รัฐบาล “นายกฯแพทองธาร ชินวัตร” เริ่มต้นทำงานได้ซะที! หลังแถลงนโยบายเสร็จสิ้นอย่างเป็นทางการ ก็ ลงพื้นที่ตรวจตราอุทกภัยใหญ่ที่จังหวัดเชียงราย เพื่อดูสถานการณ์จริง ในวันที่ 13 ก.ย.67 ทันที
ขณะเดียวกันก็ส่งสัญญาณจัดเตรียม “งบกลาง” ไว้ช่วยเหลือ “ผู้ประสบอุทกภัย” โดยเน้นหนักไปในเรื่องของ “ความปลอดภัยในชีวิตของผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนเป็นหลัก” ไม่ใช่เพียงแค่การเยียวยาเท่านั้น
มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินล่าสุดว่า…อุทกภัยในขณะนี้ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดเชียงราย จะทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจประมาณ 10,000 ล้านบาท โดยประเมินจากความเสียหายที่มีต่อทรัพย์ของประชาชน ภาคธุรกิจ รวมไปถึงส่วนราชการต่างๆ
นอกจากนี้ยังเป็นความเสียหายของบรรดาพ่อค้า-แม่ค้าตามแนวชายแดน ที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจค้าขายกับประเทศเพื่อนบ้าน รวมไปถึงการเสียโอกาสทางการท่องเที่ยว
ขณะที่เรื่องของ ภาคการเกษตร อาจได้รับผลกระทบไม่มากนัก เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ เป็นลักษณะน้ำป่าไหลหลาก ไม่ได้ท่วมขังเป็นเวลานานนับเดือน
ที่สำคัญที่สุด!!เมื่อสถานการณ์คลี่คลาย จำเป็นอย่างยิ่งที่ “รัฐบาลแพทองธาร” ต้องเร่งยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ เยียวยา ฟื้นฟู ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างเร่งด่วนทันที
ก่อนหน้านี้รัฐบาลของ “เศรษฐา ทวีสิน” เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.67 ได้อนุมัติงบกลางรายการสำรองจ่ายกรณีฉุกเฉิน และจำเป็นเร่งด่วนปีงบประมาณ 67 เป็นวงเงิน 7,606.5 ล้านบาท เพื่อใช้ในการแก้ปัญหาน้ำท่วมปี 67 และแก้ปัญหาน้ำแล้งในปี 68 ไว้แล้ว
ไม่เพียงเท่านี้ “ครม.เศรษฐา” เมื่อวันที่ 13 ส.ค.67 ก่อนถูกตัดสินให้พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 14 ส.ค.67 ก็มีมติอนุมัติงบประมาณปี 67 วงเงิน 9,187.4462 ล้านบาท ตามที่สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอ
ทั้งหมดก็เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำในช่วงฤดูฝน และการส่งเสริมความมั่นคงด้านน้ำอุปโภคบริโภค ให้กระทรวงมหาดไทย กระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติฯ รวม 3,032 รายการ
ในเมื่อก่อนหน้านี้ “ครม.เศรษฐา” ได้อนุมัติงบประมาณไว้แล้วในบางส่วน เพื่อดำเนินหลายๆ โครงการจากปัญหาน้ำท่วม ก็ไม่น่าจะมีปัญหา เพราะเงินงบประมาณมีอยู่แล้ว
เพียงแค่…ต้องเบิกจ่ายให้ทันวันที่ 30 ก.ย.นี้ ก็เท่านั้น!!
นอกจากนั้น “ครม.รักษาการ” ในวันที่ 3 ก.ย. 67 ยังได้งบประมาณรายจ่ายงบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินเพื่อเตรียมความพร้อมบริหารจัดการน้ำ และพัฒนาแหล่งน้ำ วงเงิน 2,289 ล้านบาท
เรียกได้ว่า เมื่อรวมเบ็ดเสร็จในปีงบประมาณ 67 “รัฐบาลเพื่อไทย” ก็อนุมัติงบกลางเพื่อนำไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วมนี้กว่า 22,967 ล้านบาทเข้าไปแล้ว
แต่เงินงบประมาณเหล่านี้จะสามารถจัดการดูแลปัญหาน้ำท่วมได้ดีแค่ไหน? นี่คือคำถาม?
อย่าลืมว่าที่ผ่านๆ มา รัฐบาลในแต่ละยุคแต่ละสมัย ต่างอนุมัติเงินงบประมาณเพื่อช่วยเหลือ เพื่อแก้ไข ดูแลปัญหาน้ำท่วม จำนวนหลายหมื่นล้านบาท
จากข้อมูลของ Rocket Media Lab พบว่า นอกจากงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่จัดสรรให้กับหน่วยงานต่างๆ แล้ว งบที่เกี่ยวกับน้ำท่วมยังมีงบประมาณรายจ่ายงบกลาง ที่รัฐบาลได้อนุมัติเพื่อนำไปแก้ปัญหาน้ำท่วม จำนวนไม่น้อย
ตั้งแต่ปีงบประมาณ 60-67 ก็มีการอนุมัติงบกลาง รวมๆ กันแล้วเกือบ 1 แสนล้านบาท เพื่อนำไปแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยแต่ละปีก็จัดสรรเพิ่มมากขึ้นทุกปี ยกเว้นปี 64 และ 65 ที่อนุมัติเพียงปีละกว่า 2,000 ล้านบาท
โดยปีงบประมาณ 60 อนุมัติไป 12,500.00 ล้านบาท ปีงบฯ 61 จำนวน 18,407.71 ล้านบาท ปีงบฯ 62 จำนวน 16,061.53 ล้านบาท ปีงบฯ 63 จำนวน 23,271.87 ล้านบาท
ขณะที่ปีงบฯ 64 อนุมัติ 2,070.99 ล้านบาท ปีงบฯ 65 จำนวน 2,567.32 ล้านบาท ส่วนปีงบฯ 66 ก็อนุมัติงบ 22,953.39 ล้านบาท ปีงบฯ 67 จำนวน 22,967.75 ล้านบาท
แต่สุดท้าย ก็ไม่บังเกิดผล เพราะคนไทยยังต้องเผชิญปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นประจำทุกปี แบ่งๆ กันไปแทบทุกพื้นที่ บางปีก็หนักหนาสาหัสไปที่ภาคใต้ บางปีก็เป็นภาคกลาง ล่าสุด ก็เป็นภาคเหนือที่จ.เชียงราย ตามที่เห็นกันอยู่
จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่ประชาชนคนไทยตาดำๆ โดยเฉพาะครัวเรือนที่ต้องพบเจอปัญหาซ้ำๆ ซากๆ จะมีคำถามว่า งบประมาณในการจัดทำแผนป้องกันน้ำท่วมในแต่ละปีนั้นคุ้มค่าแค่ไหน
ด้วยเหตุนี้…การลงพื้นที่ของ “นายกฯแพทองธาร” และคณะ เพื่อเข้าไปดูแลช่วยเหลือผู้ประสบภัยในจังหวัดเชียงราย ครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ฝีมือแรก!!
…………………
คอลัมน์ : EC Focus by Virgo