วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSคดี“จีทูจี”..ตามหลอน“เพื่อไทย” พิษ“คนนอก”เสี่ยงถูก“ยุบพรรค”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

คดี“จีทูจี”..ตามหลอน“เพื่อไทย” พิษ“คนนอก”เสี่ยงถูก“ยุบพรรค”

กลายเป็นวิบากกรรมที่ตามหลอกหลอน พรรคเพื่อไทย (พท.) ไม่จบไม่สิ้นจริงๆ หลังมีข่าวคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เตรียมชี้มูลความผิด ผู้เกี่ยวข้องกับนโยบายแทรกแซงรับซื้อสินค้าการเกษตร หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า โครงการรับจำนำข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี )ภาค 2 อีกครั้ง ภายในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

หลายคนคงจำได้ คดีประวัติศาสตร์ที่ทำให้ นักการเมือง-ข้าราชการ-นักธุรกิจ หลายคนต้องติดคุกติดตาราง หมดสิ้นอนาคต จนกลายเป็นตราบาป ติดตัวไปตลอดชีวิต 

ย้อนไปเมื่อวันที่ 25 ส.ค.60 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำพิพากษาจำคุก “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีตรมว.พาณิชย์ ในยุครัฐบาล “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อันเนื่องมาจากมีความผิดในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าวและการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) เป็นเวลา 42 ปี

รวมทั้งยังมีคำพิพากษาให้จำคุกจำเลยที่ 1 ถึง 21 ยกเว้นจำเลยที่ 3 และ 16 ที่หลบหนี อาทิเช่น “ภูมิ สาระผล” 36 ปี อดีตรมช.พาณิชย์ มีโทษจำคุก 36 ปี “ทิฆัมพร นาทวรทัต” อดีตผอ.สำนักการค้าข้าวต่างประเทศ 32 ปี “อัครพงศ์ ช่วยเกลี้ยง” 24 ปี “เสี่ยเปี๋ยง-อภิชาติ จันทร์สกุลพร” 48 ปี ส่วนจำเลยอื่นๆ ศาลลงโทษจำคุก ลดหลั่นลงตามพฤติการณ์ความร้ายแรงแห่งการกระทำความผิด

นอกจากนั้นยังพิพากษาให้บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด จำเลยที่ 10 “อภิชาติ” จำเลยที่ 14 และ “นิมล” หรือ โจ จำเลยที่ 15 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่กระทรวงการคลัง 16,912,128,273.66 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 นับแต่วันที่รับมอบข้าว ตามสัญญาแต่ละฉบับ จำเลยอื่นให้รับผิดชดใช้ค่าเสียหายตามส่วนเช่นเดียวกัน ให้ยกฟ้องจำเลยที่ 19 และจำเลยที่ 22 ถึง 28 

ส่วนมูลเหตุที่นำมาสู่บทลงโทษครั้งนี้ สืบเนื่องจาก “บุญทรง” ในฐานะ ประธานอนุกรรมการพิจารณาระบายข้าวและพวก ซึ่งเป็นอดีตนักการเมือง ข้าราชการการเมือง และเอกชน รวม 28 ราย กระทำผิดตามพ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดเกี่ยวกับการเสนอราคาต่อหน่วยงานรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ.2542 มาตรา 4, 9, 10, 12

ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 151 ฐานเป็นเจ้าพนักงานมีหน้าที่ซื้อ จัดการ หรือรักษาทรัพย์ใดๆ ใช้อำนาจโดยทุจริตสร้างความเสียหายแก่รัฐ ฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต สร้างความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด มาตรา 157 และพ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 4, 123 และ 123/1

อย่างไรตามในวันที่ “บุญทรง” ต้องรับรู้ชะตากรรมของตนเอง ซึ่งตามความเป็นจริง “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ต้องเดินทางไปรับฟังคำพิพากษาในคดีเดียวกันด้วย แต่ อดีตผู้บังคับบัญชาของรมว.พาณิชย์ กลับเลือกเดินทาง หลบหนีไปต่างประเทศ ก่อนที่อดีตรมว.พาณิชย์จะเดินทางเข้าไปรับฟังคำตัดสินของศาล ได้ใช้โทรศัพท์สื่อสาร กับ “ผู้หญิงคนหนึ่ง” และอาจนำมาสู่การตัดสินใจไม่หลบหนี แม้กระทั่งการเห็นรถของบุคคล ที่ตนเองเคยเคารพ จอดอยู่ในบริเวณศาลฎีกาฯ หรือทั้งหลายทั้งปวงเป็น แผนลับลวงพราง หวังทำให้คนที่ไว้วางใจตายใจ

ต่อมาเมื่อวันที่ 27 ก.ย.2560 ศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาลับหลังในคดีปล่อยปละละเลยให้เกิดการทุจริตในโครงการรับจำนำข้าว และมีคำพิพากษาจำคุก “ยิ่งลักษณ์” เป็นเวลา 5 ปี โดยมีมติเป็นเอกฉันท์ไม่รอลงอาญา ศาลฎีกาฯ ยังมีคำสั่งให้ออกหมายจับอดีตนายกฯ เพื่อให้บังคับคดีตามคำพิพากษาของศาลต่อไป

สำหรับพฤติการณ์ที่นำมาสู่คำพิพากษา เป็นผลสืบเนื่องจากโครงการระบายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งศาลฎีกาฯ มีคำวินิจฉัยว่า เป็นการขายที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแอบอ้างสัญญาจีทูจี เพื่อนำข้าวมาเวียนขายแก่ผู้ค้าข้าวในประเทศ เป็นการแสวงหาผลประโยชน์โดยทุจริต ที่ผ่านมามีข้อมูล ทั้งการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน การตั้งกระทู้ถามในสภา และข่าวจากสื่อมวลชน แต่”น.ส.ยิ่งลักษณ์” กลับไม่ระงับยับยั้งจนเกิดความเสียหาย นำมาสู่คำพิพากษาในวันนี้

การกระทำของจำเลยเป็นการละเว้น การปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 (เดิม) และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 123/1 ลงโทษจำคุก 5 ปี

จึงไม่ใช่เรื่องแปลก  เมื่อสื่อหลายสำนัก อ้างแหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช. ออกมาเปิดเผยว่า จะมีการนำเสนอคดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีภาค 2 ที่มีนักการเมืองคนสำคัญ เช่น “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี, “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, “เยาวภา วงศ์สวัสดิ์” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.และผู้ถูกกล่าวหารายอื่นๆจำนวน 71 ราย ให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณา โดยจะมีการเสนอชื่อ “บุญทรง” พร้อมกับบริษัทเอกชนบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับ “อภิชาติ จันทร์สกุลพร” หรือ “เสี่ยเปี๋ยง” ผู้ก่อตั้ง บริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ไว้เป็นพยานในคดี

หลายคนเลยตีความกันไปต่างนานาว่า บทสรุปการชี้มูลครั้งนี้ จะมีใครต้องรับผิดชอบบ้าง แม้จะยังไม่ถึงขั้นตอนศาลยุติธรรม แต่ย่อมเกิดผลกระทบในทางการเมือง โดยเฉพาะในช่วงเลือกตั้ง อีกทั้งจะส่งผลกระทบไปยังบางพรรคการเมือง ซึ่งสื่อบางสำนักเคยรายงาน ในส่วนที่ถูกป.ป.ช. ตั้งข้อกล่าวหาประกอบด้วย

1.บุญทรง เตริยาภิรมย์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ 2.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 3.เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส. 4.พ.ต.นพ.วีระวุฒิ วัจนะพุกกะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งเลขานุการ รมว.พาณิชย์ และ 5.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี

ก่อนหน้านั้นแหล่งข่าวจากสำนักงาน ป.ป.ช.เปิดเผยว่า จะมีการนำเสนอ คดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ภาค 2 ที่มีนักการเมืองคนสำคัญ เช่น ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี, ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี, เยาวภา วงศ์สวัสดิ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ส.ส.และผู้ถูกกล่าวหารายอื่นจำนวน 71 ราย ให้ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช.ชุดใหญ่พิจารณาผลการไต่สวนในช่วงสิ้นเดือนพ.ย.65 ซึ่งจะมีการเสนอชื่อ “บุญทรง” พร้อมกับบริษัทเอกชนบางส่วนที่ไม่เกี่ยวข้องกับ “เสี่ยเปี๋ยง” ผู้ก่อตั้งบริษัท สยามอินดิก้า จำกัด ไว้เป็นพยานในคดี

โดยเฉพาะประเด็นที่มีพยานบางคน ให้การว่า “คนแดนไกล” ได้โฟนอินเข้ามาสั่งการ เกี่ยวกับการระบายข้าวแบบจีทูจี ในระหว่างการประชุม ระดับแกนนำพรรคการเมืองใหญ่ ครั้งหนึ่ง รวมทั้งนักการเมืองบางคนยังสื่อสารทางไลน์ เพื่อให้ฝ่ายบริหารไปดำเนินการบางอย่าง ซึ่งอาจมีปัญหาทางด้านกฎหมาย โดยมีการมอบคลิปวีดีโอเป็นพยานหลักฐานชิ้นสำคัญ และข้อมูลที่เกี่ยวข้องให้กับป.ป.ช.ไว้ด้วย

และที่กลายเป็นประเด็นคือ ถ้าหากมีการตรวจพบว่า มีบุคคลภายนอกเข้ามาสั่งการ หรือแทรกแซงการดำเนินการกิจการขอพรรค โดยเข้าข่ายการครอบงำ ก็อาจถูกร้องนำไปสู่การถูกยุบพรรคได้ และถ้าหากเรื่องที่เกิดขึ้น เชื่อมโยงไปถึง “พรรคเพื่อไทย” (พท.) นอกจากทำจะทำให้แลนด์สไลด์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และยังทำให้ต้องเผชิญกรรม ที่ซ้ำร้อยในอดีตเช่นเดียว “ไทยรักไทย” (ทรท.) และ “พลังประชาชน” (พปช.)

แม้ “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน และ หัวหน้าพรรคพท. จะตอบคำถามสื่อ กรณีป.ป.ช.เตรียมชี้มูลความผิดคดีทุจริตการทำสัญญาซื้อขายข้าวแบบจีทูจีภาค 2 หลังมีหลักฐานชัดเจนว่า “คนทางไกล” วีดีโอคอลสั่งการ อาจเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง อาจทำให้เกิดการยุบพรรค พท.ว่า มองว่าไม่เกี่ยวข้องกับการยุบพรรค พท. ไม่น่าจะเป็นประเด็น

เมื่อถามว่า เรื่องดังกล่าวเกี่ยวกับการประชุมวิสามัญ เพื่อเลือกคณะกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) วันที่ 6 ธ.ค.นี้หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่เกี่ยวข้องกัน การเลือกตั้งกก.บห.และกรรมการสรรหาในวันที่ 6 ธ.ค.เพื่อทดแทนกก.บห.ที่ลาออก เนื่องจากใกล้เลือกตั้ง มีกก.บห.หลายท่านที่เป็นส.ส.เขต ลงไปหาเสียงเลือกตั้งเขต มีความกังวลว่าจะกระทบ อาจถูกกลั่นแกล้ง เป็นเหตุให้กระทบกับพรรค ส่วนการเลือกกรรมการสรรหาผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นส.ส.ของพรรคพท.นั้น หลายท่านหมดวาระไปแล้ว

แต่เชื่อเถอะ บทเรียนในอดีต บวกรวมกับพฤติกรรม “คนแดนไกล“  คงทำให้ กก.บห.และสมาชิกพรรคพท. ออกอาการหนาวๆร้อนๆอยู่ไม่น้อย แม้จะมีการสร้างกระแส “แลนด์สไลด์” ขึ้นมา เพื่อหวังดึงส.ส.ไม่ให้ย้ายไปสังกัดพรรคอื่น แต่การ ห่วงอนาคตของตัวเอง ท่ามกลางการแข่งขันทางการเมือง ที่เข้มข้นและดุเดือด รวมทั้งมีตัวแปรและเงื่อนไขสำคัญ บางทีพรรคแกนนำอาจเดินไปไม่ถึงวันเลือกตั้ง ก็เป็นเรื่องที่อาจเกิดขึ้นได้

……………………………………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย ….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img