วันเสาร์, เมษายน 20, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSรัฐประหาร “ทหารไทย”ต่างกับ“ทหารเมียนมา" ....ตรงไหน?
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รัฐประหาร “ทหารไทย”ต่างกับ“ทหารเมียนมา” ….ตรงไหน?

การทำรัฐประหารในเมียนมาเป็นที่สนใจของนานาประเทศ รวมถึงประเทศไทยด้วย มาดูคำตอบว่าทำไมรัฐประหาร “ทหารไทย” กับ “ทหารเมียนมา” ถึงไม่เหมือนกัน หาคำตอบได้ที่นี้ 

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key”  ทางเว็บไซต์ TheKeyNews ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 6 ก.พ. 64 เหตุการณ์ยึดอำนาจรัฐบาลของ พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง  ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด กองทัพพม่า ในสาธารณรัฐแห่งสหภาพพม่า หรือ เมียนมา สร้างความตกตะลึงให้กับนานาชาติ รวมทั้งประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิด ทั้งนี้ มีการโยงไปถึงการโน้มน้าว สร้างความเกลียดชัง และกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในประเทศ รวมทั้งการต่อต้านเผด็จการ  ซึ่งด้วยความจริงในปัจจุบันนั้น รัฐบาลไทย มิใช่รัฐบาลเผด็จการแต่อย่างไร รัฐบาลไทยเข้ามาบริหารราชการแผ่นดินตามครรลองของประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข รวมทั้งระบบการเมืองไทยก็แตกต่างสิ้นเชิงกับสถานการณ์การเมืองในเมียนมา นำมาเทียบเคียงกันไม่ได้

พล.อ.อาวุโส มิน อ่อง  ลาย

@@@…… อย่างไรก็ตามเนื่องจากเมียนมา เป็นประเทศเพื่อนบ้านใกล้ชิดมีพรมแดนติดกับไทย และเป็นสมา ชิกอาเซียน จึงทำให้ฝ่ายความมั่นคงต้องเฝ้าสังเกตสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เพราะอาจมีผลกระทบต่อไทยได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม หากมีความรุนแรงเกิดขึ้นในเมียนมาจนถึงระดับต้องปิดประเทศเหมือนเช่นกว่าเมื่อสิบปีที่ผ่านมา

ในช่วงก่อนหน้านั้นฝ่ายความมั่นคงของไทยประสบปัญหาความขัดแย้งกับเมียนมาถึงขั้นมีการใช้กำลังตามชายแดนอย่างต่อเนื่องยาวนาน ในข้อเท็จจริงแล้วประเทศไทยมีความใกล้ชิดกับเมียนมาเพียงสิบกว่าปีมานี้เองเท่านั้น พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด คนปัจจุบันถือว่าเป็นบุคคลที่มีความสำคัญในการทำให้เกิดความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างไทย-เมียนมา จนมีวันนี้  

@@@……จากคำแถลงอย่างเป็นทางการของ พล.อ.อาวุโสมิน อ่อง ลาย ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ที่พยา ยามแจ้งให้ทราบว่า การยึดอำนาจในครั้งนี้เป็นการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ มีการล้มการเลือกตั้งไป และจัด การเลือกตั้งใหม่อีก 1 ปี โดยประกาศภาวะฉุกเฉิน มีการตั้งคณะบุคคล หรือสภาบริหารแห่งชาติ และ กกต. ขึ้น เพื่อบริหารราชการแผ่นดิน และจัดการเลือกตั้งในครั้งต่อไป ซึ่งจะเห็นได้ว่าแตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับการรัฐ ประหารของไทยในปี 57

อย่างไรก็ตามการยึดอำนาจของฝ่ายทหารในเมียนมาได้เกิดขึ้นแล้ว ไม่สามารถย้อนกลับไปได้อีก ประเทศไทยโดยรัฐบาลไทยมิได้ปรารถนาให้เหตุการณ์นี้เกิดขึ้น และต้องการให้เกิดความสงบเรียบร้อยขึ้นในประเทศเพื่อนบ้าน  รวมทั้ง ภายใต้กรอบปฏิญญาอาเซียน แต่ละประเทศจะต้องยึดมั่นในการไม่เข้าแทรกแซงกิจการภายในของประเทศสมาชิก รวมทั้ง ฝ่ายความมั่นคงยังคงเชื่อมั่นว่า การรักษาความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างไทยกับเมียนมาอย่างใกล้ชิดยังคงเป็นความจำเป็น

@@@……สิ่งที่ฝ่ายความมั่นคงมีความกังวลอย่างมาก ได้แก่ ภายใต้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในเมียนมาที่รุนแรงอย่างมาก และถือเป็นปัญหาหลักของชาติแล้ว คณะบริหารแห่งชาติเมียนมาที่ตั้งขึ้นจะสา มารถฟื้นฟูเศรษฐกิจได้หรือไม่ จะกระทบต่อผู้ประกอบการไทยอย่างไร และฝ่ายความมั่นคงจะสามารถแสดงบทบาทช่วยการดำเนินการของกระทรวงการต่างประเทศ และฝ่ายเศรษฐกิจของไทยได้มากน้อยเพียงไร จะมีการลุกฮือของชนกลุ่มน้อยหรือการประท้วงรุนแรงหรือไม่ ท่าทีของนานาชาติต่อเมียนมา รวมทั้งสถานการณ์ตามแนวชายแดน ซึ่งทั้งหมดจะกลายเป็นข้อพิจารณาการแสดงท่าทีของไทย ซึ่งฝ่ายความมั่นคงก็พร้อมที่จะแสดงบทบาทสนับสนุนการดำเนินการของภาครัฐของเราอย่างเต็มขีดความสามารถ 

cr / The Irrawaddy – Burmese Edition

@@@……การยึดอำนาจในเมียนมาครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงฝ่ายทหารในเมียนมาเลือกอยู่ข้างจีน และไม่พอใจการแทรกแซงทางเศรษฐกิจของกองทัพโซเชียลของตะวันตก ที่มีผลกระทบต่อการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาอีกต่างหาก รวมทั้งความกังวลในการแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรค NLD ของนางออง ซาน ซู จี ในการพาประเทศไปสู่ระบอบการปกครองใหม่ในลักษณะสหพันธรัฐ กับความขัดแย้งด้านโครงสร้างเชิงอำนาจ ซึ่งคุกรุ่นมานานก่อนหน้านี้แล้ว อย่างไรก็ตาม กลุ่มอำนาจเก่า และฝ่ายทหารเมียนมา ยังคงใช้ไม้นวมอย่างต่อเนื่อง แต่หากสถาน การณ์ลุกลามความรุนแรงบานปลาย เราอาจได้เห็นการใช้ไม้แข็งเข้าจัดการกับสถานการณ์ในที่สุดก็ได้ 

@@@……ทั้งนี้ เนื่องจากเมียนมาเป็นประเทศที่อุดมสมบูรณ์มีแนวโน้มการพัฒนาและการลงทุนจากต่างชาติ ขณะที่ต่างชาติได้เข้ามาลงทุนในเมียนมาไว้แล้วด้วยมูลค่ามหาศาล ชาติตะวันตกจึงยังคงมีหลายชาติที่สงวนท่าทีในกรณีดังกล่าว ซึ่งก็เป็นเช่นเดียวกับประเทศไทยที่ยังคงเฝ้ารอดูสถานการณ์อย่างใกล้ชิดต่อไป ฝ่ายความมั่นคงยังคงเชื่อว่า การไม่แทรกแซงกิจการภายในเมียนมาเป็นเรื่องสำคัญและการรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันนั้นยังเป็นความจำเป็น ดังนั้นฝ่ายความมั่นคงหวังจะให้การแสดงปฏิกิริยาและการเคลื่อนไหวต่อต้านการยึดอำนาจในประเทศ มีการดำเนินการอย่างระมัดระวังและเอาผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง  

@@@……ล่าสุด “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวยืนยันว่า เรื่องของการยึดอำนาจในประเทศเมียนมาไม่มีความรู้สึกอะไร ไม่มีคำนี้อยู่ในหัว และไม่มีมานานแล้ว ส่วนเรื่องความสัมพันธ์กองทัพของสองประเทศดีเหมือนเดิม การป้องกันตามแนวชายแดนก็ดำเนินการคุมเข้ม เนื่อง จากเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 มีการลักลอบเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ซึ่งรัฐบาลผ่อนปรนแรงงานต่างด้าวถึงวันที่ 15 ก.พ.ตรงนี้กองทัพก็กังวลอาจจะมีพวกฉวยโอกาสจึงต้องคุมเข้มกันเต็มที่  

@@@……ส่วนเรื่องของการจัดซื้อยุทโธปกรณ์นั้น “บิ๊กบี้” พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) กล่าวยืนยันว่า การจัดซื้อยุทโธปกรณ์ของกองทัพเป็นสิ่งจำเป็นเหมือนกับของภายในบ้านที่มี อายุการใช้งานตามระยะเวลา เมื่อเสียก็ต้องซื้อใหม่ เช่นเดียวกับกระดาษชำระหรือทิซชูที่ใช้ในห้องน้ำ อย่าง ไรก็ตามเข้าใจดีในสถานการณ์ที่ประเทศไทย กำลังเผชิญการแพร่ระบาดโควิด-19 ปีนี้จึงลดการจัดซื้อยุทโธ ปกรณ์ แต่จะเสนอเพียงโครงการซ่อมบำรุงเป็นส่วนใหญ่ด้วยการพึ่งพาตนเอง ทำให้สามารถใช้งานได้อีกระยะหนึ่ง

cr / www.rtarf.mi.th

@@@……เรื่องของการชุมนุม…..”บิ๊กแก้ว” พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) ในฐานะหัวหน้าศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินด้านความมั่นคง (ศปม.) กล่าวถึงการออกประกาศหัว หน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินในส่วนที่เกี่ยวกับความมั่นคง เรื่องห้ามการชุมนุม การทำกิจ กรรม การมั่วสุมที่ก่อให้เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ฉบับที่ 3 ว่า เป็นไปตามแนวทางที่รัฐบาลกำ หนดระดับ และเปลี่ยนแปลงพื้นที่การควบคุม เจ้าหน้าที่ต้องบังคับใช้กฎหมาย ซึ่งต้องห้ามไม่ให้มีการมั่วสุมในลักษณะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ห้ามชุมนุม และบ่อนการพนัน หรือทำกิจกรรมที่มีการรวมตัวกันในทุกพื้นที่ให้เป็นไปตามมาตรการสาธารณสุข ขณะเดียวกันยังคงดำรงความเข้มงวดการเข้าและออกในพื้นที่ควบคุมสูง สุด และเข้มงวด คือ จ.สมุทรสาคร 

@@@……ส่วนในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 4 จังหวัด ประกอบด้วย กทม. นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ จะบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และย้ำห้ามทำกิจกรรมรวมกลุ่ม มั่วสุม ชุมนุมที่เสี่ยงต่อการแพร่ระบาด ตามที่แต่ละจังหวัดกำหนดเวลาไว้ แต่ในส่วนของจังหวัดอื่นๆ จะใช้ความร่วมมือ และหากพบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงที่กล่าวมาข้างต้นและการทำกิจกรรมบันเทิงจะแจ้งผู้ว่าราชการจังหวัดให้สั่งดำเนินการขั้นเด็ดขาด โดยมุ่งเป้าไปที่ผู้ที่สร้างความเดือดร้อนให้กับสังคม ส่วนพื้นที่ชายแดนได้เข้มงวดเรื่องการลาดตระเวนเพื่อสกัดกั้นแรงงานที่เข้ามาอย่างผิดกฎหมาย

………………..

คอลัมน์ “Military Key” 

โดย “รหัสมอร์ส” 

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img