วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSRenewable Electricity คาดเพิ่มขึ้นแตะ 2,400 GW ใน 3 ปี
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

Renewable Electricity คาดเพิ่มขึ้นแตะ 2,400 GW ใน 3 ปี

Renewable Power | World’s Leading Electricity Source within 3 Years

“….พลังงานหมุนเวียน Renewables กำลังจะกลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลก World’s Top Source of Electricity ได้ภายใน 3 ปี …”

กำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity คือ พลังงานไฟฟ้าที่ผลิตขึ้นจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewables รูปแบบต่างๆ เช่น พลังน้ำ Hydro Power, พลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power และพลังงานลม Wind Power เป็นต้น ซึ่งได้รับพลังงานตามธรรมชาติ และไม่มีวันหมดสิ้นไป .. พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy นั้น นอกจากจะสามารถใช้สำหรับการผลิตกำลังไฟฟ้า Electricity Generation แล้ว ยังสามารถประยุกต์ใช้ในการทำความร้อน และความเย็น Heating & Cooling ให้กับพื้นที่ และสำหรับน้ำ รวมทั้งการใช้งานในระบบการขนส่ง Transportation ไปพร้อมด้วย ..

ตัวอย่างปัจจุบันในสหราชอาณาจักร และสหรัฐฯ ซึ่งจัดวางโครงการ และแผนงานไว้มากมายเพื่อตอบสนองความมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero ภายในปี 2593 .. การใช้กำลังไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน Electricity that Comes from Renewable Sources จึงเป็นสิ่งสำคัญยิ่งในการช่วยลดการปล่อยคาร์บอน Carbon Emissions ให้สำเร็จได้ในที่สุด ..

Energy Transition / Clean Energy Generation / Infographic Opportunities Across Value Chain | Credit : Schroders

ด้วยความจริงที่ว่า พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy แต่ละประเภท มีส่วนช่วยในการผลิตไฟฟ้าในปริมาณที่แตกต่างกัน ควบคู่ไปกับพลังงานประเภทที่ไม่หมุนเวียน Non-Renewable Energy เช่น เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels หรือพลังงานนิวเคลียร์ Nuclear Energy เป็นต้น ได้อย่างยอดเยี่ยม ..

ทั้งนี้ มนุษยชาติ สามารถใช้แหล่งพลังงานหมุนเวียนประเภทต่าง ๆ 100% ในการผลิตกำลังไฟฟ้าแทนที่แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลที่ไม่หมุนเวียน Non-Renewable Fossil Fuels ทั้งหมดได้ในปัจจุบัน และอนาคต เพื่อรับมือกับวิกฤติสภาพภูมิอากาศ Climate Crisis ได้อย่างแน่นอน ไร้ข้อสงสัย เพียงแต่ความล่าช้าต่าง ๆ ที่อาจพบเห็นได้นั้น มักจะเกิดขึ้นเนื่องจากสติปัญญาของฝ่ายการเมือง และประเด็นเรื่องของราคา ..

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมข้อมูลการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลกล่าสุดนั้น ได้รับการคาดหมายได้ว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables จะครอบคลุมการเติบโตของความต้องการพลังงานไฟฟ้าได้เกือบทั้งหมดทั่วโลก Global Electricity Demand Growth Out จนถึงปี 2568 และกำลังกลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าอันดับต้น ๆ ของโลก ภายใน 3 ปี

กำลังการผลิตพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเกือบ 2,400 GW คิดเป็นภาพรวมเกือบ 75% ระหว่างปี 2565-2570 ในรายงานการคาดการณ์ของ International Energy Agency : IEA ซึ่งเท่ากับกำลังการผลิตติดตั้งทั้งหมดของจีน .. การเติบโตของพลังงานหมุนเวียน Renewables Growth ขับเคลื่อนโดยนโยบายภาครัฐของแต่ละประเทศที่มีความทะเยอทะยานมากขึ้นในตลาดหลัก ๆ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นการตอบสนองต่อวิกฤตพลังงานในปัจจุบัน .. อัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้น 85% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ประการแรก ราคาเชื้อเพลิงฟอสซิล และค่าไฟฟ้าที่สูงอันเป็นผลจากวิกฤตพลังงานโลก ทำให้เทคโนโลยีพลังงานหมุนเวียนมีความน่าสนใจในเชิงเศรษฐกิจมากขึ้น และประการที่สอง การบุกยูเครนของรัสเซีย ทำให้ชาติผู้นำเข้าเชื้อเพลิงฟอสซิลโดยเฉพาะในยุโรป ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ด้านความมั่นคงทางพลังงานด้วยพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy มากขึ้น ..

การคาดการณ์ในปี 2566 นี้ ได้รับการปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 30% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าตลาดพลังงาน จะปั่นป่วนผันแปร Energy Market Turbulence โดยสาเหตุหลักเป็นเพราะจีน ยุโรป สหรัฐฯ และอินเดีย กำลังดำเนินการตามนโยบายภาครัฐที่มีอยู่อย่างเข้มงวด การปฏิรูปกฎระเบียบ และตลาด รวมทั้งการออกนโยบาย และมาตรการใหม่ ๆ สำหรับการเร่งดำเนินแผนงานให้รวดเร็วขึ้นกว่าที่คาดไว้ เพื่อต่อสู้กับวิกฤติพลังงาน Combat the Energy Crisis ที่เกิดขึ้น .. แผน 5 ปี ฉบับที่ 14 ของจีน หรือ China’s 14th Five-Year Plan และการปฏิรูปตลาดตามแผนของสหภาพยุโรป REPowerEU Plan และพระราชบัญญัติลดอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ US Inflation Reduction Act : IRA ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายครั้งสำคัญที่สุดนับตั้งแต่รายงานการคาดการณ์ครั้งสุดท้ายของ International Energy Agency : IEA เมื่อสิ้นปีที่ผ่านมา ..

พลังงานหมุนเวียน Renewables กำลังจะกลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าอันดับต้นๆ ของโลก World’s Top Source of Electricity ได้ภายใน 3 ปี ..

ข้อมูลใหม่ล่าสุดของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA พบว่า พลังงานหมุนเวียน Renewable Energy จะมีการเติบโตครอบคลุมของความต้องการพลังงานไฟฟ้าเกือบทั้งหมดทั่วโลกจนถึงปี 2568 และจะสามารถกลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าอันดับต้น ๆ ของโลก World’s Top Source of Electricity ได้ภายในเพียง 3 ปีเท่านั้น จากนี้ไป ..

การวิเคราะห์การขยายตัว และศักยภาพของแหล่งพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Energy Sources โดยสังเขปในรายงานตลาดไฟฟ้า Electricity Market Report ของสำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA ประจำปี 2566 แสดงให้เห็นว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables ที่ผนวกรวมกับพลังงานนิวเคลียร์ Nuclear Power ที่กำลังฟื้นคืนชีพขึ้นมา จะให้กำลังผลิตไฟฟ้าได้ครอบคลุมมากกว่าการเติบโตของความต้องการไฟฟ้า ระหว่างปี 2565-2568 ..

ซึ่งหมายความว่า แหล่งพลังงานสะอาด Clean-Energy Sources จะเริ่มเข้ามาแทนที่แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ซึ่งเป็นผลให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในภาคการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก Global Power-Sector Carbon Dioxide : CO2 Emissions จะคงที่ หรือลดลงได้ แม้ว่าความต้องการพลังงานไฟฟ้าจะยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วก็ตาม ..

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA ตั้งข้อสังเกตว่า การคาดการณ์การเติบโตของ GDP ทั่วโลก ได้ถูกปรับลดลงสำหรับเกือบทุกประเทศทั่วโลก เนื่องจากวิกฤตพลังงาน Energy Crisis โดยเฉพาะ สหราชอาณาจักร United Kingdom : UK และประเทศในยุโรป ได้รับผลกระทบครั้งใหญ่นี้เป็นพิเศษ ..

อย่างไรก็ตาม ความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วโลก Global Electricity Demand เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในปี 2566 โดยระบุว่าความต้องการใช้กำลังไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2,500 เทราวัตต์ชั่วโมง Terawatt Hours : TWh ภายในปี 2568 โดยส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคเอเชีย ..

การเติบโตขึ้นประมาณ 9% นี้ จะทำให้ความต้องการกำลังไฟฟ้าโดยรวมเพิ่มขึ้นเป็น 29,281 TWh เทียบเท่ากับการเพิ่มอุปสงค์ขนาดเท่าสหภาพยุโรปให้กับระบบไฟฟ้าทั่วโลกในเวลาเพียง 3 ปีเท่านั้น ..

สำนักงานพลังงานระหว่างประเทศ International Energy Agency : IEA ยังชี้ให้เห็นอีกด้วยว่า การเติบโตนี้คาดหมายได้ว่าจะกระจุกตัวในเอเชีย .. ภายในปี 2568 จีนจะมีสัดส่วนความต้องการใช้ไฟฟ้าประมาณ 1 ใน 3 ของโลก เพิ่มขึ้นจาก 5% ในปี 2533 และ 25% ในปี 2558 .. เมื่อรวมกับการเติบโตอย่างแข็งแกร่งในส่วนอื่น ๆ ของเอเชียแล้ว คาดว่า ภายในปี 2568 ภูมิภาคเอเชียนี้จะมีสัดส่วนการใช้ไฟฟ้ามากกว่าครึ่งหนึ่งของความต้องการพลังงานไฟฟ้าทั้งหมดของโลก ซึ่ง IEA กล่าวว่า นี่คือ ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ The First Time in History เลยทีเดียว ..

Global Electricity Demand | Credit : IEA Report 2023

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการใช้ไฟฟ้า Electricity Use จะเติบโตอย่างต่อเนื่องในยุโรป และอเมริกาเหนือ แต่ส่วนแบ่งความต้องการทั่วโลกจะลดลงเมื่อการใช้กำลังไฟฟ้าในเอเชียขยายตัว ..

International Energy Agency : IEA ยืนยันต่อไปว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables และนิวเคลียร์ Nuclear จะครอบงำการเติบโตของความต้องการพลังงานไฟฟ้าในอนาคตจากนี้ไป ..

ทั้งนี้ พลังงานหมุนเวียน Renewables และพลังงานนิวเคลียร์ Nuclear ที่กล่าวถึงนี้ คือ แหล่งพลังงานหลักสำหรับการเติบโตของการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลกในอีก 3 ปีข้างหน้า ด้วยการตอบสนองต่อความต้องการที่เพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยได้มากกว่า 90% ..

โดยภาพรวมแล้วมีความชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อการวิเคราะห์ Carbon Brief ในข้อมูลตัวเลขของ IEA แสดงให้เห็นว่า การผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 2,493 TWh ระหว่างปี 2565-2568 และการเติบโตของพลังงานหมุนเวียน Renewables Growth จะครอบคลุมส่วนใหญ่ของการผลิตทั้งหมด โดยเพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 2,450 TWh ซึ่งเท่ากับ 98% ของความต้องการโดยรวมที่เพิ่มขึ้นทั่วโลก ..

นอกจากนี้ IEA ยังคาดว่าการฟื้นตัวของการผลิตกำลังไฟฟ้าจากนิวเคลียร์นำโดยเอเชีย กำลังจะเกิดขึ้น การก่อสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รุ่นใหม่ที่ปลอดภัยกว่าในจีน และอินเดีย ควบคู่ไปกับการรีสตาร์ทเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์ในฝรั่งเศส และญี่ปุ่น หมายถึง กำลังผลิตพลังงานไฟฟ้าจากนิวเคลียร์จะเพิ่มขึ้นอีกอย่างน้อย 302 TWh ภายในปี 2568 ..

เมื่อรวมกันแล้ว ตัวเลขเหล่านี้ แสดงให้เห็นว่า แหล่งพลังงานสะอาด Clean Energy Sources จะแซงหน้าการเติบโตของความต้องการใช้กำลังไฟฟ้าทั่วโลก Global Electricity Demand ซึ่งทำให้ไม่จำเป็นต้องใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ในกระบวนการเหล่านี้อีกต่อไปก็ได้ ..

การเติบโตของความต้องการผลิตกำลังไฟฟ้า Global Electricity Demand จากแหล่งพลังงานต่าง ๆ แสดงในแผนภูมิด้านล่าง โดยพลังงานหมุนเวียน Renewables นั้น เกือบจะเท่ากับการเพิ่มขึ้นของกำลังผลิตไฟฟ้าทั้งหมดที่ต้องการในปี 2568 ..

Change in Global Electricity Generation by Source, 2022-2025, Terawatt Hours: TWh | Credit : IEA Report 2023

ทั้งนี้ การเติบโตของการผลิตกำลังไฟฟ้าในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า หมายความว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables จะแซงหน้าถ่านหิน Coal และกลายเป็นแหล่งผลิตกำลังไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ภายใน 3 ปี ตามที่แสดงไว้ในแผนภูมิด้านล่างนี้ได้อย่างแน่นอน ไม่มีข้อสงสัย ..

Global Electricity Generation by Source, 2022-2025, Terawatt Hours: TWh | Credit : IEA Report 2023

กำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity จะเพิ่มส่วนแบ่งการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลกจาก 29% เป็น 35% ภายในเวลาเพียง 3 ปี ..

ก่อนหน้านี้ พลังงานหมุนเวียน Renewables ได้จัดหากำลังไฟฟ้า 20% ของโลก ในปี 2533 และส่วนแบ่งนี้ยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปมากนักจนถึงปี 2553 .. ส่วนแบ่งของถ่านหิน Coal’s Share ได้ลดลงแล้วจาก 40% ของการผลิตไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2553 เป็น 36% ในปัจจุบัน และ IEA ชี้ว่า สัดส่วนการผลิตกำลังไฟฟ้าจากถ่านหินนี้ จะลดลงอีกเป็น 33% ในปี 2568 ..

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า พลังงานหมุนเวียน Renewables กำลังจะกลายเป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าอันดับต้น ๆ ของโลก World’s Top Source of Electricity ได้ภายใน 3 ปี ด้วยสัดส่วน อยู่ที่ 35% ก็ตาม แต่เชื้อเพลิงฟอสซิลที่สกปรกที่สุด Dirtiest Fossil Fuel ก็จะยังคงเป็นหนึ่งในแหล่งผลิตกำลังไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุดของโลกต่อไปอีกสักระยะหนึ่ง .. ก๊าซธรรมชาติ Natural Gas จะยังคงมีสัดส่วนการผลิตกำลังไฟฟ้า อยู่ที่ 21% ในปี 2568 และกำลังไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์อีกประมาณ 10% ..

พลังงานลม Wind และแสงอาทิตย์ Solar Power สามารถผลักดันโลกไปสู่ยุคใหม่ซึ่งการผลิตกำลังไฟฟ้าจากฟอสซิล Fossil Power Generation กำลังล่มสลายลงในไม่ช้า ..

กำลังไฟฟ้าจากพลังงานลม Wind Power และพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power สร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 12% ของการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลก Global Electricity ในปี 2565 ที่ผ่านมา .. สำหรับในปี 2566 นี้ คาดได้ว่า พลังงานลม และพลังงานแสงอาทิตย์ Wind & Solar Energy จะสามารถผลักดันโลกเข้าสู่ยุคใหม่ของการผลิตกำลังไฟฟ้าฟอสซิลที่ลดลง และส่งผลให้การปล่อยคาร์บอนจากภาคพลังงาน Power Sector Carbon Emissions ลดลงตามไปด้วย ..

ภาคการผลิตไฟฟ้าทั่วโลก Global Electricity Sector คือ ภาคส่วนแรกที่จำเป็นต้องเร่งลดการปล่อยคาร์บอน Decarbonised ควบคู่ไปกับความต้องการไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้น Electricity Demand Rising เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้า Electrification จะปลดล็อกให้เกิดการลดการปล่อยมลพิษทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจ .. สถานการณ์จำลองการปล่อยมลพิษเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Emissions Scenario ของ IEA ชี้ไปที่การทำให้ภาคการผลิตกำลังไฟฟ้าเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Power Sector ในปี 2583 ล่วงหน้า 10 ปี ของการปล่อยคาร์บอนในระบบเศรษฐกิจเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero Economy ในปี 2593 .. ดังนั้น การติดตามการเปลี่ยนผ่านของระบบไฟฟ้า Electricity Transition จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการประเมินความก้าวหน้าด้านสภาพอากาศ Critical to Assess Our Climate Progress ของมนุษยชาติ ..

การลดคาร์บอนของภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า Decarbonisation of the Power Sector กำลังดำเนินอยู่ เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 ของพลังงานลม และแสงอาทิตย์ Wind & Solar Energy ทำให้ความเข้มของการปล่อยมลพิษจากระบบการผลิตกำลังไฟฟ้าของโลก Emissions Intensity of the World’s Electricity ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเท่าที่เคยมีมา .. มัน คือ ช่วงเวลาที่น่าประทับใจ เมื่อการปล่อยมลพิษ และก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Carbon Dioxide : CO2 จากภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า Power Sectorทั่วโลก กำลังเริ่มลดลงทุกปีจากนี้ไป .. แต่อย่างไรก็ตามโลกยังไปไม่ถึงไหน และการปล่อยมลพิษจำเป็นต้องให้ลดลงอีกอย่างรวดเร็วมากกว่านี้ ..

ทั้งนี้ด้วยกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity ที่สะอาดที่สุดจากลม Wind และแสงอาทิตย์ Solar Energy สร้างพลังงานไฟฟ้าได้ 12% ของพลังงานทั่วโลก .. ความเข้มข้นของการปล่อยคาร์บอนในการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลก ลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ อยู่ที่ 436 gCO2/KWh ในปี 2565 ซึ่งถือเป็นพลังงานไฟฟ้าที่สะอาดที่สุดเท่าที่เคยมีมา Cleanest-Ever Electricity เนื่องจากกำลังไฟฟ้าจากพลังงานลม และแสงอาทิตย์  Wind & Solar Electricity เติบโตเป็นประวัติการณ์ ซึ่งมีส่วนแบ่งอยู่ที่ 12% ในส่วนผสมไฟฟ้าทั่วโลก Global Electricity Mix ในปี 2565 ที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2564 และเมื่อผนวกรวมกำลังไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ไปด้วยแล้ว จะมีสัดส่วนถึง 39% ของการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลก ซึ่งสูงลิ่วเป็นประวัติการณ์ .. การผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power Generation เพิ่มขึ้น 24% ทำให้พวกมัน กลายเป็นแหล่งผลิตกำลังไฟฟ้าที่เติบโตเร็วที่สุดเป็นเวลา 18 ปีติดต่อกัน ..

การผลิตกำลังไฟฟ้าจากพลังงานลม Wind Power Generation เพิ่มขึ้น 17% .. การเพิ่มขึ้นของการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลก ในปี 2565 อาจตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าประจำปีทั้งหมด Annual Electricity Demand ของแอฟริกาใต้ และการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานลมที่เพิ่มขึ้น อาจให้พลังงานไฟฟ้าได้เกือบทั้งหมดในสหราชอาณาจักร .. ปัจจุบัน มากกว่า 60 ประเทศ ผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity ด้วยสัดส่วนได้มากกว่า 10% จากพลังงานลม และแสงอาทิตย์ .. อย่างไรก็ตาม แหล่งพลังงานไฟฟ้าสะอาดอื่น ๆ ลดลงเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2554 เนื่องจากผลผลิตกำลังไฟฟ้าจากพลังงานนิวเคลียร์ลดลง และแผนงานการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Hydro Power Plants แห่งใหม่ๆ บนโครงข่ายระบบสายส่งที่ลดลง ..

การผลิตกำลังไฟฟ้าจากถ่านหินเพิ่มขึ้นอย่างจำกัด Limited Coal Increase ในขณะที่การผลิตกำลังไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ ยังคงทรงตัว Gas Plateaus .. การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า Power Sector Emissions เพิ่มขึ้นในปี 2565 อยู่ที่ประมาณ +1.3% แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ .. กำลังไฟฟ้าสะอาดกว่าที่เคย Electricity is Cleaner than Ever แต่เราใช้พลังงานไฟฟ้ามากขึ้น .. การผลิตกำลังไฟฟ้าจากถ่านหิน Coal Power Generation เพิ่มขึ้น 1.1% ซึ่งสอดคล้องกับการเติบโตเฉลี่ยในทศวรรษที่ผ่านมา .. ‘การลดการใช้พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน Coal Power Phasedown’ ที่ตกลงกันที่ COP26 ในปี 2564 อาจไม่ได้เริ่มในปี 2565 แต่วิกฤตพลังงาน Energy Crisis ก็ไม่ได้นำไปสู่การเพิ่มการเผาไหม้ถ่านหินจำนวนมากอย่างที่หลายคนกลัว ..

การผลิตไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ Gas Power Generation ลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ประมาณ -0.2% ในปี 2565 เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปี เนื่องจากราคาก๊าซธรรมชาติทั่วโลกพุ่งสูงขึ้น High Gas Prices Globally .. การเปลี่ยนจากก๊าซธรรมชาติไปเป็นถ่านหิน ถูกจำกัดในปี 2565 เนื่องจากก๊าซธรรมชาติ มีราคาแพงกว่าถ่านหินเป็นส่วนใหญ่อยู่แล้วในปี 2564 .. โรงไฟฟ้าก๊าซใหม่ New Gas Power Plants สร้างเพียง 31 GW ในปี 2565 ซึ่งต่ำที่สุดในรอบ 18 ปี แต่ในปี 2565 มีการปิดโรงงานถ่านหินจำนวนน้อยที่สุดในรอบ 7 ปี เนื่องจากประเทศต่างๆ พยายามรักษากำลังการผลิตไฟฟ้าสำรองไว้ก่อนให้มากที่สุด แม้ว่าการเปลี่ยนแปลงไปสู่พลังงานสะอาด จะถูกเร่งให้เร็วขึ้นก็ตาม ..

ทั้งนี้ การผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์ Wind & Solar Power Generation กำลังชะลอการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่เพิ่มขึ้นในภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า Power Sector Emissions .. หากการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลม และแสงอาทิตย์ Electricity from Wind & Solar ทั้งหมด มาจากการผลิตกำลังไฟฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Generation แล้ว การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการผลิตไฟฟ้า Power Sector Emissions จะสูงขึ้น 20% ในปี 2565 .. การเติบโตเพียงอย่างเดียวของการผลิตกำลังไฟฟ้าจากลมและแสงอาทิตย์ อยู่ที่ +557 TWh ซึ่งเท่ากับปริมาณกำลังไฟฟ้า 80% ของการเติบโตของความต้องการกำลังไฟฟ้าทั่วโลกในปี 2565 อยู่ที่ +694 TWh ..

การเติบโตของพลังงานสะอาด มีแนวโน้มที่จะสูงกว่าการเติบโตของความต้องการใช้ไฟฟ้าในปี 2566 และนี่จะเป็นปีแรกที่สิ่งนี้จะเกิดขึ้นนอกเหนือจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย ด้วยการเติบโตโดยเฉลี่ยของความต้องการใช้ไฟฟ้า และพลังงานสะอาด คาดการณ์ได้ว่า ในปี 2566 นี้ จะได้เห็นการผลิตกำลังไฟฟ้าจากฟอสซิล Fossil Generation ลดลงเล็กน้อย อยู่ที่ -47 TWh หรือลดลง -0.3% โดยจะลดลงมากขึ้นในปีต่อ ๆ ไป เนื่องจากการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์ จะเติบโตมากขึ้นอีก นั่นหมายความว่า ในปี 2565 ภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า มีการปล่อยมลพิษที่ผ่านถึงจุดสูงสุดไปแล้ว ดังนั้น ยุคใหม่ของการปล่อยมลพิษในภาคการผลิตกำลังไฟฟ้าที่ลดลง กำลังใกล้จะมาถึงแล้ว อย่างน้อยก็ในปี 2566 นี้ เป็นต้นไปนั้น เป็นไปได้ .. ทั้งยังคาดหมายได้อีกว่า การผลิตกำลังไฟฟ้าจากฟอสซิล Fossil Power Generation กำลังจะล่มสลายลงไปได้ในที่สุด ..

ยุคใหม่ของการปล่อยมลพิษ และก๊าซเรือนกระจกจากภาคการผลิตกำลังไฟฟ้าที่ลดลง New Era of Falling Power Sector Emissions ใกล้เข้ามาแล้ว ต้องขอบคุณกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity ตัวอย่างเช่น ลม และแสงอาทิตย์ Wind & Solar Power Generation ซึ่งจะต้องรักษาอัตราการเติบโตให้สูงในทศวรรษนี้ต่อเนื่องต่อไป แม้ว่าจะดูเสมือนเติบโตขึ้นอย่างเต็มที่แล้วก็ตาม ซึ่งยังจำเป็นต้องมีการเติบโตมากขึ้นอีกร่วมกับแหล่งไฟฟ้าพลังงานสะอาดอื่น ๆ ทั้งหมดไปพร้อมด้วย ในขณะที่จำเป็นต้องให้ความสนใจกับประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงความต้องการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มมากขึ้นเกินไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ .. ดังนั้น จำเป็นต้องมีนโยบายภาครัฐ โครงการ และแผนงานเร่งด่วน ที่สอดคล้องกัน เพื่อให้แน่ใจว่ากำลังไฟฟ้าพลังงานลม Wind Power และกำลังไฟฟ้าแสงอาทิตย์ Solar Power รวมทั้งกำลังไฟฟ้าพลังงานสะอาด Renewable Electricity รูปแบบอื่น ๆ สามารถผนวกรวมเข้ากับโครงข่ายระบบสายส่งกริดไฟฟ้าได้ การกำหนดสิทธิ์ การวางแผน การเชื่อมต่อระบบสายส่ง ความยืดหยุ่นของกริดไฟฟ้า และการแผนแบบการตลาดรูปแบบกระจาย กลายเป็นสิ่งจำเป็นเร่งด่วนที่ขาดไม่ได้ไปพร้อมด้วยเช่นกัน ..

ตามแบบสถานการณ์จำลอง IEA Net Zero Emission Scenario แสดงเส้นทางที่ชัดเจนไปสู่ภาคส่วนกำลังไฟฟ้าเป็นศูนย์สุทธิทั่วโลก Net Zero Global Power Sector ภายในปี 2583 และภายในปี 2578 สำหรับประเทศในกลุ่ม OECD .. เส้นทางนี้ ต้องการการขยายตัวอย่างมหาศาลของการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานสะอาด Massive Expansion of Clean Power Generation โดยต้องอาศัยเทคโนโลยีหลายอย่าง .. ในการสร้างแบบจำลองของ IEA Modelling นั้น ลม และแสงอาทิตย์ คือ แกนหลักที่สำคัญซึ่งให้พลังงานสะอาดเพิ่มขึ้น 75% นับจากนี้ไปจนถึงปี 2593 .. การเชื่อมต่อระหว่างกัน Interconnections, เครือข่าย Networks, การจัดการด้านอุปสงค์ Demand-Side Management และระบบจัดเก็บพลังงาน Energy Storage Systems ทั้งหมด จะมีบทบาทสำคัญควบคู่ไปกับการใช้พลังงานสะอาดเหล่านี้ และพวกมันทั้งหมด จะต้องขยายตัวเติบโตขึ้นอีก เพื่อรองรับการเปลี่ยนผ่านไปสู่พลังงาน Energy Transition ในระบบเศรษฐกิจ และสังคมของมนุษยชาติให้สำเร็จได้ในที่สุดจากนี้ไป ..

ดังนั้น ภายในปี 2573 กำลังไฟฟ้าพลังงานลม และแสงอาทิตย์ Wind & Solar Generation จำเป็นต้องเพิ่มขึ้นเป็น 41% ของการผลิตกำลังไฟฟ้าทั่วโลก Global Electricity Generation ซึ่งหมายถึงเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2564 .. การผลิตกำลังไฟฟ้าจากถ่านหินจำเป็นต้องลดลง 54% และการผลิตกำลังไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ จะต้องลดลง 24% ด้วยเช่นกัน ในขณะที่ ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมากโดยเฉลี่ย 3.7% ต่อปีในช่วงปี 2564-2573 เนื่องจากการใช้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ..

แม้ว่าภาพรวมเส้นทางข้างหน้าจะชัดเจนในวงกว้าง แต่ก็น่าสนใจที่จะสังเกตการปรับเปลี่ยนที่ทำโดย IEA เมื่อปรับแก้ไขกรอบสถานการณ์ Net Zero Emission : NZE จากปี 2564-2565 สถานการณ์ส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิมยกเว้นการลดลงของพลังงานไฟฟ้าจากก๊าซที่คาดการณ์ไว้ในปี 2564 ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่ามาก ถึงปี 2573 เดิม 5% ปัจจุบันเป็น 24% และการลดลงของพลังงานถ่านหินที่น้อยลง ซึ่งก่อนหน้านี้ลดลง 71% ปัจจุบันลดลง 54% .. การเปลี่ยนแปลงนี้น่าจะสะท้อนถึงความล่าช้าในปี 2565 เกี่ยวกับการเลิกใช้ถ่านหิน แต่ยังคงมีความเป็นไปได้ใหม่ๆ ที่โรงไฟฟ้าก๊าซจะเริ่มยุติการผลิตในทศวรรษนี้ ไม่ว่ารุ่นใดรุ่นหนึ่ง ซึ่งจะสะท้อนให้เห็นถึงการลดลงอย่างรวดเร็วของกำลังไฟฟ้าพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลทั้งหมดได้ เช่นกัน ..

ภายในปี 2583 ภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า จำเป็นจะต้องมีค่าการปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์สุทธิ Power Sector Needs to be Net Zero และเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จนั้น พลังงานไฟฟ้าจากถ่านหิน Coal Power จะต้องถูกเลิกใช้ไปทั่วโลก รวมทั้งการผลิตกำลังไฟฟ้าจากก๊าซธรรมชาติ และ Shale Gas & Oil จะต้องลดระดับกำลังผลิตไฟฟ้าลงเหลือเพียง 0.3% ของพลังงานไฟฟ้าทั่วโลกเท่านั้น ..

ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา ถือเป็นปีที่รถยนต์ไฟฟ้า Electric Cars, ฮีทปั๊ม Heat Pumps และอิเล็กโทรไลเซอร์เพื่อผลิตไฮโดรเจนสีเขียว Green Hydrogen Electrolysers ถูกผลักดันให้เติบโตไปอีกขั้นหนึ่งมาพร้อมด้วย .. แนวโน้มนี้คาดว่าจะดำเนินต่อไป แต่มาตรการในการลดการปล่อยมลพิษ และก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดที่จำเป็นนั้น จะต้องเป็นไปอย่างสอดคล้องกับการลงทุนในการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนสะอาด Clean Renewable Electricity เพื่อป้อนเข้าสู่เศรษฐกิจพลังงานไฟฟ้า Electrified Economy ที่กำลังขยายตัวสำหรับอนาคตพลังงานสะอาด Clean Energy Future จากนี้ไป ..

คาดการณ์ตลาดกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Electricity Market ..

ขนาดธุรกิจในตลาดกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Electricity Market มีมูลค่า 1.1 ล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2565 และคาดหมายว่า อัตราการเติบโตต่อปี Compound Annual Growth Rate: CAGR หมายถึง อัตราผลตอบแทนสำหรับตลาดกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนทั่วโลก Global Renewable Electricity Market ที่เติบโตจากยอดดุลเริ่มต้นไปถึงยังยอดดุลสิ้นสุด รวมสมมติฐานว่ากำไรจะถูกนำกลับมาลงทุนหมุนเวียนใหม่ทุกสิ้นปีของช่วงอายุการลงทุนอยู่ที่ค่า CAGR 16.9% ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ระหว่างปี 2566-2573 ..

การเปลี่ยนไปใช้เชื้อเพลิงคาร์บอนต่ำ Low-Carbon Fuels และการมีกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม Environmental Regulations ที่เข้มงวดในประเทศที่พัฒนาแล้วส่วนใหญ่ ซึ่งได้ให้การสนับสนุนอย่างมากต่อภาคส่วนพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy Sector .. ตลาดการผลิตพลังงาน Energy Generation Market มีการเติบโตสูงมากในแง่ของกำลังการผลิตติดตั้งของกำลังไฟฟ้าแหล่งพลังงานทดแทน Renewable Electricity ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมที่เพิ่มขึ้นควบคู่ไปกับแรงกดดันในการลดผลกระทบที่เป็นอันตรายของก๊าซเรือนกระจก Harmful Effects of Greenhouse Gasses : GHG .. และนี่คือ ปัจจัยหลักในการขยายตัวของภาคพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Expansion of Solar & Wind Energy Sectors ..

The 5 Types of Renewable Energy for Electricity Generation | Credit : Elements / Visual Capitalist

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา นานาประเทศ ได้ลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตกำลังไฟฟ้าที่ต่างออกไป Unconventional Power Generation Technologies เพื่อลดการพึ่งพาแหล่งพลังงานรูปแบบเดิมๆ เช่น น้ำมันดิบ Crude Oil, ถ่านหิน Coal และอื่นๆ รวมทั้งเป็นพลังงานรูปแบบพอเพียงในตัวมันเอง Energy Self-Sufficient ด้วยการลงทุนในสัดส่วนที่สูงมากในการผลิตกำลังไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน Renewable Power Generation .. ตลาดการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power Generation Market เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา และคาดว่าจะเติบโตด้วยความเร่งในช่วงที่คาดการณ์ไว้ .. ตัวอย่างอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ที่กำลังเติบโต Growing Solar Industry ในเยอรมนี คาดว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ .. พวกมัน คือ แหล่งพลังงานสำคัญสำหรับภาคอุตสาหกรรมภายในประเทศ ซึ่งช่วยให้แต่ละชาติสามารถผลิตพลังงานได้อย่างเพียงพอ โดยไม่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเชื้อเพลิงจากตลาดระหว่างประเทศ รวมถึงการควบคุมสภาพแวดล้อมที่เหนือชั้นกว่า เช่น การผลิตน้ำดื่มสะอาด การสนับสนุนงานด้านการชลประทาน การผลิตกำลังไฟฟ้าต้นทุนต่ำคาร์บอนต่ำ และความมั่นคงทางพลังงานที่ยั่งยืนกว่า เมื่อเทียบกับแหล่งพลังงานอื่น ๆ เป็นต้น ..

ภาคส่วนกำลังไฟฟ้าพลังน้ำ Hydropower Segment มีสัดส่วนที่ใหญ่ที่สุดกว่า 29.25% ในปี 2564 และจะขยายตัวต่อไปในอัตราการเติบโตต่อปี ด้วย Compound Annual Growth Rate : CAGR คงที่ อยู่ที่ค่า CAGR 5.9% ตั้งแต่ปี 2565-2573 .. ไฟฟ้าพลังน้ำ Hydropower ได้มอบข้อได้เปรียบแก่ชุมชน และมีบทบาทสำคัญในการช่วยลดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยให้บริการจัดเก็บพลังงาน และความยืดหยุ่น .. ส่วนกำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Power Segment คาดว่าจะเติบโตที่ค่า Compound Annual Growth Rate : CAGR ที่เร็วที่สุดในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ .. พวกมัน มีต้นทุนต่ำ สะอาดสีเขียวเหมาะสำหรับบ้าน อาคารสถานที่ ชุมชน หรือธุรกิจ ลดการชะงักงันของระบบไฟฟ้า และอื่น ๆ ..

โครงข่ายระบบสายส่ง Grid Electricity อาจมีปัญหาไฟฟ้าดับบ่อยครั้ง และแม้แต่กำลังไฟฟ้าพลังน้ำ Hydroelectric ก็มีแนวโน้มที่จะเกิดไฟฟ้าดับ Power Outages ระหว่างการส่งผ่านระบบสายส่ง อย่างไรก็ตาม ระบบพลังสุริยะ Solar Systems มีประสิทธิภาพมากกว่าเมื่อพูดถึงการส่งจ่ายกำลังไฟฟ้าในรูปแบบกระจายแยกย่อย หรือระบบแยกเดี่ยว Stand Alone Power Systems .. ทั้งนี้ ในส่วนของพลังงานลม และพลังงานชีวภาพ Wind Power & Bioenergy Segments คาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงเวลาที่คาดการณ์ เนื่องจากแหล่งพลังงานดั้งเดิม Traditional Energy Sources ถูกแทนที่ด้วยพลังงานหมุนเวียน Renewable Energy ..

ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา จีน คือ ผู้นำด้านพลังงานลม Wind Energy ด้วยกำลังผลิตไฟฟ้าติดตั้ง 221 GW ตามมาด้วยสหรัฐฯ 96.4 GW, เยอรมนี 59.3 GW, อินเดีย 35 GW, สเปน 23 GW และอีกหลายชาติซึ่งกำลังเติบโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยราคาที่ลดลง .. ปัจจัยเหล่านี้รวมกับความกังวลด้านสิ่งแวดล้อมเกี่ยวกับการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels คาดว่าจะผลักดันความต้องการพลังงานลมในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ .. นอกจากนี้ พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy ซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียนที่ได้จากความร้อนใต้ผิวโลก ยังสามารถนำมาใช้เป็นแหล่งพลังงานไฟฟ้าหมุนเวียน Renewable Electricity รวมทั้งสำหรับการทำความเย็น และความร้อน Cooling & Heating Applications ในครัวเรือนได้เป็นอย่างดี ..

สหรัฐฯ คือ ผู้นำด้านพลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy ของโลกด้วยกำลังการผลิต 3.7 GW .. นอกจากนี้ โรงงานพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ใหญ่ที่สุดในโลก World’s Largest Geothermal Plant ตั้งอยู่ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และได้รับการยอมรับจากภาคอุตสาหกรรมในพื้นที่อย่างแข็งแกร่ง.. พลังงานความร้อนใต้พิภพ Geothermal Energy คาดว่าจะตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้า 10 % ของสหรัฐฯ ในอนาคตอันใกล้นี้ .. ปัจจัยเหล่านี้คาดว่าจะขับเคลื่อนการเติบโตสำหรับภาคส่วนนี้ ในช่วงระยะเวลาที่คาดการณ์ ..

สำหรับในภาคส่วนพลังน้ำขึ้นน้ำลง คลื่น และพลังน้ำในมหาสมุทร Tidal Power, Wave & Ocean Energy นั้น ตลาดกำลังไฟฟ้าจากพลังงานคลื่น และกระแสน้ำทั่วโลก Electricity from Global Wave & Tidal Energy Market มีมูลค่า 527.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 และคาดว่าจะมีอัตราการเติบโตต่อปี อยู่ที่ค่า CAGR 27.4% ในช่วงระยะเวลาคาดการณ์ ..

ความต้องการที่เพิ่มขึ้นเพื่อแทนที่แหล่งพลังงานที่มีอยู่ในปัจจุบัน เช่น ถ่านหิน Coal, ก๊าซ Gas และน้ำมัน Oil ควบคู่ไปกับการระดมทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาครัฐ และเอกชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการควบคุมการสร้างการจ้างงาน ตำแหน่งต่าง ๆ ในระบบเศรษฐกิจ ความมั่นคงด้านพลังงาน และสภาพอากาศ คือ ปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนการเติบโตของตลาดโลก เช่นเดียวกับภาคส่วนพลังงานหมุนเวียน Renewables อื่น ๆ ..

อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมการผลิตกำลังไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนคาร์บอนต่ำ Low Carbon Renewable Electricity Generation นั้น บนพื้นฐานของกรอบการใช้งานทั่วโลก ยังแบ่งออกเป็น ภาคอุตสาหกรรม ภาคการผลิตสินค้าและบริการเชิงพาณิชย์ และที่อยู่อาศัย .. กลุ่มอุตสาหกรรม คือ ผู้นำตลาดในปี 2564 ที่ผ่านมา และคิดเป็นส่วนแบ่งสูงสุดมากกว่า 62.40% ของรายได้โดยรวม .. ความต้องการกำลังไฟฟ้าสะอาดที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะเพิ่มจำนวนโครงการสาธารณูปโภค และกระตุ้นการเติบโตของตลาดแผงเซลล์แสงอาทิตย์ทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรม .. การเติบโตของการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ Solar Power Generation ถือว่าโดดเด่นที่สุด เมื่อเทียบกับการผลิตกำลังไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน Renewable Sources อื่นๆ ..

อ้างอิงข้อมูลจากสมาคมอุตสาหกรรมพลังงานแสงอาทิตย์ Solar Energy Industries Association ชี้ว่า โรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ Solar Power Plants ขนาดมากกว่า 37 GW ที่เปิดดำเนินการใหม่ในสหรัฐฯ ชาติเดียว ในปี 2563 โดยมีกำลังมีการพัฒนาก่อสร้างเพิ่มอีก 112 GW ซึ่งจะเริ่มเปิดใช้งานได้ในปีต่อ ๆ ไป .. ปัจจัยเหล่านี้ คาดว่าจะผลักดันความต้องการแผงโซลาร์เซลล์แสงอาทิตย์ Solar PV Panels ในกลุ่มแอปพลิเคชันอุตสาหกรรมในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ ..

ทั้งนี้ เอเชียแปซิฟิก Asia Pacific มีส่วนแบ่งรายได้ในตลาดกำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มากที่สุดกว่า 40.40% ทั่วโลก ในปี 2564 .. ความต้องการพลังงานหมุนเวียน Renewables ที่เพิ่มขึ้นในเอเชียแปซิฟิก เป็นผลมาจากการติดตั้งโครงการไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่เพิ่มขึ้นในจีน และอินเดีย .. ชาติเหล่านี้ คือ ตลาดหลักสำหรับแผงโซลาร์เซลล์ Key Markets for Solar Panel ทั่วโลก และในเอเชียแปซิฟิก .. นอกจากนี้ ประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาค เช่น ออสเตรเลีย และญี่ปุ่น มีศักยภาพในการเติบโตสูงสำหรับตลาดพลังงานหมุนเวียน Renewables Market เนื่องจากพวกเขาได้ลงทุนส่วนใหญ่ในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ซึ่งรวมถึงการพัฒนาการผลิตกำลังไฟฟ้าจากแหล่งพลังงานทางเลือก พลังงานทดแทน และพลังงานหมุน Renewables ประเภทอื่น ๆ ผนวกกับระบบจัดเก็บพลังงาน Energy Storage Systems รูปแบบต่าง ๆ ไปพร้อมด้วย .. ตลาดในอเมริกาเหนือ และยุโรป คาดว่าจะเติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงเวลาที่คาดการณ์ไว้ด้วยเช่นกัน ..

สรุปส่งท้าย ..

เพื่อให้การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero ภายในปี 2593 นั้น การใช้กำลังไฟฟ้าที่มาจากแหล่งพลังงานหมุนเวียน Electricity that Comes from Renewable Sources คือ สิ่งสำคัญในการช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอน Carbon Emissions ของมนุษยชาติ ..

ปี 2566 นี้ คาดการณ์ว่าโลกจะผ่านจุดเปลี่ยนที่สำคัญของพลังงานหมุนเวียน Critical Turning Point in Renewable Energy ..

การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า Greenhouse Gas Emissions from the Power Sector ซึ่งเป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ใหญ่ที่สุดในโลก คาดว่าจะลดลงได้เป็นครั้งแรก ตามรายงานของ Ember Think Tank ในลอนดอน .. แม้ว่าความต้องการใช้ไฟฟ้าของทั่วโลกจะยังคงเพิ่มขึ้น การปล่อยมลพิษก็จะถูกทำให้ลดลงได้ Emissions are Set to Fall เนื่องจากการขยายตัวของพลังงานหมุนเวียน Expansion in Renewable Energies เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Solar & Wind Power Generation กำลังแซงหน้าความต้องการกำลังไฟฟ้า Electricity Demand ที่เพิ่มขึ้นนั่นเอง ..

“นี่คือ จุดเปลี่ยนที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจก ได้หยุดชะลอลงนั้น เพิ่มขึ้น” นาง Wiatros-Motyka นักวิเคราะห์ไฟฟ้าอาวุโสของ Ember ในลอนดอน สหราชอาณาจักร และเพื่อนร่วมงานของเธอ ยืนยันเพิ่มเติมอีกว่า “กำลังไฟฟ้าพลังงานสะอาด Clean Power สามารถทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ได้จริง และสามารถตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นได้แน่นอน” ..

จุดเปลี่ยนเชิงบวกเหล่านี้ มีหลายจุด และพวกมันมีความสำคัญยิ่งต่อความพยายามในภาคส่วนการผลิตกำลังไฟฟ้า Power Generation Sector ที่จะจัดการกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ Climate Change .. ทั้งนี้ การที่มนุษยชาติ กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านสำคัญ ในปี 2566 นี้ คือ สิ่งที่ทุกคนต้องคำนึงถึงให้มากเข้าไว้ เพื่อให้ทุกภาคส่วนมีแผนงานต่าง ๆ ที่สอดคล้องกัน ..

ทั้งหมดนี้ คือ ความท้าทายของการแก้ปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ Climate Crisis ที่คุกคามต่อความอยู่รอดของมนุษยชาติ .. พวกมัน เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนผ่านเทคโนโลยี Technology Transitions ในแต่ละภาคส่วนที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในการผลิตกำลังไฟฟ้า Power Generation, การขนส่ง Transport, อาคาร Buildings, อุตสาหกรรม Industry และการเกษตรกรรม Agriculture ..

Clean Technology | Credit : Good News Finland

สิ่งสำคัญคือ ก่อนถึงจุดเปลี่ยน แรงเสียดทานในระบบพยายามรั้งการเปลี่ยนแปลงไว้ มีหลายคนเชื่อว่าเทคโนโลยีเก่ายังคงสะดวกกว่า หรือน่าสนใจกว่า หรือราคาถูกกว่า หมายถึง ต้องใช้ความพยายามอย่างมากในการผลักดัน และช่วยให้เทคโนโลยีใหม่ที่สะอาดกว่าเติบโตขึ้น และสร้างตัวมันเองขึ้นได้ เพื่อให้มนุษยชาติสามารถผ่านจุดเปลี่ยนสำคัญเหล่านี้ไปได้อย่างมั่นใจ ..

แต่นอกเหนือจากจุดเปลี่ยน Tipping Point แล้ว มันอาจกลับกัน และแรงผลักส่วนหนึ่งเกิดขึ้นจากเทคโนโลยีใหม่ในตัวมันเอง .. พวกมันเติบโตอย่างรวดเร็ว และได้ประโยชน์จากผลตอบแทนที่แข็งแกร่ง ยิ่งมีคนต้องการมากขึ้น ผู้คนก็ยิ่งเข้ามาร่วมลงทุนมากขึ้น ต้นทุนของพวกมันก็จะเริ่มถูกลง การปรับปรุงให้ดีขึ้นจะเกิดขึ้นเรื่อย ๆ และผู้คนจำนวนมากขึ้นต้องการซื้อมัน และสิ่งนี้ยังคงดำเนินต่อไปเป็นวงรอบซ้ำแล้วซ้ำอีก และเมื่อผ่านจุดเปลี่ยนนั้นไปแล้ว การเปลี่ยนแปลงก็จะมีแนวโน้มที่จะเร่งตัวเองขึ้นได้อีก ..

เป็นที่แน่นอนว่า มนุษยชาติ ได้เห็นสิ่งเดียวกันนี้เกิดขึ้นอย่างมากในภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า Power Sector  และในความเป็นจริงแล้ว มันไม่ได้มีแค่จุดเดียว แต่ยังมีจุดเปลี่ยนอีกมากมาย ..

สิ่งแรก คือ เมื่อพลังงานแสงอาทิตย์ และพลังงานลม Solar & Wind Power ล่าสุดนั้น มีราคาถูกกว่าพลังงานถ่านหิน และก๊าซ Coal & Gas Power ในกรณีของประเทศส่วนใหญ่บนโลกใบนี้แล้ว ..

จุดเปลี่ยนประการที่ 2 นั้น ซึ่งเริ่มที่จะผ่านไปแล้ว คือ การผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ และลม Solar & Wind Power Generation รูปแบบใหม่ที่มีราคาถูกกว่าการผลิตกำลังฟ้าจากเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีอยู่ Existing Fossil Fuel Generation ในปัจจุบัน กล่าวอีกนัยหนึ่ง การก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ หรือพลังงานลม Solar or Wind Power Plants นั้นถูกกว่า การโกยถ่านหินเข้าโรงไฟฟ้าถ่านหิน Coal Power Station หรือท่อส่งก๊าซเข้าสู่โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ Gas Power Station ..

จุดเปลี่ยนประการที่ 3 ซึ่งกำลังดำเนินการอยู่ คือ เมื่อพลังงานหมุนเวียน ผนวกรวมกับระบบจัดเก็บพลังงาน Renewables plus Energy Storage พบว่า พวกมันก็ยังมีราคาถูกกว่าพลังงานถ่านหิน และก๊าซ .. งานวิเคราะห์ชิ้นหนึ่งจากนักวิจัยที่ Exeter University ซึ่งคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นทศวรรษนี้ พลังงานแสงอาทิตย์ ผนวกรวมระบบจัดเก็บพลังงาน Solar Power plus Storage จะมีต้นทุนเพียงครึ่งหนึ่งของต้นทุนถ่านหินในตลาดใหญ่ๆ ในสหภาพยุโรป จีน อินเดีย ญี่ปุ่น และสหรัฐฯ .. อันที่จริงแล้ว คาดหมายได้ว่า มนุษยชาติจะสามารถข้ามจุดเปลี่ยนนั้นได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ..

ทั้งนี้ หากการคาดการณ์เหล่านี้ ถูกต้อง ปี 2566 จะกลายเป็นปีที่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากภาคการผลิตกำลังไฟฟ้า Power Sector Emissions เริ่มลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น และทุกคนจะเห็นว่านั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญ .. เห็นได้ชัดเจนว่า ณ จุดหนึ่งการเติบโตของพลังงานหมุนเวียน แซงหน้าการเติบโตของระบบเศรษฐกิจของมนุษยชาติโดยรวม Growth of the Renewables Overtakes the Growth of Human Economic System as a Whole และการปล่อยมลพิษก็จะเริ่มลดลง Emissions Start Coming Down .. ดังนั้น การปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์สุทธิ Net Zero ภายในปี 2593 จึงเป็นไปได้ ..

ที้งนี้ เมื่อการผลิตกำลังไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน Renewable Electricity เพิ่มมากขึ้นจากนี้ไป นี่หมายถึง โอกาสที่เป็นจุดเปลี่ยนในความเชื่อมั่นทางการเมือง เศรษฐกิจ และสังคม Political, Economic & Social Confidence ของมนุษยชาติไปพร้อมด้วยว่า การแก้ปัญหาวิกฤติสภาพภูมิอากาศ Climate Crisis และการยกเลิกการใช้แหล่งพลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิล Fossil Fuels ในระบบเศรษฐกิจ และสังคมนั้น เกิดขึ้นได้จริง เป็นไปได้ และกำลังจะมาถึงในอนาคตอันใกล้นี้ได้สำเร็จในที่สุด ..

……………………………………..

คอลัมน์ : Energy Key

By โลกสีฟ้า ..

สนับสนุนคอลัมน์ โดย E@ บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน)

ขอบคุณเอกสารอ้างอิง :-

Renewable Electricity | IEA :-

https://www.iea.org/reports/renewables-2022/renewable-electricity

Renewable 2022 | IEA :-

https://iea.blob.core.windows.net/assets/ada7af90-e280-46c4-a577-df2e4fb44254/Renewables2022.pdf

What is Renewable Energy? | United Nations :-

https://www.un.org/en/climatechange/what-is-renewable-energy#:~:text=Renewable%20energy%20is%20energy%20derived,plentiful%20and%20all%20around%20us

Global Electricity Review 2023 | Ember :-

https://ember-climate.org/insights/research/global-electricity-review-2023/

IEA: More than a Third of the World’s Electricity will Come from Renewables in 2025 | World Economic Forum :-

https://www.weforum.org/agenda/2023/03/electricity-generation-renewables-power-iea/

Renewables will be World’s Top Electricity Source within Three Years, IEA Data Reveals | Eco – Business :-

https://www.eco-business.com/news/renewables-will-be-worlds-top-electricity-source-within-three-years-iea-data-reveals/

The Clean Energy Milestone the World is Set to Pass in 2023 | BBC :-

https://www.bbc.com/future/article/20230414-climate-change-why-2023-is-a-clean-energy-milestone

Net Zero Emissions Electricity :-

https://photos.app.goo.gl/EEjMKeZqJegVMpb16

The Renewable Energy & How to Save the World Documentary :-

https://goo.gl/photos/TusY3UndbtWjDfXx9

Energy Transition : A Significant Structural Change in an Energy System :-

https://photos.app.goo.gl/Qnj3eGJobkzRHx7a9

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img