วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“วัคซีน”อัศวินกู้เศรษฐกิจ 100 ล้านโดสช่วยคนไทย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“วัคซีน”อัศวินกู้เศรษฐกิจ 100 ล้านโดสช่วยคนไทย

ร้องกันระงมกันทั่วประเทศ!! กับการถามหาวัคซีนต้านโควิด-19 ต่อให้นายกรัฐมนตรี ออกทีวี แจงสารพัด ก็ยังไม่สามารถ “มัดใจ” คนไทยทั้งประเทศได้

ต้องยอมรับว่า ณ เวลานี้ “วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19” ได้กลายเป็นอัศวินม้าขาว ที่เข้ามากอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจซึ่งไม่ใช่เพียงแค่ประเทศไทย เท่านั้น แต่เป็นทั้งเศรษฐกิจโลกเลยก็ว่าได้

แม้ผลหรือประสิทธิภาพของวัคซีน ในบางยี่ห้อ อาจทำให้เกิดลิ่มเลือด จนกลายเป็นอุปสรรคบั่นทอน “ความเชื่อมั่น” ลงไปบ้างก็ตาม

แต่สุดท้ายแล้ว!! ผลของการฉีดวัคซีน ก็ช่วยบรรเทาโรคระบาดร้ายแรงนี้ไม่ให้ส่งผลถึงแก่ชีวิต แต่ไม่ได้หมายความว่าเป็นยาวิเศษ ที่ทำให้คนทั้งโลก “ไม่ติดเชื้อ”

ว่ากันโดยสรุป…ตามประสาแพทย์แล้ว ก็พูดตรงกันว่า “ฉีด” ดีกว่า “ไม่ฉีด” !!

ด้วยเหตุนี้!! จึงทำให้ภาคเอกชนต่างส่งเสียงเรียกร้องมาตั้งแต่ต้น ตั้งแต่วัคซีนล็อตแรกมาถึงประเทศไทย เมื่อวันที่ 24 ก.พ. ที่ผ่านมา รวมทั้งหมด 3.17 แสนโดส แยกเป็นของ “ซิโนแวค” 2 แสนโดส และ ของ “แอสตร้าเซนเนก้า” 1.17 แสนโดส

cr/www.thaigov.go.th

หลังจากที่ก่อนหน้านี้ รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต่างถูกวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนักถึงยุทธศาสตร์และความล่าช้าในการจัดหาวัคซีนมาให้คนไทย

เมื่อวัคซีนมาถึงไทยแล้ว ใช่ว่า ทุกอย่างจะ “สดใส” กลับกลายเป็นว่าเสียงวิพาก์วิจารณ์ เสียงกร่นด่า ว่า… การฉีดวัคซีนให้กับคนไทย “ล่าช้า”

ต่อให้ฟากฝ่ายที่เกี่ยวข้องเดินหน้าชี้แจงว่าการทำงานที่ผ่านมา เป็นไปตามเป้าหมายทุกประการก็ตาม แต่ในความรู้สึก!!แต่ในความเป็นจริง!! ตามที่คนไทยรู้เห็นกันอยู่ ต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า “ช้า”

สุดท้าย!! บรรดาภาคเอกชน บรรดาซีอีโอ ต่างอดรนทนไม่ได้ ต้องปั่นกระแสส่งเสียงเรียกร้องดัง ๆไปถึง “บิ๊กตู่” จนออกมาตีฆ้องร้องป่าวให้นำเข้าวัคซีนทางเลือกเพิ่มได้อีก 35 ล้านโดส เพื่อให้ครอบคลุมประชากร 70% ของทั้งประเทศ

เสียงเรียกร้องของภาคเอกชน ระบุไปในทิศทางเดียวกันว่า เวลานี้ไทยฉีดวัคซีนได้ล่าช้ามาก โดยฉีดไปได้เพียงแค่ 0.4% ของประชากรเท่านั้น ขณะที่เป้าหมายการเปิดประเทศ ต้องฉีดวัคซีนให้ได้ถึง 70% ของประชากร จึงจะ “เอาอยู่” หรือรองรับได้

ทั้งนี้ในการนำเข้าวัคซีนทางเลือกนั้นประมาณ 10-15 ล้านโดส จะดำเนินการโดยภาคเอกชน ที่เป็นผู้ออกเงินเองทั้งหมด เพื่อลดภาระให้กับรัฐบาล

แต่ในความเป็นจริงแล้ว!!! การสั่งซื้อ ใช่ว่าเอกชนจะสั่งซื้อจากที่ไหนก็ได้ซะเมื่อไหร่? แต่จำเป็นต้องให้ภาครัฐเป็นผู้ติดต่อ โดยเอกชนการันตีชัดเจนว่าเป็นผู้จ่ายเงินเอง เพราะเวลานี้มียอดผู้สั่งซื้อเข้ามาแล้วประมาณ 5 ล้านโดส

อย่างไรก็ตาม “บิ๊กตู่” ออกมาย้ำชัดเจนว่า วัคซีนที่จัดหาเข้ามาในไทยได้ทั้งหมด จะต้องวางแผนกระจายและทำการฉีดให้หมดภายในสิ้นปี 64 นี้

เรียกได้ว่าประเทศไทย ในเวลานี้มีแผนที่จะฉีดวัคซีนให้คนไทยรวม ๆ แล้วประมาณ 100 ล้านโดส โดยแยกเป็นของรัฐบาลราว ๆ 65 ล้านโดส และวัคซีนทางเลือกอีก 35 ล้านโดส

โดยการกระจายฉีดให้กับประชาชนในวงกว้าง จะเริ่มต้นในเดือนมิ.ย.นี้ก่อน ซึ่งมาจากล็อตที่แอสตร้าเซนเนก้าผลิตภายในประเทศผ่านบริษัท สยามไบโอไซเอนซ์ จำกัด อย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ รู้กันอยู่แล้ว

เอาเข้าจริง เรื่องราวของวัคซีน ไม่ได้อยู่ที่จำนวน ปริมาณ ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ปัญหาทั้งหมดอยู่ที่ “การบริหารจัดการ” แม้ข้อจำกัดของวัคซีน ต่างมีหลายเรื่องหลายเหตุปัจจัยเข้ามาเกี่ยวข้องก็ตาม


แต่เรื่องจริงที่ทุกคนไม่สามารถปฎิเสธได้ ก็คือ ถ้าบริหารจัดการให้ดี ทุกอย่างก็เดินหน้าได้ตามเป้าหมายที่กำหนด และที่สำคัญแม้ “วัคซีน” จะเป็นพระเอกตัวจริงก็ตาม แต่ในเวลานี้ การใช้เพียงมาตรการใดมาตรการหนึ่งก็คงไม่ได้


เพราะอย่าลืมว่า…ประเทศไทยกำลังบอบช้ำ ต้องการยาหลายขนาน เพื่อพยุงสาระร่างให้เดินหน้าต่อไปได้!!
ดังนั้น!!  จึงไม่ต้องแปลกใจว่า ไม่ใช่เพียงแค่เรื่องของวัคซีน เท่านั้นที่เอกชนออกมาร้องแร่แห่กะเชอ แต่ยังมีเรื่องของการอัดฉีดเงินเข้าไปในระบบอีก 2-2.5แสนล้านบาท เพื่อกระตุ้นให้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่อไปได้!!
……………………………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img