วันอังคาร, เมษายน 16, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSหนักหนาสาหัส“น้ำมันไทย” รอเลย!!รัฐบาลช่วยยังไง?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

หนักหนาสาหัส“น้ำมันไทย” รอเลย!!รัฐบาลช่วยยังไง?

พิษของสงคราม “รัสเซีย-ยูเครน” กำลังส่งผลกระทบต่อทั่วโลกทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งรวมถึงประเทศไทยด้วย ปัญหาใหญ่ที่ทุกฝ่ายต่างเกาะติดสถานการณ์ คงหนีไม่พ้นเรื่อง “ราคาน้ำมัน”

ล่าสุด!! ราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ได้ทะยานขึ้นไปถึง 119 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เข้าไปแล้ว ซึ่งถือว่าเป็นราคาที่สูงที่สุดในรอบ 10 ปี นับตั้งแต่ปี 2555 กันทีเดียว เรียกได้ว่าราคาน้ำมันในขณะนี้ปรับตัวสูงขึ้นมาเกือบ 20% ในรอบสัปดาห์ทีเดียว

แม้ว่า ปตท. หรือ พีทีที สเตชั่น กับ บางจาก จะยอมกัดฟันปรับขึ้นราคาน้ำมันในกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์เพียงลิตรละ 60 สตางค์ และปรับขึ้นราคาน้ำมันดีเซล เพียงลิตรละ 20 สตางค์ ก็ตาม โดยมีผลวันที่ 4 มี.ค.65

แต่ในแง่ของภาคเอกชนแล้ว ทนไม่ไหวกันจริง ๆ ขอปรับขึ้นราคาขายปลีกหน้าปั๊มไปถึงลิตรละ 1.20-2 บาทกันเลย เพราะไม่สามารถแบกรับภาระที่เกิดขึ้นได้แล้ว

พลังงาน /cr ; สำนักงานกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า ราคาพลังงาน ไม่ว่าจะเป็น น้ำมัน หรือ ก๊าซแอลพีจี หรือ เอ็นจีวี ก็ตาม ต่างเป็น “ต้นทุนสำคัญของการผลิตสินค้า” โดยผลการสำรวจของผู้บริหารบริษัทที่เป็นสมาชิกของสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) หรือ “เอฟทีไอ โพล” ล่าสุดในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ระบุไว้ชัดเจนว่า ปัจจุบันค่าไฟฟ้าและพลังงานคิดเป็นสัดส่วนต่อต้นทุนการผลิต โดยเฉลี่ยภาพรวม 20-30%

ไม่เพียงเท่านี้ จากผลสำรวจยังพบว่า แนวโน้มภาคอุตสาหกรรมส่วนใหญ่จะมีการใช้ไฟฟ้าและพลังงาน ปี 65 เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 64 เนื่องจากการทยอยฟื้นตัวของกิจกรรมทางเศรษฐกิจโดยเฉพาะส่งออก

ขณะเดียวกันประธานส.อ.ท.อย่าง “สุพันธุ์ มงคลสุธี” ประเมินว่า แนวโน้มราคาน้ำมันจะอยู่ในภาวะวิกฤติที่เกินกว่าบาร์เรลละ 100 เหรียญสหรัฐ ไปอีกอย่างน้อย 20-30 วัน ซึ่งหมายความว่า ราคาน้ำมันจะแพงขึ้นไปอีกอย่างน้อยลิตรละ 6 บาท

เป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่า…ถ้าราคาน้ำมันแพง ย่อมต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยแน่นอน ทั้งเรื่องของผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อ ผลกระทบต่อราคาสินค้าที่จะทะยานแพงขึ้นต่อเนื่อง โดยที่ราคาสินค้าที่เพิ่มขึ้น ก็ไม่เคยปรับลดลงให้เห็น อย่างที่รู้ ๆ กันดีอยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม เพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลาย!! คณะกรรมการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง หรือ กบน. ล่าสุด ได้ไฟเขียวเปิดทางให้นำเงินจากกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงไปชดเชยราคาดีเซลเพิ่มขึ้น จากที่ทุกวันนี้ชดเชยอยู่แล้วที่ลิตรละ 2.30 บาท เพิ่มเป็นลิตรละ 4.08 บาท

ทั้งหลายทั้งปวง!! ก็เพื่อรักษาสัญญา พร้อม ๆ กับเก้าอี้ของรัฐบาลไม่ให้ราคาน้ำมันดีเซลพุ่งเกินลิตรละ 30 บาท รวมทั้งตรึงราคาก๊าซหุงต้มหรือแอลพีจี ให้อยู่ที่ถังละ (15 ก.ก.) 318 บาทต่อไป ให้ได้จนถึงสิ้นเดือนมี.ค.นี้ และในอีกไม่ช้าไม่นาน…กระทรวงพลังงานเตรียมออกมาตรการมาบรรเทาความเดือดร้อนที่เกิดขึ้น

แน่นอนว่า!! ในแง่ของปริมาณพลังงานแล้ว ไทยอาจยังไม่ได้รับผลกระทบตรง ๆ ที่สำคัญ…ส่วนใหญ่ยังเป็นการนำเข้าจากประเทศในกลุ่มตะวันออกกลางถึง 55% ขณะที่นำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเพื่อนำมากลั่นเพียงแค่วันละ 5.22 ล้านลิตร หรือคิดเป็น 3% ของการนำเข้าน้ำมันดิบทั้งหมดก็ตาม

แต่ที่น่าเป็นห่วง… คือเรื่องของ “ราคา” อย่าลืมว่า ทุกวันนี้ กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงกำลังบักโกรกอย่างหนัก โดย ณ วันที่ 27 ก.พ. ยังคงติดลบรวมทั้งสิ้น 21,838 ล้านบาท

ทั้งนี้แบ่งเป็นบัญชีน้ำมันมีเงิน 4,988 ล้านบาท แต่บัญชีแอลพีจี ติดลบหนัก 26,826 ล้านบาท แต่ละเดือนเงินไหลออก 7,000 ล้านบาท จากการชดเชยราคาดีเซลรวม 5,000 ล้านบาทต่อเดือน และชดเชยแอลพีจี 2,000 ล้านบาทต่อเดือน แต่เนื่องจากมีเงินไหลเข้ากองทุนฯเดือนละ 3,000 ล้านบาทต่อเดือน จึงช่วยให้เงินไหลออกเหลือแค่ 4,000 ล้านบาทต่อเดือน

แม้ กบน. จะประเมินไว้ว่าราคาน้ำมันโลกพุ่งขึ้นสูงสุดอีกในช่วง 1-2 วันนี้ แต่จะคลี่คลายลงได้ในช่วง 1 สัปดาห์จากนี้ไป!!

แต่เอาเข้าจริง!! ถามหน่อยเถอะ…ใครจะไปสามารถ “เดาใจ” ประธานาธิบดีรัสเซียจริง ๆ ได้ ว่าจะหยุดสงครามนี้เมื่อใด? ทั้งที่เวลานี้ทั่วโลกโดยเฉพาะโลกตะวันตก ต่างคว่ำบาตร ต่างงดทำสังฆกรรม ในทุกทาง

เอาเป็นว่า ประชาชนคนไทย อย่างเรา คงต้องมานั่งรอนอนรอ กันว่าว่า รัฐบาลจะปล่อยหมัดเด็ดอะไรออกมาเพื่อประคับประคองชีวิตคนไทยในช่วงต่อจากนี้!

…………………….

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)


- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img