วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“พัฒนากองทัพ”ไม่ง่ายทำสำเร็จช่วงสั้น แต่ต้องวางกรอบ“ยุทธศาสตร์ระยะยาว”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พัฒนากองทัพ”ไม่ง่ายทำสำเร็จช่วงสั้น แต่ต้องวางกรอบ“ยุทธศาสตร์ระยะยาว”

นับถอยหลังจะถึงวันเลือกตั้ง นโยบายหาเสียงในการที่จะยกเลิกการมีทหารเกณฑ์หรือไม่ คงต้องรอดูกันต่อไป แต่การปฏิวัติในกิจการทหาร RMA – Revolution in Military Affairs และแนวโน้มเทคโนโลยีทางทหาร ต่างกันสิ้นเชิงกับการปฏิรูปกองทัพที่ฝ่ายการเมืองหาเสียงปั่นสร้างกระแส

@@@…….สวัสดีท่านผู้อ่านทุกท่าน พบกันทุกวันเสาร์กับคอลัมน์ “Military Key” ทางเว็บไซต์ https: //thekey.news ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 29 เม.ย.2566 นับเวลาถอยหลังที่จะถึงเวลาหย่อนบัตรเลือกตั้ง แต่พรรคไหนจะได้มาเป็นรัฐบาลคงต้องรอลุ้นกันต่อไป 

@@@…….ในห้วงสัปดาห์ที่ผ่านมา การหาเสียงเลือกตั้งของฝ่ายการเมืองบางกลุ่ม พยายามสร้างกระแสปฏิรูปกองทัพ เพื่อหวังจะด้อยค่าฝ่ายทหาร และลดทอนศักยภาพในการแทรกแซงการเมืองโดยฝ่ายทหาร .. อย่างไรก็ตาม ในมุมมองฝ่ายความมั่นคงนั้น อาจต่างออกไป .. ฝ่ายทหารให้ความสำคัญต่อการปฏิวัติในกิจการทหาร RMA – Revolution in Military Affairs และแนวโน้มเทคโนโลยีทางทหาร ต่างกันสิ้นเชิงกับการปฏิรูปกองทัพที่ฝ่ายการเมืองหาเสียงปั่นสร้างกระแส …โดยทั่วไป มาตรการภาครัฐด้านความมั่นคงของชาติ คือ มาตรการของประเทศที่ถูกเตรียมไว้เพื่อเผชิญหน้ารองรับสถานการณ์ร้ายแรงสุดขีดที่คาดไม่ถึง และไม่มีผู้ใดรู้ล่วงหน้าก่อนได้ แตกต่างจากมาตรการทางเศรษฐกิจที่มุ่งไปสู่เป้าหมายการเจริญเติบโตที่เล็งไว้ 

@@@…….ด้วยความจริงทางประวัติศาสตร์แล้ว เรามิอาจหลีกเลี่ยงสงครามได้ อย่างไรก็ตาม สันติภาพมิใช่ผลผลิตของนักเดินขบวน วาทะของนักการเมือง หรือ คำสวดมนต์ แต่เป็นผลผลิตของนักปฏิบัติที่กล้าตัดสินใจ และที่ขาดไม่ได้ก็คือ มันเป็นผลผลิตของทหารหาญ .. หลังข้อตกลงสันติภาพในปี 1945 ได้เกิดความขัดแย้งถึงขั้นใช้กำลังอาวุธระหว่างมนุษยชาติมากกว่า 150-160 ครั้ง ซึ่งทำให้ทหารเสียชีวิตเพื่อการนี้ 7,200,000 คน ไม่นับผู้บาดเจ็บพิการ และพลเรือนจำนวนมหาศาลที่ต้องพลีชีพหรือทุกข์ทรมานแสนสาหัส .. ทหารที่ต้องบาดเจ็บล้มตายในสงครามโลกครั้งที่ 1 ประมาณ 84,000,000 คน ส่วนทหารที่เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่ 2 รวมทั้งหลังจากนั้นจนปัจจุบันน้อยกว่าอย่างมากมาย แต่พลเรือนกลับเสียชีวิตมากถึง 33-40 ล้านคนไม่นับผู้บาดเจ็บพิการ ดังนั้น เราจึงมิอาจเรียกปัจจุบันว่าเป็นยุคปลอดสงครามได้เลย .. ปัจจุบัน แนวคิดการปฏิวัติในกิจการทหาร RMA – Revolution in Military Affairs และยกระดับขีดความสามารถทางทหาร เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีสมัยใหม่ กับสภาวะแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ที่น่าจะเป็นไปได้ในอนาคต เพื่อรองรับ และพร้อมจะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามที่คาดไม่ถึงที่อันตรายกว่าบนสมมุติฐานของภัยคุกคามรูปแบบใหม่ที่ส่วนหนึ่งมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ดังนั้น มุมมองฝ่างความมั่นคง จึงแตกต่างสิ้นเชิงเทียบกับการปฏิรูปกองทัพที่ฝ่ายการเมืองมุ่งหาเสียงปั่นกระแสสำหรับการเลือกตั้งในช่วงนี้ 

@@@…….การลดกำลังพล การปรับปรุงการบริหารจัดการกองทัพ การจัดวางระบบบัญชาการและควบคุมที่ทันสมัย เช่น C4ISR และการบรรจุประจำการยุทโธปกรณ์ที่ทันสมัย รวมทั้งการเสริมสร้างความเข้มแข็งในภาคประชาชน อาจกลายเป็นภาระด้านงบประมาณที่เพิ่มขึ้น และไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำให้สำเร็จได้ในช่วงสั้นๆ “การวางกรอบยุทธศาสตร์ระยะยาว” กลายเป็นความจำเป็นที่ขาดไม่ได้ .. ทั้งนี้ การแทรกแซงกิจการภายในกองทัพอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้เดียงสาของฝ่ายการเมืองนั้น เป็นเรื่องปกติที่อันตราย ซึ่งฝ่ายความมั่นคงได้ย้ำเตือนมาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม “การพัฒนากองทัพ” ภายใต้ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ถือเป็นเรื่องยากเย็นแสนเข็น ซึ่งต้องการความร่วมมือ ร่วมแรงร่วมใจของทุกฝ่าย รวมถึงการพิจารณาอย่างรอบด้านรอบคอบบนความสัมพันธ์อันดีระหว่างภาครัฐ รัฐบาล ประชาชน และฝ่ายทหาร มิใช่เพียงวาทะกรรมของฝ่ายการเมืองที่ดูเหมือนทำได้ง่ายๆ ทั้งนี้เพื่อให้ความมั่นคงของชาติได้รับการประกันอย่างแท้จริง 

ทหารชี้แจงกรณีข่าวการประกอบเลี้ยงอาหารกองประจำการของ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 จ.นราธิวาส ไร้คุณภาพ

@@@…….ขอชี้แจง…ตามที่สื่อโซเชียลได้นำเสนอภาพอาหารที่อ้างว่าเป็นการประกอบเลี้ยงทหารกองประจำการของ กองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 จ.นราธิวาส โดยร้องให้ตรวจสอบถึงคุณภาพอาหารดังกล่าวนั้น พ.ท.สกล มีสัมฤทธิ์ ผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 151 ได้แถลงชี้แจงข้อเท็จจริงยืนยันการประกอบเลี้ยงของหน่วยว่า มีคุณภาพและได้มาตรฐานตามนโนบายของกองทัพบก ส่วนภาพที่นำมาเผยแพร่นั้นเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนของกำลังพลซึ่งมิได้มีการตรวจสอบการประกอบเลี้ยงในวันดังกล่าวให้ถูกต้องเสียก่อน แต่นำไปร้องผ่านเพจเฟซบุ๊กจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด

@@@…….สำหรับรายละเอียดของเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 23 เม.ย.2566 โดยในการประกอบเลี้ยงของหน่วยเป็นไปตามปกติ คือจัดให้มีการรับประทานอาหารเป็นส่วนรวมที่โรงอาหาร กับ การนำอาหารใส่ภาชนะ (ปิ่นโต) ไปให้เวรรักษาการณ์รับประทานที่กองร้อย ภายหลังรับประทานอาหารเสร็จ มีทหารกองประจำการ 1 นาย ได้นำกล่องพลาสติกมาขอน้ำต้มซุปเพื่อจะนำไปปรุงบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปรับประทานส่วนตัวและได้นำไปไว้ที่กองร้อยต่อมาทหารที่ทำหน้าที่เวรรักษาการณ์มาพบกล่องพลาสติกจึงเข้าใจผิดว่า น้ำซุปในกล่องพลาสติกดังกล่าวเป็นอาหารเวรรักษาการณ์ของตน นำไปสู่การถ่ายภาพส่งข้อมูลไปให้เพื่อนในเพจเฟซบุ๊กจนทำให้เกิดความเข้าใจผิด จึงขอเรียนว่าเหตุการณ์นี้เกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนเกี่ยวกับการรับ – ส่งอาหารของเวรรักษาการณ์ ทำให้เกิดความไม่สบายใจของทหารกองประจำการที่ทำหน้าที่เวรรักษาการณ์ได้รับอาหารนั้น จึงได้มีการแสดงความคิดเห็นส่วนบุคคลตามที่ปรากฏในสื่อโซเชียล 

พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ร่วมงานเลี้ยงรับรองบนเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีสหรัฐฯ USS NIMITZ ในโอกาสเฉลิมฉลอง 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสหรัฐฯ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี

@@@…….กองทัพเรือ..พล.ร.อ.เชิงชาย  ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ และ นางจตุพร  ชมเชิงแพทย์ นายกสมาคมภริยาทหารเรือ ได้ร่วมงานเลี้ยงรับรองบนเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีสหรัฐฯ USS NIMITZ ในโอกาสเฉลิมฉลอง 190 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทยและสหรัฐฯ ณ ท่าเรือแหลมฉบัง จังหวัดชลบุรี ตามคำเชิญของท่านเอกอัครราชทูต โรเบิร์ต  โกเดค (Robert Godec) เอกอัคราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย และมีแขกรับเชิญจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน ร่วมเฉลิมฉลองบนเรือประมาณ 400 คน

@@@…….สำหรับกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 (Carrier Strike Group 11) มีการประกอบกำลัง จำนวนรวมทั้งสิ้น 5 ลำ ประกอบด้วย เรือบรรทุกเครื่องบิน จำนวน 1 ลำ (USS Nimitz) เรือลาดตระเวนจำนวน 1 ลำ (USS Bunker Hill) เรือพิฆาต จำนวน 2 ลำ (USS Decatur และ USS Wayne E. Meyer) และหมวดบินเฉพาะกิจ โดยมี พลเรือตรี  Chirstopher J. Sweeney เป็น ผู้บัญชาการกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 และมี นาวาเอก Craig C. Sicola เป็น ผู้บังคับการเรือ USS NIMITZ โดยกองเรือบรรทุกเครื่องบินโจมตีที่ 11 ได้ปฏิบัติภารกิจการลาดตระเวนและฝึกร่วมกับชาติพันธมิตรในพื้นที่บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่จะเดินทางเข้าเยี่ยมเยือนเมืองท่าประเทศไทย โดยมีกำหนดการเดินทางกลับในวันที่ 29 เม.ย. 2566 เพื่อปฏิบัติภารกิจภายใต้กองเรือที่ 7 ต่อไป

พล.อ.อ.อลงกรณ์  วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ร่วมส่งเครื่องบินกองทัพอากาศไปรับคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบในสาธารณรัฐซูดาน

@@@…….กองทัพอากาศ….พล.อ.อ.อลงกรณ์  วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ พล.อ.อ. ณรงค์  อินทชาติ เสนาธิการทหารอากาศ พร้อมด้วย ผู้แทนกองบัญชาการกองทัพไทย และผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ ร่วมรับฟังการ บรรยายสรุปแผนการบิน และแผนการปฏิบัติ ในการส่งเครื่องบินของกองทัพอากาศ ได้แก่ เครื่องบิน Airbus A340-500 จำนวน 1 เครื่อง และเครื่องบิน C-130 จำนวน 2 เครื่อง เดินทางไปยังท่าอากาศยานนานาชาติ คิง อับดุลาซิซ เมืองเจดดาห์ ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย เพื่ออพยพคนไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์สู้รบในสาธารณรัฐซูดานกลับประเทศ ภายใต้การประสานงานของกระทรวงการต่างประเทศที่ได้ทำการอพยพคนไทยจากสาธารณรัฐซูดานโดยทางบกและทางเรือไปยังจุดนัดหมายเพื่อรอเครื่องบินของกองทัพอากาศเดินทางไปรับ

นาวาอากาศเอก อนุรักษ์  รมณารักษ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการในส่วนของกองทัพอากาศที่เดินทางไปรับคนไทยในครั้งนี้

@@@…….นาวาอากาศเอก อนุรักษ์  รมณารักษ์ หัวหน้าชุดปฏิบัติการในส่วนของกองทัพอากาศที่เดินทางไปรับคนไทยในครั้งนี้ ได้รายงานกลับมาว่า ได้พบกับคนไทยชุดแรกจำนวน 82 คน ที่เดินทางข้ามทะเลแดงมาถึงเมืองเจดดาห์แล้ว ในจำนวนนี้มีผู้ประสงค์จะเดินทางกลับพร้อมเครื่องบินของกองทัพอากาศในเที่ยวบินแรก จำนวน 78 คน ส่วนอีก 4 คน สมัครใจจะพักกับญาติที่ซาอุดีอาระเบียต่อไปก่อน โดยทั้ง 78 คนที่จะเดินทางกลับ ได้รับการดูแลสุขภาพและผ่านการตรวจคัดกรองเบื้องต้นจากทีมแพทย์ของกองทัพอากาศเรียบร้อยแล้ว หลายคนมีอาการอ่อนเพลียและเหนื่อยล้าจากการเดินทาง แต่ทุกคนมีขวัญกำลังใจดี ขณะนี้อยู่ในความดูแลของสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด ที่ช่วยประสานงานและอำนวยความสะดวกให้กับทั้งคนไทย และเจ้าหน้าที่ของกองทัพอากาศที่เดินทางไปปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มที่

@@@…….โดยวันที่ 27 เม.ย. 2566 เครื่องบิน Airbus A340-500 จะออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติ คิง อับดุลาซิซ เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย ในเวลา 10.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 4 ชั่วโมง ตรงกับเวลา 14.00 น.ตามเวลาในประเทศไทย หากเป็นไปตามแผนจะเดินทางมาถึงท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 ดอนเมือง ในเวลาประมาณ 22.00 น. สำหรับการปฏิบัติที่ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย ชุดปฏิบัติการของกองทัพอากาศ พร้อมทั้งเครื่องบิน C-130 ทั้ง 2 เครื่อง จะยังคงเตรียมความพร้อมอยู่ที่เมืองเจดดาห์ ร่วมกับทางสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงริยาด จนกว่าคนไทยชุดที่ 2 จะขึ้นเรือจาก Port of Sudan มาที่เมืองเจดดาห์ได้ครบทั้งหมด โดยจะปรับแผนการดำเนินการต่าง ๆ ให้สอดคล้องกับสถานการณ์และจะเรียนให้ทราบต่อไป

 ………………………………….

 คอลัมน์ : Military Key

 โดย …“รหัสมอร์ส”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img