วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSสัมพันธ์ “2 ป.” ถึงคราวร้าวลึก “พปชร.-รทสช.” เปิดศึกชิงส.ส.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

สัมพันธ์ “2 ป.” ถึงคราวร้าวลึก “พปชร.-รทสช.” เปิดศึกชิงส.ส.

ต้องถือเป็นข่าวดีของ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ท่ามกลางภาวะไหลออกของส.ส. ไม่เว้นแต่ละวัน ซึ่งหลายคนเชื่อว่า ยังจะมีล็อตใหญ่ ที่จะไหลไปเข้ารวมกับ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ถ้า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ตัดสินใจยุบสภาฯ

ดังนั้นเมื่อ กลุ่มสามมิตร ที่มี “สมศักดิ์ เทพสุทิน” รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานยุทธศาสตร์ พปชร. เป็นแกนนำประกาศความชัดเจน จะอยู่รวมงานกับ พปชร. ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้า จึงมีความหมาย แม้สื่อจะตั้งคำถามว่าสามารถทำงานร่วมกับ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย (ศท.) ที่เตรียมย้ายกลับมาร่วมงานกับ พปชร.

“ผมดูเรื่องรัฐบาล ระหว่างตัวบุคคลอย่าไปคิด ไม่มีปัญหาเรื่องงาน ทำได้ทุกคน เขาจะเลือกใครมาทำงานด้วย ตนไม่มีสิทธิ์เลือก ซึ่งตนสามารถทำงานได้หลากหลาย เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม อย่าไปเลือกที่รักมักที่ชัง อะไรไม่ดีก็ทิ้งไป อะไรที่ดีหรือพอเดินได้ก็ต้องเดินไป เพื่อให้คนที่รอความหวังจากเราไม่ผิดหวัง”คำยืนยันของ “สมศักดิ์”

สมศักดิ์ เทพสุทิน

แม้ส.ส.ในกลุ่มก๊วนของสามมิตร จะไม่ได้มีจำนวนมากถึง 50 คน แต่การมีนักการเมืองรุ่นเก๋าอย่าง “สมศักดิ์” และ “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” ร่วมเป็นแกนนำ ก็ถือว่ามีความหมาย อีกทั้งมุมมองทางการเมืองของแกนนำกลุ่มสามมิตรก็ มักจะไม่พลาดเป้า โดยเฉพาะเวลาพรรคไหนจะเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน ซึ่งเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา “สมศักดิ์” ก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อบางสำนัก ยืนยันว่า พปชร. มีโอกาสสูงในการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

อย่างที่ทราบกัน คนใกล้ชิด “บิ๊กป้อม-พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกฯ ในฐานะ หัวหน้าพรรคพปชร. ทั้ง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ “บิ๊กป๊อด” และ ร.อ.ธรรมนัส ก็มีความสนิมชิดเชื้อกับ แกนตัวจริงพรรคเพื่อไทย (พท.) เคยสร้างตำนานทางการเมืองอันลือลั่น หวังล้ม “พล.อ.ประยุทธ์” ในศึกอภิปรายไว้วางใจ 

แต่หัวหน้ารัฐบาลรับรู้ข่าวดังกล่าวซะก่อน จนตีโต้กลับ จนแผนดังกล่าวต้องล้มเหลวไป ซึ่งที่ผ่านมาก็มีข่าว “ร.อ.ธรรมนัส” มีดีลลับกับ “ทักษิณ ชินวัตร” จะนำพาส.ส.พรรคศท.เข้าไปรวมงานทางการเมืองด้วย แต่มีข่าว “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และบรรดา นักรบห้องแอร์ ไม่เห็นด้วย แผนดังกล่าวเลยต้องพับไป และในที่สุด “ผู้กองคนดัง” ก็หวนคืนกลับมารวมงานกับ “พปชร.”

อีกทั้ง “บิ๊กป้อม” ก็ชื่นชอบในสไตล์การทำงานของ “ร.อ.ธรรมนัส” นับตั้งแต่ทำหน้าที่เป็นเลขาธิการพรรค พปชร. จึงพอใจมาก เมื่อได้คนรู้ใจมารวมงานด้วย ยิ่งในการเลือกตั้งครั้งนี้ ต้องเผชิญกับการต่อสู้ที่แหลมคม เพราะ “พล.อ.ประยุทธ์” แยกตัวไปรวมงานกับ พรรค รทสช. แถมยังดึงส.ส.พรรค พปชร.ไปร่วมงานด้วยไม่ใช่น้อย ดังนั้นการระดมพลังในการต่อสู้ทางการเมือง จึงมีความสำคัญ ยิ่งแกนนำพรรค พปชร. ตั้งเป้าว่า ต้องได้ส.ส. 100 ที่นั่ง เพื่อกลับมาเป็นแกนนำรัฐบาล พร้อมทั้งประกาศผลักดัน “พล.อ. ประวิตร” ให้ดำรงตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ

แม้ว่าจำนวนส.ส.อาจไม่เป็นตามเป้า แต่การได้จำนวนส.ส.ให้มากที่สุด เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง จึงมีความจำเป็น จึงไม่ใช้เรื่องแปลก เมื่อมีข่าวว่า “บิ๊กป้อม” ลงทุนลาการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 17 ม.ค. และได้เดินทางไปบ้าน “วิวัฒน์ นิติกาญจนา” นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ราชบุรี สามีของ “บุญยิ่ง นิติกาญจนา” ส.ส.ราชบุรี พรรคพปชร. ที่จ.ราชบุรี โดยมี “พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์” กรรมการบริหารพรรค  (กก.บห.) พปชร. และ “พล.อ.ณัฐ อินทร์เจริญ” คณะทำงานของพล.อ.ประวิตร เดินทางมาด้วย

ขณะที่บ้านของ “วิวัฒน์” มี ส.ส.ราชบุรีของพรรคอยู่ด้วยทั้งหมด รวมถึง “อัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์” ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) “ชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์” ส.ส.ราชบุรี พรรคปชป. นักการเมืองท้องถิ่นทั้ง สจ. สท. กำนัน ผู้ใหญ่ นายกอบต.ในพื้นที่จ.ราชบุรี รอต้อนรับ

มีรายงานว่า ทันทีที่มาถึง “พล.อ.ประวิตร” ได้ทักทายว่า “เป็นอย่างไรกันบ้าง ยังรักกันอยู่เปล่านะ แต่ฉันยังรักพวกแกนะ อุตส่าห์ลาครม.เลยนะแกเอ๋ย” ซึ่งทุกคนพร้อมใจกันตอบว่า “ยังรักลุงอยู่”

“พล.อ.ประวิตร” ยังได้บอกว่า “เห็นว่านายกฯจะมาจ.ราชบุรีวันพฤหัสบดี” ทำให้พวก ส.ส.ตอบกับพล.อ.ประวิตรไปว่า “พวกเราต้องไปรับนายกฯตามหน้าที่” ซึ่งพล.อ.ประวิตรบอกว่า “ไปเถอะ ท่านเป็นนายกฯ ไปทำตามหน้าที่”

ขณะเดียวกัน “พล.อ.ประยุทธ์” มีกำหนดการลงพื้นที่ จ.ราชบุรี ในวันที่ 19 ม.ค. ท่ามกลางกระแสข่าวว่า มีส.ส.ราชบุรีของพรรค พปชร. บางคนจะย้ายไปอยู่กับ พรรค รทสช. ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ทำให้ถูกจับตามองว่า การเดินมายังราชบุรีของ “บิ๊กป้อม” ต้องการสกัดไม่ให้ส.ส.พรรค พปชร. ย้ายไปร่วมงานกับ รทสช. เท่ากับการเมืองเริ่มทำให้ สัมพันธ์ 2 ป. ร้าวลึก

ก่อนหน้านี้ “พล.อ.ประวิตร” ได้เขียนจดหมายเปิดใจตอนหนึ่งระบุว่า “ในช่วงเวลาของการเป็นแกนนำรัฐบาล มีทั้งเรื่องที่ผมเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย กับการตัดสินใจใน ครม. แต่จำเป็นต้องสงวนท่าทีตามมารยาททางการเมือง ประกอบกับยังไม่มีอะไรชัดเจน ว่ามติในเรื่องใด ๆ จะก่อให้เกิดความเสียหายขึ้นกับบ้านเมือง

มาบัดนี้ ชัดเจนแล้วว่า “พล.อ.ประยุทธ์” แสดงจุดยืนทางการเมืองเมื่อวันจันทร์ที่ 9 ม.ค.2566 ว่าจะแยกทางจากพรรคพลังประชารัฐ ที่เคยสนับสนุนขึ้นเป็นนายกฯ เพื่อไปร่วมงานการเมืองกับพรรครวมไทยสร้างชาติ ตรงกับที่สื่อมวลชนไปสืบข่าวมาก่อนหน้านี้ ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อเป็นพรรคสำรองให้กับพล.อ.ประยุทธ์

ผมเคยกล่าวไว้ว่า “3 ป. Forever” มาวันนี้ ผมก็ยังมีความรู้สึกเช่นเดิม ไม่เปลี่ยนแปลง แต่ในเมื่อท่านตัดสินใจเด็ดขาดแล้ว ผมก็ไม่สามารถจะบรรยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดได้ คงจะบอกได้เพียงว่า ผมขอแสดงความยินดีกับท่านด้วย ขอให้ประสบความสำเร็จบนเส้นทางการเมืองใหม่ที่ท่านได้ตัดสินใจเลือกแล้ว”

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอขา

ซึ่งการสื่อดังกล่าว เหมือน “พล.อ.ประวิตร” ต้องการให้สังคมเห็นว่า พล.อ.ประยุทธ์แยกตัวไปรวมงานกับพรรคใหม่ ที่จะสนับสนุนให้เป็นนายกฯ ทั้งๆ ที่พรรคพปชร. เคยสนับสนุนให้เป็นนายกฯ แม้จะยืนยันว่า สัมพันธ์ที่ดีไม่มีวันสิ้นสุด แต่สิ่งที่ “บิ๊กป้อม” แสดงออก ก็ส่งสัญญาณชัดว่า เริ่มมองถึงผลประโยชน์ทางการเมือง และอาจมีความรู้สึกว่า “รทสช.” ใช้วิธีมาดึงส.ส.พรรค พปชร.ไปร่วมงานด้วย เหมือนกับสำนวน ตกปลาในบ่อเพื่อน” ยิ่งพรรคน้องใหม่เข้มแข็ง พรรคแกนนำรัฐบาลกลับอ่อนแอลง หัวหน้าพรรคพปชร.คงยอมไม่ได้

อีกทั้งในระหว่าง “พล.อ.ประวิตร” แถลงเปิดนโยบายของพรรค เพื่อใช้หาเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้า เมื่อผู้สื่อข่าวถามได้สอบถามพล.อ.ประวิตรว่า พร้อมที่จะเป็นนายกฯคนที่ 30 หรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “ก็เลือกมาดิ ถ้าเลือกได้ก็เป็น ถ้าประชาชนเลือกได้ให้ผมเป็นผมก็เป็น”

ที่ผ่านมา มักมีข่าวดีลลับ ระหว่าง พปชร. กับ พท. ในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน โดยอาจผลักดันให้ “พล.อ.ประวิตร” เป็นนายกฯ เพราะการโหวตเห็นชอบบุคคล ที่จะดำรงตำแหน่งนายกฯ ต้องอาศัยเสียจากสมาชิกรัฐสภาฯ เฉพาะสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) มี 250 เสียง เพื่อแลกกับการเปิดทางให้ “ทักษิณ” เดินทางกลับประเทศไทย  โดยไม่ต้องรับผิดในคดีใดๆ

ขณะที่เป้าหมายในการสมัครเป็นสมาชิกพรรค รทสช.ของ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้ไปต่อ ในฐานะนายกฯอีก 2 ปี อ้างมีภารกิจต้องสานต่อ โดยมีเสียงของส.ว.ส่วนหนึ่ง เป็นกองหนุน ในวันที่โหวตให้ความเห็นชอบบุคคลที่จะเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ และส่วนหนึ่งอาจหันไปโหวตให้ “พล.อ.ประวิตร”

ตอกย้ำว่า การเมืองไม่มิตรแท้ศัตรูถาวร ขนาดพี่-น้องคลานตามกันมา บางทีด้วยผลประโยชน์ ยังมองหน้ากันไม่ติด หรือเส้นทางเดินของ “2 ป.” วันนี้เปรียบเป็น เส้นขนาน แม้จะมีเป้าหมายตรงกัน แต่ในเมื่อ อำนาจไม่เข้าใครออกใคร จึงถึงเวลาทั้ง “บิ๊กป้อม” และ “บิ๊กตู่” อาจต้องห้ำหั่นกันเอง และในที่สุด “Forever” ก็ไม่มีอยู่จริง

……………………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img