วันอังคาร, เมษายน 23, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเสียเงินนำเข้า“ต่างด้าว”เพิ่ม “แรงงานเถื่อน”ทะลักแน่!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เสียเงินนำเข้า“ต่างด้าว”เพิ่ม “แรงงานเถื่อน”ทะลักแน่!!

หลังรัฐบาลคลายล็อกดาวน์ และเปิดประเทศ เพื่อฟื้นเศรษฐกิจ!! แม้ทำให้คนไทยดี๊ด๊า ตื่นตัว สร้างบรรยากาศการจับจ่ายใช้สอย ให้กลับมาคึกคัก หลังจากคนไทยทั้งประเทศต้องอยู่ในอาการ “หงอย” มาเกือบ 2 ปี

แต่กลับกลายเป็นว่า…สารพัดปัญหาต่างหลั่งไหลเข้ามาแบบไม่ทันตั้งตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาข้าวยาก หมากแพง สารพัดสินค้าที่ดาหน้าขึ้นราคากัน เป็นว่าเล่น ทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง ราคาพืชผัก เนื้อหมู น้ำมันปาล์ม ปุ๋ยเคมี หรือแม้แต่ราคาอาหารสำเร็จรูป

จะด้วยสารพัดสาเหตุอะไรก็ตาม? แต่ต้องยอมรับว่าปัญหาเหล่านี้…สร้างความเดือดร้อนให้กับคนไทยทั้งประเทศเข้าให้อีก เพราะเท่ากับว่าต้นทุนการใช้ชีวิตในแต่ละวันมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น

เช่นเดียวกับ!! “ภาคธุรกิจ” แม้เปิดประเทศ แม้เศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่กลับกลายเป็นว่า กำลังขาดแคลนแรงงานอย่างหนัก โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว ที่มีไม่พอผลิตสินค้า ไม่พอให้บริการ

ปัญหาการลักลอบนำเข้า “แรงงานเถื่อน” จึงมีให้เห็น อย่างที่เห็นกระแสข่าวกันทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอุบัติเหตุรถขนแรงงานต่างด้าวคว่ำ การนำแรงงานต่างด้าวมาทิ้งไว้ในป่า และอีกสารพัดกรณี

แต่!! ที่น่าหวั่นวิตก มากที่สุด คงหนีไม่พ้นเรื่องของ “การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19” จะกลับมาอีกหรือไม่? อันนี้ต่างหากที่น่ากังวลที่สุด อย่าลืมว่าความเจ็บปวดในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา คนไทยต้องเผชิญอะไรกันมาบ้าง?


“เกรียงไกร เธียรนุกุล”
รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) ให้ข้อมูลไว้ว่า เท่าที่ประเมินปัญหาขาดแคลนแรงงานต่างด้าวรวม ๆ แล้วน่าจะอยู่ที่ 8 แสนคน แยกเป็นภาคผลิต 3-5 แสนคน และด้านบริการท่องเที่ยวอีกประมาณ 3 แสนคน

หากไม่สามารถหาแรงงานเข้ามาได้ทันกับความต้องการ ย่อมกระทบต่อการดำเนินธุรกิจแน่นอน ซึ่งตรงนี้!!! ภาครัฐโดยกระทรวงแรงงาน จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเข้าแรงงานต่างด้าวแบบถูกกฎหมายให้ทันกับสถานการณ์

ทั้งนี้จากผลสำรวจความต้องการแรงงานข้ามชาติ ล่าสุด เมื่อเดือนพ.ค.64 พบว่า นายจ้าง หรือสถานประกอบการ ต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวมากถึง 424,703 คน แบ่งเป็น สัญชาติเมียนมา 256,029 คน สัญชาติกัมพูชา130,138 คน และสัญชาติสปป.ลาว 38,536 คน

ขณะที่ประเภทกิจการที่มีความต้องการจ้างแรงงานต่างด้าวมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ เกษตรและปศุสัตว์ ก่อสร้าง งานบริการ งานเกษตรต่อเนื่อง และผลิตหรือจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูป ส่วนจังหวัดที่ต้องการจ้างแรงงานต่างต้าวมากที่สุด 5 อันดับแรก คือ เชียงใหม่ รองลงมาคือกรุงเทพฯ จันทบุรี สมุทรสาคร และระยอง

อย่างไรก็ตามการที่รัฐบาลเปิดทางให้แรงงานต่างด้าวผิดกฎหมาย หรือแรงงานเถื่อน ที่อยู่ในไทยมาขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายภายในเดือนพ.ย.นี้ เพื่อวางมาตรการการดูแล ก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะเท่ากับว่าสามารถควบคุมดูแลในเรื่องของมาตรการทางด้านสาธารณสุขได้ด้วย และช่วยแก้ปัญหาการขาดแคลนได้บ้าง

ขณะที่การนำเข้าแรงงานต่างด้าวตามเอ็มโอยู ทั้งเมียนมา กัมพูชา และสปป.ลาว กว่า 4 แสนราย เข้ามาทำงานในระบบ ก็น่าจะเป็นแนวทางที่ช่วยแก้ไขปัญหาขาดแคลนแรงงานได้ เช่นกัน

อย่างที่บอก ในเวลานี้ การให้นายจ้างแบกภาระเพิ่มจากการกำหนดมาตรการสาธารณสุข เพื่อป้องกันเชื้อโควิด อีกหัวละ 26,000 บาท ก็ดูเป็นการซ้ำเติมภาคเอกชนอยู่ไม่น้อยทีเดียว

ทั้งเป็นค่ากักตัวคนละ 500 บาทต่อวัน คนที่ฉีดวัคซีนแล้ว 2 เข็ม ต้องกักตัว 7 วัน ส่วนที่ฉีด 1 เข็ม ต้องกักตัว 14 วัน และต้องตรวจโควิด 2 ครั้ง ครั้งละพันกว่าบาท โดยนายจ้าง…ต้องควักเงินจ่ายเอง แถมยังต้องใช้เวลาอีกอย่างน้อย 1 เดือนกว่าจะนำเข้าแรงงานมากได้

เอาเข้าจริงภาคธุรกิจเองก็ต้องยอมแลก…ในเมื่อจะทำธุรกิจก็ต้องลงทุน ซึ่งในยามปกติ อาจไม่มีปัญหา แต่ในยามที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ การเพิ่มต้นทุนจากการนำเข้าแรงงานต่างด้าว อาจกลายเป็นเรื่องใหญ่ของภาคเอกชน

อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า คนไทยเองไม่นิยมทำงานใน 3 ประเภท หรือ 3 D คือ งานสกปรก (Dirty job) งานยาก (Difficult job) และงานอันตราย (Dangerous job) จึงทำให้ต้องอาศัยแรงงานต่างด้าวเป็นหลักมีแรงงานต่างด้าว

ในเมื่อต้นทุนธุรกิจ ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สุดท้าย!! ก็หนีไม่พ้นปัญหาแรงงานเถื่อน ที่จะทะลักเข้ามาเพิ่มเติมอีกแน่นอน!!

……………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img