วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSวิพากษ์!!ช้อปปี้“ปลดคน” ถอยเพื่อ“รุก” ครองตลาด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

วิพากษ์!!ช้อปปี้“ปลดคน” ถอยเพื่อ“รุก” ครองตลาด

กลายเป็น “ทอล์คออฟเดอะทาวน์” กันอีกแล้ว กับข่าวคราวการเลิกจ้าง ช้อปปี้เพย์ และ ช้อปปีฟู้ด ในไทย กว่า 300 คน มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค.นี้เป็นต้นไป

ที่สำคัญยังทำเอาใครหลายคนเกิดอาการ “งง” กันเป็นแถว เพราะใคร ๆ ก็รู้ว่า ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ในไทยกำลังไปได้สวย กำลังเติบโตมากมายขนาดไหน แต่กลายเป็นว่า…หนึ่งในยักษ์แห่งวงการมาร์เก็ตเพลส “ขาดทุนหนัก” จนต้องมีการปลดพนักงาน

สมาคมผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย ได้ประเมินแนวโน้มตลาดอีคอมเมิร์ซแบบ B2C (Business-to-Customer) ของไทยในปี 2565 จะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% โดยมีมูลค่าตลาดประมาณ 9 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 6.93 แสนล้านบาทในปี 2564

เหตุใหญ่ใจความ…ก็มาจากผู้บริโภคต่างคุ้นชินกับการซื้อสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์แล้ว เช่นเดียวกับแบรนด์ต่างๆ ที่หันมาจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น

คำถาม? แล้วทำไม “ช้อปปี้” ต้องปลดพนักงานทั้งในไทยและในภูมิภาค !!

คำตอบ!! จากบรรดา “กูรู” ทางด้านอีคอมเมิร์ซ ต่างให้คำตอบไปในทิศทางเดียวกัน ว่า การถอยของช้อปปี้ครั้งนี้ เป็นการถอยมาตั้งหลัก เพื่อก้าวกระโดดต่อไปในอนาคตข้างหน้า ที่เห็นแต่ผลกำไร

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่จำเป็นว่า ธุรกิจต้องทำกำไรได้ทันที เพราะมีตัวอย่างให้เห็นแล้วอย่างกรณีของ “อเมซอน” มาร์เก็ตเพลสยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ ที่ขาดทุนมาเป็น 10 ปี ก่อนทำกำไรมหาศาลในแต่ละปี และกลายเป็นยักษ์ใหญ่และแข็งแกร่งที่สุดในสหรัฐ

อย่างไรก็ตาม การทำธุรกิจมาร์เก็ตเพลส จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก โดยที่ช้อปปี้ มีบริษัทแม่ที่ต้องอาศัยเงินลงทุนจาก “นักลงทุน” โดยในช่วงภาวะเช่นนี้ ก็เป็นเรื่องยาก เพราะเศรษฐกิจโลกยังลูกผีลูกคน แตกต่างจาก “ลาซาด้า” ที่มีบริษัทแม่ที่แข็งแกร่งสามารถนำเงินทุนของตัวเองมาใส่เติมให้ได้

ไม่เพียงเท่านี้ การหันมาขยายธุรกิจในสิ่งที่ไม่ถนัด หรือที่มีการแข่งขันกันสูงมาก ทั้งเรื่องของระบบเพย์เม้นท์ ที่คนไทยเองยังนิยมทำธุรกรรมผ่านสถาบันการเงินมากกว่า

หรือแม้แต่ในเรื่องของธุรกิจดีลิเวอรี่อาหาร ก็มีคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากมาย ในเมื่อเล็งเห็นแล้วว่า ไปต่อไม่ไหว!! ในสิ่งที่ไม่ถนัด หรือการแข่งขันสูง การถอยออกมาก็ไม่ใช่เรื่องแปลก!! ที่จะรักษาธุรกิจหลักเอาไว้ หรือนำไปลงทุนในธุรกิจที่ให้กำไรมากกว่า

ขณะเดียวกัน!! หลายคนก็อาจสงสัยว่า ทำไม ช้อปปี้ในไทย ก็โกยรายได้เป็นจำนวนไม่น้อย แต่ทำไม? ถึงขาดทุนมากมาย

ล่าสุด…ในปี 64 บริษัท ช้อปปี้ (ประเทศไทย) จำกัด มีรายได้อยู่ที่ 13,322 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 129.18% แต่ปรากฎว่า เป็นผลการดำเนินงานที่ขาดทุน 4,972 ล้านบาท คิดเป็นการขาดทุนเพิ่มขึ้น 19.24% จากปี 63 ที่ขาดทุนรวม 4,170 ล้านบาท

ค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่..มาจากในเรื่องของการทำโฆษณา ทำกิจกรรมการตลาด แจกคูปอง แจกสินค้า ลดราคาสินค้า ที่ใช้เงินเป็นจำนวนหลายพันล้านบาท จึงกลายเป็นค่าใช้จ่ายก้อนโต

ทั้งนี้ต้องยอมรับว่า ช้อปปี้ เป็นมาร์เก็ตเพลสที่มีไดนามิก มีพลวัตรที่สูง มีลูกเล่นมากกว่า และเข้าใจวิถีของคนไทย คนท้องถิ่นมากกว่า การเพิ่มลูกเล่น การเพิ่มช่องทางสารพัด เพื่อเอาใจลูกค้า ก็ต้องใช้เงินลงทุนจำนวนมาก จึงทำให้ช้อปปี้ก้าวมาอยู่ในใจของคนไทยได้ไม่น้อยทีเดียว

ดังนั้น!! การเลือกที่จะ “พัก” ในธุรกิจที่ไม่ถนัด ไว้ก่อน ก็ไม่ได้ผิดแปลกแหวกแนวอะไร หากมีเงินทุนเพียงพอ หรือมองเห็นช่องทางที่ไปได้ แล้วหันกลับมาลงทุนใหม่ก็ไม่สาย

แต่ถ้ามองให้ยาว ๆ ก็น่าเป็นห่วง ว่าในอนาคต  เมื่อมาร์เก็ตเพลสเหล่านี้ เติบโตแข็งแกร่งมากขึ้น ตามยุคตามสมัย จนครอบครองตลาดค้าปลีกได้

แล้วบรรดาธุรกิจ ที่มีหน้าร้าน ห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าปลีกต่าง ๆ จะอยู่ต่อไปได้ยาวนานเพียงใด เพราะอย่าลืมว่า มาร์เก็ตเพลส ได้เข้ามาตัดตัวกลางออกไป ผู้ผลิตสินค้า สามารถขายสินค้าได้โดยผ่านมาร์เก็ตเพลส

ตรงนี้เป็นเรื่องที่น่าคิด!! ที่ต้องดูกันไปอีกยาว ๆ หากปรับตัวกันได้ทันตั้งรับได้เร็ว อนาคตไม่มีมืดมนแน่!!

………………

คอลัมน์ : EC Focus by Virgo

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img