ฟื้นระบบ “เทสต์แอนด์โก” เดิมพันสำคัญเปิดประเทศ

ถือเป็นการเดิมพัน!!! กับการ “เปิดประเทศ” ครั้งใหญ่  หลังจากไทยกลับมาเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ผ่านระบบ “เทสต์แอนด์โก” (Test & Go) เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา

การตัดสินใจครั้งนี้…ก็เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย หลังต้องเผชิญพิษไวรัสร้ายโควิด-19 มานานถึง 2 ปีเต็ม จนทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวนั้นหด จนทำให้คนไทยทั้งประเทศต้องรู้สึกใจหาย

การกลับมาของ “เทสต์แอนด์โก” เป็นการเปิดประเทศ โดยไม่จำกัด หรือกำหนดประเทศต้นทาง ซึ่งไม่ว่าจะเป็นนักท่องเที่ยวชาติไหน ก็เดินทางเข้ามาไทยได้หมด แต่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า เป็นเวลาไม่เกิน 60 วัน

อย่างไรก็ตาม เพื่อความแน่นอน และลบล้างคำครหาว่า…“เทสต์แอนด์โก” เป็นต้นตอของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด โดยเฉพาะโอมิครอน รัฐบาลจึงต้องปรับมาตรการควบคุมไวรัสโควิด-19 ให้เข้มข้นและเข้มงวดตามไปด้วยเช่นกัน

ทั้งกรณีการกำหนดให้นักท่องเที่ยวต้องลงทะเบียนตรวจโควิดแบบ RT-PCR จำนวน 2 ครั้ง ระหว่างที่อยู่ในไทยคือวันแรก ที่เดินทางมาถึง และวันที่ 5 ของการเดินทาง

ขณะเดียวกันต้องแสดงหลักฐานค่าโรงแรม ค่าที่พัก สถานที่พักต่าง ๆ ที่ได้มาตรการ SHA เอ็กซ์ตรา พลัส หรือโรงแรม สถานกักตัว ประเภท AQ, QQ และ AHQ  ในวันแรกและวันที่ 5 ของการเดินทาง เช่นกัน

ที่สำคัญ นักท่องเที่ยวต้องรอผลตรวจ RT-PCR ทั้ง 2 ครั้งในที่พักที่กำหนดด้วย!!

“ยุทธศักดิ์ สุภสร” ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย หรือ “ททท.” ระบุว่า ทุกมาตรการที่เตรียมไว้สำหรับ “เทสต์แอนด์โก” ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการเดิมพันการเปิดประเทศ ซึ่งไม่ใช่เพียงแค่นี้ แต่ยังเป็นการเดิมพันของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังจะกลับมาด้วยเช่นกัน

ททท.ได้คาดการณ์ไว้ว่าการเปิดประเทศอีกครั้งนี้ เชื่อว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้าในเดือนก.พ.นี้อย่างน้อย 2 แสนคน

นั่น…หมายความว่า ในไตรมาสแรกของปีเสือ นี้จะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติไม่ต่ำกว่า 4 แสนคน!! ซึ่งถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีต่อการก้าวไปสู่เป้าหมาย ที่ 8-10 ล้านคนได้

อย่าลืมว่าประเทศไทย ถือเป็นจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทั่วโลก ต้องการเดินทางมาท่องเที่ยวอยู่แล้ว จึงไม่ใช่เรื่องแปลก ที่พอถึงเวลาเปิดประเทศ ปรากฎว่า มีคนสมัครขอไทยแลนด์พาส ประเภท “เทสต์แอนด์โก” เข้ามาในชั่วโมงแรกของการเปิดระบบมากถึง 4,300 คนทีเดียว

อย่างไรก็ตาม จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติผ่านรูปแบบ “เทสต์แอนด์โก” สะสมตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย.64-31 ม.ค. ที่ผ่านมา มีอยู่ประมาณ 409,594 คน และประเทศที่เดินทางเข้ามาสูงสุด ยังคงเป็น รัสเซีย ที่ 45,491 คน

รองลงมาคือ เยอรมนี 42,274 คน ตามด้วยนักท่องเที่ยวชาว สหราชอาณาจักร จำนวน 33,397 คน นักท่องเที่ยว สหรัฐฯ 27,903 คน และ ฝรั่งเศส 21,404 คน

แม้สัญญาณตอบรับจาก “เทสต์แอนด์โก” ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่อย่าลืมว่า นักท่องเที่ยวก็มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการต้องตรวจหาเชื้อโควิด-19 ด้วยวิธี RT-PCR รวม 2 ครั้ง ในวันแรกและวันที่ 5 ของการเดินทางเข้าไทย

ไม่เพียงเท่านี้ นักท่องเที่ยวที่เป็นเป้าหมายหลักของไทย เช่น สหรัฐฯ ยุโรป รัสเซีย อาจเดินทางไปเที่ยวประเทศอื่นแทนก็ได้ ในช่วงไฮซีซั่นนี้ไปจนถึงเดือนมี.ค. ก็เป็นไปได้

ขณะเดียวกันทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐและเอกชน ก็ต้องตระหนักในเรื่องของการรับมือ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แรงงานด้านการท่องเที่ยว ที่คาดกันว่าจะเกิดวิกฤติครั้งใหญ่ เพราะมีพนักงานเหลือไม่ถึงครึ่ง

บรรดาภาคเอกชนต่างมองไปในทิศทางเดียวกันว่า แม้ปีนี้จะกลายเป็นปีทองของการเดินหน้าฟื้นฟูอนาคตท่องเที่ยวให้ดีขึ้นก็ตาม แต่บรรดาธุรกิจภาคท่องเที่ยวยังมีสภาพ!! ที่เพิ่งออกจากห้องไอซียู ต้องให้น้ำเกลือ

เพราะอย่าลืมว่า “พิษของโควิด” ทำให้มีพนักงานเหลืออยู่น้อยมาก โดย 84% ของสถานประกอบการท่องเที่ยวทั้งหมด มีพนักงานเหลืออยู่ไม่เกินครึ่งของที่เคยมีมาก่อนเกิดวิกฤติโควิด-19  ขณะที่ 77% ของธุรกิจที่พักแรม มีพนักงานที่เหลืออยู่ไม่เกินครึ่ง

ด้วยเหตุนี้!!! จำเป็นอย่างยิ่งที่ “ภาครัฐ” ก็ต้องเหลียวหลังมาดูด้วยเช่นกันว่า จะเดินหน้าเรื่องนี้ต่อไปอย่างไร เพราะถ้ามีนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก แต่ไม่มีคนให้บริการ หรือคนบริการไม่เพียงพอ แน่นอนว่า…อาจเกิดปัญหาที่คาดไม่ถึงก็เป็นไปได้

…………………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)