำเป็นต้องกลับมา “เวิร์ค ฟอร์ม โฮม” กันอีกครั้ง!!

การระบาดรอบใหม่ในครั้งนี้ น่าจะเป็นสิ่งเตือนใจให้ทุกคน ต้องให้ความสำคัญกับ “ไวรัสร้าย”!!อย่างจริงจัง อย่างเข้มข้น และต้องทำกันทั้งประเทศ

เพราะต่อให้ภาครัฐ ต่อให้โฆษกหมอ จากศบค. ออกมาพูดปาว ๆ ให้คนไทยทั้ประเทศให้ความสำคัญกับการเว้นระยะห่าง การล้างมือบ่อย ๆ การใส่หน้ากากอนามัย และอีกมากมายสารพัด

แต่เชื่อเถอะ!! ไม่ทันเท่าไหร่ การ์ดก็ตก เหมือนอย่างที่เห็นกันอยู่ทุกวันนี้ ซึ่งเรื่องนี้…ถือเป็นเรื่องที่น่าห่วงใย เพราะหากยังปล่อยไปเรื่อย ๆ ไม่จริงจัง สุดท้ายประเทศเจ๊งแน่

ทุกวันนี้พิษร้ายของไวรัสโคโรนา 2019 ยังไม่จางหายไปจากไทย โดยเฉพาะผลกระทบทางเศรษฐกิจ ที่ทำให้คนไทยต้อง “เจ็บ” จนล้มหายตายจากกันไปไม่น้อยทีเดียว

หากการระบาดครั้งใหม่ครั้งนี้ยังไม่สิ้นสุดโดยเร็ว ก็จะยิ่งเพิ่มความกังวลให้กับประชาชนคนไทยมากขึ้นเรื่อย ๆ เพียงแค่…ไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็ทำให้บรรยากาศรื่นเริงของเทศกาลสงกรานต์ต้องหดหายไปทันที ความกลัว ความหวาดระแวง กลับผุดขึ้นมาแทนที่

ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา เมื่อเกิดความกังวล ก็มีความพะวง การจับจ่ายใช้เงิน ก็ลดน้อยถอยลงไปตามภาวะอารมณ์ที่เกิดความกังวล

ล่าสุด “ธนวรรธน์ พลวิชัย” อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัย หอการค้าไทย มองว่า ผลกระทบในรอบนี้ อาจส่งผลต่อเศรษฐกิจถึง 30,000-50,000 ล้านบาท

แม้เป็นเพียงการส่งผลกระทบในระยะสั้น ๆ แต่ถ้ารัฐบาล “เอาไม่อยู่” ขึ้นมา ผลเสียหายจะยิ่งมากขึ้น โดยเฉพาะหากต้องใช้วิธีการเหมือนเดิมคือ “ล็อคดาวน์” เชื่อเถอะ เศรษฐกิจจะยิ่งจมเหว เกิดอาการซึมลึก  สุดท้ายไม่รู้จะผงกหัวขึ้นมาได้อีกเมื่อใด

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการวางแผนเปิดประเทศ ที่จะรับนักท่องเที่ยวที่ได้รับการฉีดวัคซีนครบโดสเรียบร้อยแล้ว โดยไม่ต้องกักตัว 14 วัน ที่ประเดิมนำร่องที่จังหวัดภูเก็ต ในวันที่ 1 ก.ค.นี้

แผนนี้ไม่แน่ว่า ภาครับอาจต้องกลับไปทบทวนชัด ๆ กันอีกครั้งว่า จะเดินหน้าต่อ หรือชะลอไปก่อน แล้วไปดำเนินการตามแผนเดิมที่เคยผ่านศบค.ไปแล้ว คือวันที่ 1 ต.ค.64 แทน

เพราะเวลานี้…ที่จังหวัดภูเก็ต ก็มีผู้ติดเชื้อสะสมรวม 10 ราย แม้เป็นจำนวนไม่มาก แต่ก็ถือว่ามีผู้ติดเชื้อ หาก…เอาไม่อยู่ คุมไม่ได้ การระบาดยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ก็ทำให้นักท่องเที่ยวหวั่นไหวไปได้เช่นกัน

เอาเป็นว่า!! ในเวลานี้ คนไทยทั้งประเทศต้องหันมารวมใจยกการ์ดให้สูง ปฎิบัติตัวเองเพื้อป้องกันการติดเชื้ออย่างเข้มข้น อย่าลืมว่า… ไม่มีวัคซีนใดที่จะดีไปกว่า การป้องกันอย่างเข้มข้น ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับตัวเอง เป็นสำคัญ!!

……………………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img