ช่วงนี้มีคนส่งข้อมูลมาให้ “ติดตาม” หลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น “มติมหาเถรสมาคม” ให้ภาค 9 ตั้งรองเจ้าคณะจังหวัดในเขตปกครองขอนแก่น 5 รูป มหาสารคาม 5 รูป กาฬสินธุ์ 5 รูป และร้อยเอ็ดอีก 5 รูป ดูแล้ว “เลอะเทอะ” จำนวนพระเณรลดน้อยถอยลง แต่ “ตำแหน่งเหล่านี้” ไม่รู้มีไว้ทำไม และที่แปลกประหลาดอนุมัติแต่ “ตำแหน่ง” ส่วนจะให้เป็น..ไม่รู้
“สมเด็จพุฒาจารย์” ในฐานะหนใหญ่ตะวันออก วางกฎเกณฑ์อย่างไรไม่ทราบ แต่มองได้ว่าแบบนี้ เรียบร้อย “นักวิ่งเต้น” เรียบร้อย “นักจ่าย” เพราะพระที่อยากได้อยาก มีจะมุ่งหน้าไป “วัดไตรมิตร”
และเป็นที่น่าสังเกตว่า “มติ มส.” นี้ หลบ “พระราชอำนาจ” เปล่าไม่ทราบ หลบอย่างไร ชาวพุทธไปทำการบ้านเอาเอง??
“เปรียญสิบ” ฝากถึงสมเด็จพระพุฒาจารย์ว่า เรื่องนี้ท่านต้องเคลียร์โดยเฉพาะ “คนรอบกาย-หน้านวล” ด้วยมีข่าวไม่ดีมาต่อเนื่อง!!
อีกเรื่อง “ใกล้เลือกตั้ง” มีพรรคการเมืองที่อาสาทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา ซึ่งหลายคน “คุ้นเคย” กันดี ตอนนี้พยายาม “แอคชั่น” ลงพื้นที่ถี่ มีคนพยายามให้เขียนถึง บอกเลยขออนุโมทนา แต่ “ไม่เชียร์” ถามว่า 8 ปีที่ผ่านมา ทั้งพรรค ทั้งคณะบุคคลที่อ้างว่าทำงานเพื่อพระพุทธศาสนา ทำไม!! ปล่อยให้ “ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ย่ำยีทำร้ายจิตใจ คณะสงฆ์และพระพุทธศาสนา จนเกินให้อภัย พวกคุณตอนนั้นกินอิ่มนอนหลับใช่ไหม?? จึงไม่มีเสียงสะท้อนกลับมาให้ชาวพุทธชื่นใจเลยสักแอะ
ทั้ง 2 เรื่องรอ “ชำแหละ” ตอนหลัง
“เปรียญสิบ” สนใจเรื่องที่น่าติดตามเรื่องหนึ่ง เพราะเรื่องนี้เป็น “ต้นตอ” ให้คณะสงฆ์และสถาบันพระพุทธศาสนา ถูกมองใน “ภาพลบ” ทั้งในประเทศไทยและนานาชาติ คือ มี “นกพิราบ” หน้าพระประธานพุทธมณฑล คาบข่าวมามาบอกว่า ตอนนี้ที่ พุทธมณฑล ศูนย์กลางพุทธศาสนาโลก กำลัง “ร้อนระอุ” ไม่รู้ว่าเป็น “การเอาคืน” จากคนกันเอง เกิดจาก “ศึกภายใน” ศึกชิงบัลลังค์ในสำนักงานพุทธฯ หรือไม่ มีคนปล่อยข่าวลือว่า…
ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อดีตบิ๊กสำนักพุทธศาสนาแห่งชาติคนหนึ่ง “ฉายามือปราบเงินทอนวัด” ถูกมือดีฉกข้อมูลเชิงลึก นำไปเป็นหลักฐานร้อง ป.ป.ช. ว่า การที่อดีตผอ.คนนี้ ตั้งข้อกล่าวหา “คดีเงินทอนวัด” ให้กับพระคุณเจ้าทั้งหลายนั้น “อาจมิชอบด้วยกฎหมาย-ละเว้น-กลั่นแกล้ง” เสียหายต่อผู้อื่นหรือไม่ โดยไปพบหลักฐานเอกสารภายใน ตั้งเรื่องถามกันไปมาภายในสำนักงานพุทธ เพื่อเป็นข้อมูล “เล่นงานพระ” การฟ้อง ป.ป.ช.คราวนี้ มีรองผอ.พศ.อีกคนติดพ่วงไปด้วย
มีข่าวว่าอดีตผอ.คนนี้เจอ “วิบากกรรมหนัก” จนถึงขนาด คุณนายอดีตผอ.คนดังกล่าว มีคำสั่งให้ลูกน้องที่จงรักภักดีตั้ง “วอร์รูม” ในโรงอาหารสำนักพุทธกันเลยทีเดียว ว่า “ใครเป็นคนร้อง-ใครปล่อยข้อมูลออกไป ทำผัวฉันเดือดร้อน”
การร้อง ป.ป.ช. ครั้งนี้จะเกิดจากการเอาคืนกรณีที่มีข่าวมาก่อนหน้านี้ว่า “อดีตผอ.พศ.” ร้อง ป.ป.ช. เตะตัดขา “รองผอ.พศ.คนหนึ่ง” เพื่อต้องการดันเด็กในคาถาของตน ซึ่งเป็นที่รู้กันในสำนักพุทธว่า เขาคนนั้นคือ กระบี่มือหนึ่งที่หาข้อมูลฟันคดีเงินทอนวัด จนได้ดิบได้ดีแบบพรวดพราด เพื่อมาสานต่อภารกิจ “คดีเงินทอนวัด” เพราะหากปล่อยให้เนิ่นนานไป นับวันตอยิ่งผุด
ข้อมูลเชิงลึกที่ปูดออกมา พบข้อพิรุธอีกว่า การให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวน กองบังคับการปราบปราม และการเบิกความต่อศาลอาญาคดีทุจริต และประพฤติมิชอบกลางของรองผอ.คนดังกล่าว อาจเป็นการให้ปากคำและเบิกความอันเป็นเท็จ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ก็จะเป็นการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ ทั้งเป็นการเบิกความเท็จต่อศาล มุ่งประสงค์ให้พระภิกษุคดีเงินทอนวัดได้รับโทษทางอาญา
และมีข่าวลืออีกว่าในการให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนของ “รองผอ.คนดังกล่าว” อาจมีข้อความอันเป็นเท็จ เพื่อ “สร้างเรื่อง” ในการ “ตั้งข้อกล่าวหา” ให้ภิกษุต้อง “คดีเงินทอนวัด” โดยมี “อดีตผอ.พศ.คนหนึ่ง” อยู่เบื้องหลัง
ในกรณีของ รองผอ.พศ.คนดังกล่าว จริงหรือไม่ ว่ามีข่าว ป.ป.ช. เคยมีหนังสือแจ้งมายังสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ให้ดำเนินทางวินัยกับรองคนดังกล่าวกับพวก ในฐานประมาทเลินเล่อ ในการอนุมัติใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินว่าด้วยงบบูรณปฎิสังขร์วัดและพัฒนาวัด
แต่กลับปรากฏว่า ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติยุคนั้น มิได้มีการดำเนินการตามที่ระบุไว้ในหนังสือขอให้ลงโทษทางวินัยของ ป.ป.ช. แต่อย่างใดทั้งสิ้น อันเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และฝ่าฝืนมติของป.ป.ช.หรือไม่..เรื่องนี้พากันซวยกันไปหมด..
อย่างที่ “เปรียญสิบ” เกริ่นมาตั้งแต่ต้นแล้วว่า “ข่าวลือ” ดังกล่าวอาจเกิดจาก “ศึกภายใน” ก็เป็นได้ อย่าเพิ่งเชื่อทั้งหมดขอให้ชาวพุทธอดใจรอฟังข่าวจาก ป.ป.ช. และมิใช่เรื่องนี้เรื่องเดียว แม้แต่เรื่อง “ศาสนสมบัติกลาง” ตลาดเฉลิมโลกย่านประตูน้ำ ที่ “อดีตบิ๊กสำนักงานพุทธฯ” ถูกกล่าวหาว่า “เอื้อเอกชน” โดยมี “สมเด็จรูปหนึ่ง” เข้าไปพัวพันด้วย ก็โปรดอดใจรอ!!
“ข่าวลือ” ดังกล่าว “เปรียญสิบ” กรรมใดใครก่อ ย่อมรับผลแห่งกรรมนั่น กฎหมาย “อาจมีช่องโหว่” อาจมี “เส้นสาย” หนีพ้นได้ แต่กรรมเที่ยงธรรมต่อมนุษย์เสมอไม่ว่าจะเป็น “พระมหากษัตริย์” หรือ “ชนชั้นไพร่” ไม่ว่า…คนรวยหรือคนจน
“เปรียญสิบ” เคยเตือนแล้วว่า การสร้างกรรมกับ “พระสงฆ์” โดยเฉพาะอดีตกรรมการมหาเถรสมาคม 3 รูปและคณะ ที่ถูกสังคมตราหน้าว่า “คนบาป” ต้องติดคุกเหมือนตาย “ทั้งเป็น” คนที่สร้างกรรมทำแบบนี้ไม่ตายดีสักคน ไม่ว่าพระหรือฆราวาส ย้อนรอยดูประวัติศาสตร์ “หลวงพ่ออาจ” ดูได้ ดำรงตำแหน่ง “สมเด็จพระสังฆราช” กรรมก็ไม่เว้น!!
……………………..
คอลัมน์ : ริ้วผ้าเหลือง
โดย…“เปรียญสิบ”: riwpaalueng@gmail.com
