วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเข้าสู่โหมด“เบื่อหน่าย” รัฐบาลต้องฟังเสียงเอกชน!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เข้าสู่โหมด“เบื่อหน่าย” รัฐบาลต้องฟังเสียงเอกชน!!

การ “บอยคอต” ที่จะลงความเห็นในเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีเขียว ของพรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “พรรคภูมิใจไทย” โดยพร้อมใจกันลาประชุมครม.เมื่อวันอังคารที่ 8 ก.พ.ที่ผ่านมา กำลังกลายเป็นอีกหนึ่ง “วิกฤติ” ที่มีต่อความเชื่อมั่นของรัฐบาล

นอกเหนือไปจากปรากฎการณ์ “สภาล่ม” ซ้ำซาก ที่เป็นหนึ่งใน “เกม” บั่นทอนอายุของรัฐบาล เพราะไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่ขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาลต่อไปได้

ปัญหาเรื่องของรถไฟฟ้าสายสีเขียว เพื่อต่อสัญญาสัมปทาน มีการนำเข้าสู่ที่ประชุมครม.มาหลายครั้ง และในแต่ละครั้ง ก็จะมีการถอนวาระก่อนเข้าสู่การประชุมครม.ทุกครั้ง

ด้วยเหตุนี้!! ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 62 ทุกอย่างจึงวนกลับไปอยู่ที่เดิม ไม่มีคำตอบ ไม่มีอนาคต!!

ไม่ว่าจะเป็นความครบถ้วนตามหลักการของกฎหมายร่วมทุนฯ ระหว่างรัฐและเอกชน เพราะในขั้นตอนของการแก้ไขสัญญาร่วมลงทุน ไม่มีการเสนอความเห็นว่า การต่อสัญญาสัมปทานควรมีการประกวดราคา หรือควรเจรจาต่อรองกับเอกชนรายเดิม

เรื่องการคิดค่าโดยสารที่เหมาะสมและเป็นธรรมแก่ผู้ใช้บริการ รวมทั้งรถไฟสายสีเขียวสามารถกำหนดอัตราค่าโดยสารสูงสุดได้ต่ำกว่า 65 บาท เรื่องของการใช้สินทรัพย์ของรัฐที่ได้รับโอนจากเอกชนให้เกิดประโยชน์สูงสุด ที่ควรพิจารณาว่ารัฐควรได้ประโยชน์จากการขยายสัมปทานเท่าใด อย่างไร จนกว่าจะครบอายุสัญญา รวมไปถึงข้อพิพาททางกฎหมาย

การถอนเรื่องออกจากที่ประชุมครม.เริ่มจากเมื่อเดือน ส.ค. 63 โดยนายกฯ “บิ๊กตู่” ได้สั่งการให้ไปศึกษารายละเอียดให้ชัดเจนก่อนนำเสนอใหม่อีกครั้งหนึ่ง

ขณะที่ความพยายามครั้งที่ 2 ในการนำเสนอให้ครม.พิจารณา เมื่อวันที่ 17 ต.ค.63 แต่ก็มีการถอนเรื่องออกไปก่อน ขณะที่กระทรวงคมนาคมเองได้ตั้งข้อสังเกตไว้ 4 ข้อ ขณะเดียวกันในการประชุมครม.ครั้งต่อมา เมื่อ 19 ต.ค.64 ก็ต้องถอนเรื่องออกไปอีก หลังจากมีข้อทักท้วงจากกระทรวงคมนาคม

เรื่องราวมหากาพย์ของการต่อสัญญาสัมปทานการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียว เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า เหตุผลกลใด? เรื่องนี้จึงกลายเป็นปัญหาจนส่งผลให้เกิด “รอยร้าว” ขึ้นในรัฐบาล แม้ต่างฝ่ายต่างอ้างหลักการ อ้างกฎหมาย อ้างความชอบธรรม สารพัด แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ย่อมมี “เหตุผลอื่น” แฝงอยู่ในความขัดแย้งที่เกิดขึ้น

ขณะเดียวกัน!! เรื่องของความแตกแยกในส่วนของแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล จนต้อง “แตกพรรค” ออกไป ก็เป็นอีกหนึ่งปัญหา ที่ทำให้ความเชื่อมั่น ความมั่นใจ ในตัวของรัฐบาล เริ่มลดน้อยถอยลงไปด้วยเช่นกัน

ความแตกแยก ความร้าวฉาน ในเชิงการเมืองที่เกิดขึ้นในเวลานี้ แม้ไม่ใช่เรื่องแปลก!! สำหรับคนไทย เพราะไม่ว่ายุคใดสมัยใด “การเมือง” ก็อยู่ในรูปแบบนี้มาโดยตลอด

อย่างที่ทุกคนรู้กันดีอย่างเต็มอก “การเมือง” เป็นเรื่องของการ “บริหารประโยชน์” ถ้าลงตัว ทุกอย่างก็ “จบ” ทุกอย่างก็ “เงียบ” แต่ถ้าเกิดความ “เสียเปรียบ” ขึ้นมาไม่ว่าจะเป็นด้านใดก็ตาม คนไทยทั้งประเทศก็จะได้เห็นตาม สภาพ!! ที่เกิดขึ้น

แม้จะ “ชินชา” แต่ในยามที่เศรษฐกิจกำลังตกสะเก็ด แบบไม่มีทางไป ไม่มียุทธศาสตร์ที่ชัดเจน มีเพียงแค่การแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าผ่านไปแบบแก้ผ้าเอาหน้ารอด ก็หนีไม่พ้นที่ทุกคนจะเกิดอาการเบื่อ อาการเซ็ง!!

ล่าสุดภาคเอกชนอย่าง “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. ได้นำผลการสำรวจความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมออกมาเปิดเผยต่อสาธารณชน

คำตอบ!! ที่รัฐบาล หรือแม้แต่ฝ่ายการเมือง ควรนำกลับไปคิด!! ทุกคนกำลังอยู่ในโหมดของความเบื่อหน่าย ด้วยเพราะความกังวลในสถานการณ์การเมืองสารพัด

สุพันธุ์ มงคลสุธี/@TheFederationOfThaiIndustries

ภาคเอกชนที่ตอบแบบสอบถาม ยังมองไปในทิศทางเดียวกันว่า ถ้ามีการเลือกตั้ง หรือเกิดการยุบสภา ในเวลานี้จริง ๆ เชื่อได้ว่าอาจส่งผลบวกในแง่จิตวิทยาด้วยซ้ำไป

เหตุผล!! ก็คือ ถ้ามีการเลือกตั้ง ก็มีเงินสะพัด มีความคึกคักเกิดขึ้นในระบบเศรษฐกิจ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่ก็ถือว่าเป็นการเติมเชื้อเพื่อบู้ทเศรษฐกิจให้ผงกหัวขึ้น

แต่สิ่งที่สำคัญเหนืออื่นใดก็คือ รัฐบาลใหม่ที่ได้ ต้องมีความเป็น “เอกภาพ” ไม่ใช่เสียงปริ่มน้ำส่อล้ม..มิล้ม..แหล่ เหมือนเช่นในปัจจุบัน

เสียงสะท้อนจากภาคเอกชน ที่สะท้อนออกมาในเวลานี้ “ลุงตู่” และทีมงาน ต้องหันหลังกลับมาฟังชัด ๆ ก่อนที่ทุกอย่างจะพังเพราะไม่ได้รับการแก้ไข!!!

…………………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img