วันพฤหัสบดี, เมษายน 18, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSปัญหาไวรัสโควิดปะทุ!! ระบบไม่พร้อม “รัฐบาลเจ๊ง”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ปัญหาไวรัสโควิดปะทุ!! ระบบไม่พร้อม “รัฐบาลเจ๊ง”

การประกาศยกระดับการเตือนภัยจากระดับ 3 เป็นระดับ 4 พร้อมยกระดับมาตรการเพื่อดูแลการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ของกระทรวงสาธารณสุข ก็ทำเอาคนไทยทั้งประเทศอกสั่นขวัญแขวนกันอีกครั้ง


ทั้งเรื่องของการให้สถานที่เสี่ยงเปิดเฉพาะจำเป็น การให้เวิร์คฟอร์มโฮม 50-80% การชะลอการเดินทางข้ามจังหวัด หากจำเป็นให้ใช้รถส่วนตัว การงดเข้าร้านอาหารปรับอากาศ การทานอาหารร่วมกัน การดื่มสุราในร้าน การเลี่ยงการใกล้ชิดคนนอกบ้าน รวมถึงการเลี่ยงการเดินทางไปต่างประเทศ

โดยเฉพาะบรรดาภาคเอกชน ต่างออกมาส่งเสียงคัดค้านกันแบบเสียงหลงกันทีเดียว หากรัฐบาลจะนำมาตรการ “ล็อคดาวน์” ทั้งประเทศมาใช้อีก พร้อมหยิบยกบทเรียนที่ชอกช้ำจาก “ไวรัสเดลต้า” ขึ้นมาสำทับให้เห็นถึงผลลัพท์ ถึงผลกระทบของมาตรการ

เพราะถ้ารัฐบาลใช้มาตรการขั้นแรงจนต้องปิดประเทศอีก มีหวังเศรษฐกิจพังพินาศแน่นอน ที่สำคัญในรอบนี้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศส่วนใหญ่ ต่างได้รับการฉีดวัคซีนกันเกือบหมดแล้ว

ที่สำคัญ!! ที่ผ่านมา บรรยากาศของประเทศเพิ่งเริ่มกลับมาคึกคัก หลายคนหลายธุรกิจต่างมีความหวังที่จะเริ่มตั้งต้นและเดินหน้าธุรกิจใหม่ ประชาชนเริ่มหันมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติมากขึ้น

แม้ไม่ได้เกินความคาดหมายที่ว่า…หลังปีใหม่จำนวนคนที่ติดเชื้อไวรัส จะทะยานขึ้นแน่ ๆ เพราะเพียงแค่ 6 วัน นับตั้งแต่วันที่ 1-6 ม.ค.ที่ผ่านมา ก็มีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิดไปแล้ว 20,848 คน แถมเป็นยอดที่ไต่ระดับเพิ่มขึ้นทุกวันก็ตาม

ปัญหา? จึงขึ้นอยู่ที่ว่า รัฐบาลจะดูแลรองรับผู้ป่วยเหล่านี้ได้มากน้อยอย่างไรมากกว่า ที่จะหันมาใช้มาตรการขั้นแรงถึงกับขั้นล็อคดาวน์ปิดประเทศอีก

“สนั่น อังอุบลกุล” ประธานกรรมการหอการค้าไทย ชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ภาคเอกชนต้องการเห็นในรอบนี้ คือ รัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการคุมเข้มในพื้นที่เสี่ยง การจัดเตรียมระบบสาธารณสุขในแต่ละจังหวัดให้พร้อม โดยเฉพาะเตียงรองรับผู้ป่วยรุนแรง พร้อมนำระบบ Home Isolation หรือ Hospitel กลับมาใช้

ด้านภาคเอกชนเอง ต่างเตรียมพร้อมที่จะนำมาตรการ “บับเบิ้ล แอนด์ ซีล” กลับมาเป็นแนวทางของแต่ละกิจการอีกครั้ง เพื่อสร้างความปลอดภัยและความมั่นใจในแต่ละพื้นที่

เช่นเดียวกับ “เกรียงไกร เธียรนุกุล” รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ที่ยังเชื่อมั่นว่า รัฐบาลคงไม่เดินตามรอยเดิมในการปิดประเทศแน่นอน เพราะผลลัพท์ที่เกิดขึ้นก็มีให้เห็นอยู่แล้วว่าเป็นอย่างไร

แต่ถ้าเลือกปิดเฉพาะพื้นที่ที่ระบาดหนัก หรือพื้นที่เสี่ยงสูง ก็สนับสนุน เพราะถือว่าเป็นการควบคุมที่ดีที่สุด โดยมองว่าหากเมื่อใดมีผู้ติดเชื้อสูงกว่าวันละ 30,000 คนขึ้นไป รัฐบาลต้องใช้มาตรการขั้นแรง เพื่อสะกัดกั้นให้อยู่

อย่างไรก็ตาม หากจำกันได้ ที่ผ่านมาบรรดาภาคเอกชน กูรู สำนักวิจัย สารพัด ต่างให้น้ำหนักกับการแพร่ระบาดของ “โอมิครอน” ไวรัสกลายพันธุ์ ที่เชื่อว่าเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญที่จะฉุดการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 65 นี้

นี่!!เพียงแค่ผ่านไปยังไม่ครบอาทิตย์ ก็เริ่มมีแนวโน้มให้เห็นถึงปัจจัยเสี่ยงที่เกิดขึ้น อย่างที่บอก…ถ้ารัฐบาลรับมือ จัดการไม่ได้ คุมไม่อยู่ จะกลายเป็นปัญหาใหญ่

แม้เรื่องของเศรษฐกิจ มีความสำคัญ แต่เรื่องของชีวิตความเป็นอยู่ก็สำคัญไม่แพ้กัน หากเที่ยวนี้ระบบสาธารณสุขจัดการไม่ได้ ก็ไม่พ้นปัญหาเดิม ๆ ที่เกิดขึ้นให้เห็นกันไปแล้ว

ผู้ป่วยโควิดอาการหนัก

ณ เวลานี้ เสียงสะท้อน เสียงเรียกร้องจากหลายองค์กร เกิดขึ้นมากว่าโรงพยาบาลเตียงเต็ม ขณะที่สาธารณสุขเอง ก็ออกมาบอกว่าจะเน้นในเรื่องของการรักษาตัวที่บ้าน

อย่าลืมว่า เรื่องของโควิด ได้ทำให้ระบบประกันแบบเจอจ่ายจบ เจ๊งกันเป็นระนาว เพราะคาดไม่ถึงว่าการแพร่ระบาดกลับบานปลาย คุมไม่ได้จนทำให้บริษัทประกันบางแห่งต้องถูกสั่งปิดเพราะมีเงินไม่พอจ่าย
นอกจากนี้แบบประกันเจอจ่ายจบ ก็ไม่ครอบคลุมการรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งย่อมหนีไม่พ้นที่ผู้เอาประกันต้องแห่แหนไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล

สารพัดสารพันปัญหา กำลังเข้ามาท้าทายความสามารถของรัฐบาลอีกครั้ง สุดท้ายแล้วถ้ารับมือกันไม่อยู่จริง ๆ ต่อให้รัฐบาลพัง!! คนไทยก็อยู่รอดได้ เพราะเดี๋ยวก็เลือกตั้งใหม่ มีผู้บริหารประเทศใหม่
แต่ถ้าประเทศพังนี่สิ…คนไทยก็ต้องพังตามไปด้วย!!

………………..

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img