วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSจัดหนัก...“เอา(โควิดระลอก 3)ให้อยู่” ก่อนเก้าอี้จะล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จัดหนัก…“เอา(โควิดระลอก 3)ให้อยู่” ก่อนเก้าอี้จะล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า

ณ เวลานี้รัฐบาล โดยศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. กำลังเพิ่มระดับความเข้มข้นเรื่อย ๆ เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ให้อยู่หมัดให้จงได้

หลังจากที่จำนวนผู้ติดเชื้อจากการระบาดรอบใหม่ และอัตราการเสียชีวิตยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง ในอัตราที่ น่าเป็นห่วง” เพราะไวรัสกลายพันธุ์ครั้งนี้ค่อนข้างหนักหนาสาหัส

แม้ยังไม่มีการล็อคดาวน์ ไม่มีการเคอร์ฟิว อย่างเป็นทางการ แต่หลายจังหวัดก็ได้เริ่มใช้แล้ว ในรูปแบบของการ “ขอความร่วมมือ” รวมไปถึงการ “เวิร์ค ฟอร์ม โฮม” 14 วัน เพื่อลดการเดินทางให้ได้มากที่สุด


ล่าสุด…ยังยกระดับพื้นที่สีแดง เป็นพื้นที่สีแดงเข้มที่เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด เข้มงวดสูงสุด ใน 6 จังหวัด ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร ชลบุรี นนทบุรี เชียงใหม่ ปทุมธานี และสมุทรปราการ

สาระสำคัญ!! คือ งดการเดินทางออกนอกพื้นที่ โดยไม่มีเหตุจำเป็น ห้ามนั่งรับประทานอาหารที่ร้าน และให้เปิดให้บริการถึง 21.00 น.เท่านั้น ห้ามจัดกิจกรรมที่มีการรวมกลุ่มกันมากกว่า 20 คน สนามกีฬา สถานที่ออกกำลังกาย ยิม ฟิตเนส ต้องปิดให้บริการ ยกเว้นสถานที่เป็นเอกเทศ

ส่วนสนามกีฬา หรือสถานที่ออกกำลังกายกลางแจ้ง เปิดให้บริการได้ไม่เกิน 21.00 น. และสามารถจัดการแข่งขันกีฬาได้โดยไม่มีผู้ชม


ห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอลล์ เปิดบริการได้จนถึง 21.00 น. แต่ต้องจำกัดจำนวนผู้ใช้บริการ งดจัดกิจกรรมส่งเสริมการขาย และงดให้บริการตู้เกม เครื่องเล่น ร้านเกม และสวนสนุก ร้านสะดวกซื้อ ซูเปอร์มาร์เก็ต ตลาดนัดกลางคืน ตลาดโต้รุ่ง ถนนคนเดิน เปิดบริการได้ตามไม่เกิน 23.00 น. สำหรับร้านที่เปิด 24 ชม.ให้เริ่มเปิดดำเนินการ 04.00 น.

มาตรการทั้งหลายทั้งปวงที่ออกมาครั้งนี้ จะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค.นี้เป็นต้นไป!!

มติของศบค.ครั้งนี้ แม้เข้มข้นขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับสะกัดกั้น ปิดทุกอย่างจนเศรษฐกิจพังวินาศสันตะโร เหมือนการระบาดครั้งแรกที่ผ่านมา แม้ก่อนหน้านี้มีเสียงเรียกร้องจากเอกชนบางคนกระเซ็นกระซายออกมาบ้าง ที่ขอให้ล็อคดาวน์ให้ช่วงสั้น ๆ เพื่อกำจัดเชื้อไวรัสร้ายนี้ให้อยู่หมัด

ต่อให้เศรษฐกิจต้องเจ๊งไปบ้าง ต้องเจ็บตัวไปบ้าง ก็ตาม แต่เพื่อเป็นการสะกัดกั้นไม่ให้แผลบาดลึกไปกว่านี้อีก ภาคเอกชนบางภาคบางคนก็ยอม!!

หลายฝ่ายหลายคน ต่างรับรู้พิษสง รับรู้สถานการณ์ของระลอกที่ 3 นี้กันอยู่แล้ว ว่าจะทำให้เศรษฐกิจเจ๊งไปอีก 2-3 แสนล้านบาท

ด้วยเหตุนี้!! จึงทำให้ภาคเอกชนเรียกร้องให้มีการฉีดวัคซีนและกระจายวัคซีนให้ทั่วถึงทั้งประเทศโดยเร็วที่สุด จะไปเอาอย่างมณฑลกวางตุ้ง ประเทศจีน ที่ฉีดวัคซีนวันเดียวให้กับประชาชนได้ถึง 1.23 ล้านโดส ก็เป็นไปไม่ได้

ภาคเอกชนที่ต้องการวัคซีนโดยเร็ว ส่วนใหญ่เป็นภาคการผลิตที่ต้องการเปิดสายการผลิตอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง เพราะยอมเสียเงินเพียงแค่จำนวนหนึ่ง ก็ดีกว่าต้องปิดกิจการ


จึงกลายเป็นที่มาของ 40 ซีอีโอ ที่เสนอตัวจัด 4 ทีม สนับสนุนรัฐบาลในรอบด้าน เพื่อให้การฉีดวัคซีนทำได้เร็วขึ้น รวมถึงการเป็นตัวประสานในการนำเข้าวัคซีนของเอกชน

แม้ก่อนหน้านี้…มีกระแสข่าวความสับสน หรือกรณีที่เอกชนเสียงแตกกันเองในการนำเข้าวัคซีนทางเลือก แต่ถ้าเอาให้ชัดตามคำชี้แจงของ “สนั่น อังอุบลกุล” ก็น่าจะชัด

“ที่ผ่านมา เราย้ำชัดเจนว่าเอกชนพร้อมเป็นผู้ประสานงานจัดหาให้ได้ เพราะเป็นเชี่ยวชาญในการทำการค้าต่างประเทศ แต่กระบวนการซื้อและนำเข้าต้องผ่านเอเจนซี่ที่ได้รับอนุญาตอย่างถูกต้อง เป็นการเจรจาระหว่างรัฐ เพราะวัคซีนถูกำหนดให้เป็นสินค้าที่ใช้ในภาวะฉุกเฉิน”

เอาเป็นว่า ณ เวลา นี้ คงต้องมารอดูว่า เมื่อถึงสิ้นปี เป้าหมายที่รัฐบาลจะฉีดวัคซีนให้ครบ 100 ล้านโดส ในจำนวน 50 ล้านคน นั้นจะทำได้มากน้อยอย่างไร?


ด้วยเหตุที่ว่า…ไวรัสร้ายกำลังร้ายสมชื่อ ทำให้คนเสียชีวิตเพิ่มขึ้น ติดเชื้อง่ายขึ้น ที่สำคัญ!! ยังส่งผลไปถึงความไม่มั่นใจในตัวผู้บริหารประเทศ ที่กำลังถูกพายุถาโถมเข้าใส่จากทุกทิศทุกทาง

นั่นหมายความว่า หากทุกอย่างบานปลาย เอาไม่อยู่ คุมไม่ได้ เก้าอี้ของรัฐบาล อาจล้มระเนระนาดไม่เป็นท่า!!
………………………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img