วันพุธ, เมษายน 17, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเมื่อ“รทสช.”ไม่แรงตามคาด “บิ๊กตู่”หวังพึ่งบารมี“พี่ใหญ่ 3 ป.”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เมื่อ“รทสช.”ไม่แรงตามคาด “บิ๊กตู่”หวังพึ่งบารมี“พี่ใหญ่ 3 ป.”

ช่วงเปิดตัว  “รวมไทยสร้างชาติ” (รทสช ) นักเลือกตั้งหลายคน ต่างรู้สึกตื่นเต้น ยิ่งรู้ว่าพรรคการเมืองนี้ จะเป็นนั่งร้าน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” ไปต่อในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีก 2 ปี มีกระแสดึงดูดแกนนำดีเด่นดัง จากหลายพรรคเข้ามาร่วมด้วย แต่พอเนิ่นนานมาเรื่อย ความคึกคักของอดีตส.ส.ที่ต่างจะเข้ามาร่วมงาน กลับเริ่มเงียบหายไป

แม้กระทั่ง “สุชาติ ชมกลิ่น” ส.ส.ชลบุรี พรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) ในฐานะ รมว.แรงงาน ซึ่งประกาศเลือกข้าง “พล.อ.ประยุทธ์” เข้าร่วมงานกับ “พรรค รทสช.” ยังมีข่าวอาจต้องตัดสินใจทางการเมืองใหม่ หากหัวหน้ารัฐบาล ไม่ไปสังกัดพรรค รทสช. และยุติบทบาททางการเมือง ซึ่งจะส่งผลให้ “สุชาติ” ไม่มีที่ยืนทางการเมืองทันที

หรือเป็นเพราะ ท่าที “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ยังเกรงใจ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ ในฐานะ หัวหน้าพรรค พปชร. ที่ช่วยเป็นฐานสนับสนุนให้เข้ามาดำรงตำแหน่งหัวหน้ารัฐบาล เลยไม่กล้าประกาศจุดยืนที่ชัดเจน แต่เมื่อ “บิ๊กป้อม” ให้สัมภาษณ์สื่อ โดยระบุว่า ดูเหมือนนายกฯจะไม่ได้อยู่กับ “พชปร.” แล้ว  พล.อ.ประยุทธ์ก็รู้แล้ว คงต้องถึงเวลา ที่ตนเองต้องสร้างเครือข่ายให้มีความพร้อม ต้องการไปต่อในฐานะนายกรัฐมนตรี รวมถึงการแต่งตั้ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐภาค” ที่ปรึกษานายกฯ และหัวหน้าพรรครทสช. ให้มาทำหน้าที่เป็น เลขาธิการนายกฯ

ธนกร วังบุญคงชนะ-พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา-พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา-พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

ต้องยอมรับว่า ตำแหน่งเลขาธิการนายกฯมีความสำคัญมาก บางคนถึงเคยเรียกว่า “นายกฯน้อย” เพราะมีอำนาจสั่งการแทน “หัวหน้ารัฐบาล” ได้ ดังนั้นการได้หัวหน้าพรรคการเมือง เข้ามารับตำแหน่งเลขาธิการนายกฯ จึงเอื้อประโยชน์ในทางการเมืองไปเต็มๆ และอาจมีส่วนดึงคนดีเด่นดัง เข้ามารวมงานใน “รทสช.” มากยิ่งขึ้น

ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่  8 ธ.ค.ที่ผ่านมา มี ว่าที่ผู้สมัครส.ส.ของพรรค รทสช. และ ส.ส.กว่า 40 คน จากหลายพรรค ทั้งพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  และ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่จะเข้าร่วมกับพรรค รทสช. ร่วมรับประทานอาหารกับพล.อ.ประยุทธ์ โดยบรรยากาศการรับประทานอาหารเป็นไปอย่างเป็นกันเอง ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งบรรดาส.ส.สอบถามความชัดเจนของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าจะมาร่วมกับพรรค รทสช.หรือไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ กล่าวเพียงสั้นๆว่า “มาขนาดนี้แล้ว ชัดเจนแล้วหรือยัง”

นอกจากนี้ พล.อ.ประยุทธ์ยังแสดงความเป็นห่วงถึงการทำหน้าที่ส.ส.ในขณะที่ยังไม่ย้ายพรรค จะมีผลกระทบต่อการทำงานหรือไม่ พร้อมขอให้ทุกคนช่วยกันทำงานในหน้าที่ของตัวเองไปก่อนให้เต็มที่ โดยที่พล.อ.ประยุทธ์ไม่ได้พูดว่า จะเปิดตัวชัดเจนวันไหน เพียงแต่บอกว่า อยากทำให้บ้านเมืองสงบเรียบร้อย เหนื่อยก็เหนื่อย แต่ภารกิจ 2-3 เรื่องยังไม่เสร็จ และที่ทำไม่ได้หวังผลประโยชน์อะไร 

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์จะเปิดตัวภายหลัง ปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยสามัญ ไปแล้ว เนื่องจากต้องการให้ส.ส.ทำหน้าที่ในสภาฯของตัวเองไปก่อน แต่ที่ในที่สุด หัวหน้ารัฐบาลก็ออกมาปฏิเสธข่าวดังกล่าว.

นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวว่า หัวหน้ารัฐบาลได้โทรศัพท์ไปทาบทาม อดีตแกนนำ พปชร. ที่ดูแลส.ส.พื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ด้วยตนเอง แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะอดีตส.ส.กทม. ไปร่วมเปิดตัวกับพรรคภูมิใจไทย (ภท.) อีกทั้ง แกนนำ พปชร.คนดังกล่าว ก็เสียความรู้สึกกับหัวหน้ารัฐบาล ในช่วงที่ตนเองต้องเผชิญวิบากกรรม คำขอร้องดังกล่าวก็เลยไม่เป็นผล  

เอกนัฏ พร้อมพันธุ์

อย่างไรก็ตาม การบริหารงานในพรรค รทสช. ที่ “พีระพันธุ์” เป็นหัวหน้าพรรค “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เป็นเลขาธิการพรรค ก็ถูกตั้งข้อสังเกตว่า เป็นพรรค กปปส. บุคคลที่ตำแหน่งสำคัญในพรรคล้วนมาจาก พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ซึ่งอาจส่งผลทำให้บรรดาคนดีเด่นดัง จากพรรคการเมืองอื่น ไม่อยากเข้ามาร่วมงานด้วย 

อย่าลืมก่อนหน้านี้ “พล.อ.ประยุทธ์” เคยส่ง “พีระพันธุ์” หรือ “บิ๊กตุ๋ย” เข้าไปร่วมงานกับ “พปชร.” และได้รับมอบหมายให้ทำข้อเสนอ ให้ปรับปรุงโครงสร้างพรรค แต่ในที่สุดเรื่องดังกล่าว ก็เงียบไป จนในที่สุด “บิ๊กตู๋ย” ก็ตัดสินใจเดินออกมาจากพรรค พปชร. ซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งในการมาผลักดันให้ “รทสช.” เกิดขึ้น

แต่พอมาถึงการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นมาใหม่ กลายเป็น ผู้บริหารพรรค รทสช. กลับไม่เรียนรู้สิ่งที่ตนเองต้องเผชิญมา เพราะ มักมีข่าวไปแต่งตั้งบุคคลที่ใกล้ชิดเข้าไปอยู่ตำแหน่งสำคัญ เลยส่งผลทำให้แกนนำดีเด่นดังบางคนเข้ามามีส่วนรวม  ทำให้การขับเคลื่อนส.ส. ให้เป็นตามเป้าหมาย อย่างน้อยต้องได้ส.ส. หลังเลือกตั้ง 40 คน อาจจะพลาดเป้า ซึ่งอาจทำให้ “พล.อ.ประยุทธ์” ยังต้องเล่นบท “เหยียบเรือสองแถม” ต้องไปแตะมือ สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับ “บิ๊กป้อม” เพราะในที่สุดความสัมพันธ์ของ “พี่น้อง 3 ป.” ก็ตัดไม่ตายขายขาด ทั้ง “พปชร.” และ “รทสช.” อาจต้องกลับมาจับมือกัน ภายหลังเลือกตั้ง

แม้ว่าล่าสุด แกนนำพปชร. “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ในฐานะ เลขาธิการพรรค พร้อมด้วย “วิรัช รัตนเศรษฐ” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จำนวน 55 คน

วิรัช รัตนเศรษฐ

โดย “วิรัช” กล่าวว่า “เรามีผู้สมัครทุกภาค ความหลากหลายในส่วนของผู้สมัครของ พปชร. ไม่ได้เน้นเฉพาะจุดหนึ่งจุดใด แต่จะกระจายไปทั่วภูมิภาค อย่างเท่าเทียมกัน บางข่าวบอกเราเลือดไหล เราหยุดไหลมานานแล้ว เราเติมเต็มส่วนที่ขาดหายไป และการเติมเต็มเข้ามา มีประสิทธิภาพมากกว่าสิ่งที่ขาดหายไป เราจะเปิดตัวให้ครบ 400 เขต ซึ่งผมมั่นใจว่าพวกเราทุกคนจะทำให้ใจบันดาลแรง ให้พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 30”

แต่ในที่สุดด้วยปัจจัยแวดล้อม เงื่อนไขบางประการ ใครตามการเมืองยังเชื่อว่า “บิ๊กป้อม” จะสนับสนุน “น้องเล็กแห่ง 3 ป.” ให้กกลับมา รับตำแหน่งนายกฯอีก 2  ปี เข้าทำนอง สายน้ำไม่มีวันตัดขาด พี่น้องไม่มีวันแยกจากกัน เพราะการที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่เข้าไปสังกัดเป็นสมาชิก “พรรค พปชร.” ก็ช่วยเปิดทางให้ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” หัวหน้าพรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) และพวก ได้มีที่ยืนทางการเมือง สามารถกลับไปร่วมงานกับ พปชร.ได้อีก หลังมีข่าวดีลลับกับกับพรรคเพื่อไทย (พท.) ต้องล่มไป

ขณะเดียวกัน มีข่าวว่า “พรรค รทสช.” มีแนวคิดการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนการดำเนินงานของพรรค หรือที่เรียกว่า ซูเปอร์บอร์ด มีความเป็นไปได้สูงมาก โดยซูเปอร์บอร์ดจะมี พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธานฯ พร้อมกันนี้จะมี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” หัวหน้าพรรครทสช. “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” เลขาธิการพรรครทสช. อยู่ในโครงสร้างดังกล่าว

“โดยในซูเปอร์บอร์ดจะมี “บิ๊กเนม” เข้ามาอยู่ในโครงสร้าง อาทิ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน ที่จะเข้าร่วมงานกับพรรค รทสช. เข้ามาอยู่ในโครงสร้างเช่นกัน นอกจากนี้หากบิ๊กเนมคนไหนที่ตัดสินใจมาร่วมงานกับพรรค รทสช. จะถูกนำมาใส่ไว้ในโครงสร้างซูเปอร์บอร์ด เพื่อช่วยกันคัดเลือกตัว ว่าที่ผู้สมัครที่มีความเหมาะสมมากที่สุดในแต่ละพื้นที่” แหล่งข่าวจาก รทสช.ระบุ

ซึ่งการกำหนดรูปดังกล่าว อาจจะต้องการเปิดกว้างให้ แกนนำพรรคการเมืองต่างๆ เข้ามารวมกับพรรค และให้มีอำนาจในการคัดเลือกผู้สมัครในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้มีข่าววันที่ 27 ธ.ค. “ไตรรงค์ สุวรรณคีรี” จะมาร่วมเปิดตัวเป็นสมาชิกพรรค รทสช. ซึ่งต้องรอดูว่า นอกจาก ในพื้นที่ภาคใต้ ที่ยังเป็นจุดขายสำคัญของ “รทสช.”  เพราะชาวบ้านในพื้นที่ยังชื่นชอบ “พล.อ.ประยุทธ์” แล้ว ยังสามารถขยายความนิยมไปยัง “ภาคอื่นๆ” ได้อีกหรือไม่

แต่ในที่สุด “รทสช.” ไม่สามารถเดินได้ตามลำพัง ถ้าหากไม่ได้ “พปชร.” มาช่วยสร้างอำนาจต่อรอง เมื่อถึงเวลานั้น ก็ต้องมาช่วยพิสูจน์อีกครั้งว่า เลือดจะข้นกว่าน้ำอีกหรือไม่ โดยเฉพาะความสัมพันธ์ของ “3 ป.” ยิ่งต้องอาศัยเสียงของ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คน มาช่วยสร้างอำนาจต่อรอง เพราะยังมีสิทธิ์ออกเสียงเลือกนายกฯอีกหนึ่งครั้ง

แต่ท่าที่ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ก็ชัดเจน คงรู้ว่า ถ้ายังอยากไปต่อในฐานะนายกฯอีก 2 ปีที่เหลืออยู่ ยังต้องอาศัยบารมี “พี่ใหญ่” แห่ง 3 ป.

…………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img