วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSจับตา“บิ๊กฉิ่ง”ตั้งพรรคใหม่ หรือหวังย้อนรอย“แตกแบงก์พัน”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จับตา“บิ๊กฉิ่ง”ตั้งพรรคใหม่ หรือหวังย้อนรอย“แตกแบงก์พัน”

ไม่น่าเชื่อว่า ยุทธศาสตร์แตกแบงก์พันเป็นแบงก์ร้อย ซึ่งนายใหญ่ค่าย “เพื่อไทย(พท.)” เคยประสบความล้มเหลวมาแล้ว อันเนื่องมาจากไปดึง”บุคคลชั้นสูง “มายุ่งเกี่ยวการเมือง จนทำให้ “พรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.)” ต้องถูกยุบไป แถมกรรมการบริหารพรรค(กก.บห.) ยังถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 10ปี กำลังจะย้อนกลับมาเป็นทางเลือกให้คนบางกลุ่ม 

ครั้งนั้น “บีไฮน์เดอะซีน” แกนนำพรรคฝ่ายค้าน ต้องการหักล้างหลักการรัฐธรรมนูญ (รธน.) ที่ไม่ต้องการให้พรรคการเมืองไหน ได้เสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด เลยทำให้ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ กลายเป็นเบี้ยหัวแตก “นายใหญ่” จึงหวังตั้งพรรคขึ้นมาหลายพรรค แต่ก็เกิดปัญหาขึ้นจนได้ นำมาสู่ความพ่ายแพ้ พรรคร่วมรัฐบาลที่มี “พลังประชารัฐ (พปชร.)” เป็นแกนนำรัฐบาล 

แต่วันนี้มีกลับข่าวกระเซ็นกระซายว่า แกนนำรัฐบาลคนสำคัญ ได้สนับสนุน ข้าราชการระดับสูง ซึ่งกำลังจะเกษียณอายุราชการในเดือนก.ย.ปี 64 เดินสายไป ทาบทามนักการเมือง จากค่ายต่างๆ มาร่วมงานการเมืองด้วย โดยมีหลักประกันว่า หลังการเลือกตั้งครั้งหน้ามีแนวโน้มได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมทั้งมีปัจจัยเกื้อหนุนในการหาเสียงเต็มที่ 

อย่าลืมว่า แม้ พปชร. จะมีสถานะเป็น แกนนำรัฐบาล แต่โครงสร้างพรรคประกอบด้วยหลายกลุ่มหลายก๊วน ทั้งกลุ่มนายสมศักดิ์ เทพสุทิน กลุ่มบ้านริมน้ำของ นายสุชาติ ตันเจริญ กลุ่มกปปส. ซึ่งมี นายณัฐพล ทีปสุวรรณ เป็นแกนนำ กลุ่มชลบุรีมี นายอิทธิพล คุณปลื้ม อยู่ร่วมรัฐบาล หรือกลุ่มของ รอ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า ซึ่งอยู่ภายใต้การดูแลของ บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะ หัวหน้าพปชร. 

แม้วันนี้ทุกกลุ่มจะ ดูเหมือนมีความสุข ร่วมกันทำงานในฐานะแกนนำรัฐบาล แต่ก็มีร่องรอยความขัดแย้งให้เห็นเป็นระยะ ๆ ไล่ตั้งแต่การช่วงชิง “กระทรวงพลังงาน” มาอยู่ในความดูแลของตนเอง ช่วงจัดตั้งรัฐบาลใหม่ๆ  ระหว่าง นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ซึ่งอยู่ในกลุ่มนายสมศักดิ์ กับ “นายณัฐพล” แต่ในที่สุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ก็ใช้ยึดคืนมาเป็นโควต้ากลาง มอบให้ “นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” เข้ารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและรมว.พลังงาน 

จนมีข่าว นายสมศักดิ์ และ นายสุริยะ ไม่พอใจ แต่ต้องยอมกลืนเลือด เพราะรู้ว่า พล.อ.ประยุทธ์ยังมีสถานะแข็งแกร่ง ได้รับการสนับสนุนจาก บุคคลชั้นสูง และ กองทัพ จึงไม่อยากเล่นบทแตกหัก รวมทั้งกรณีมีกระแสข่าว “ร.อ.ธรรมนัส” และกลุ่มผู้สนับสนุนเคลื่อนไหว  ต้องการเข้าไปดำรงตำแหน่ง “เลขาธิการพปชร.” แทน นายอนุชา นาคาศัย ซึ่งอยู่ในกลุ่มก๊วนนายสมศักดิ์ ที่ให้การสนับสนุนอยู่

ทยา_ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

หรือไม่กี่วันที่ผ่านมา ก็มีข่าว นายณัฐพล ต้องการผลักดัน “นายทยา ทีปสุวรรณ” ให้ลงสมัครรับเลือกตั้งชิงเก้าอี้ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (ผู้ว่าฯกทม. ) แต่ไม่มีเสียงตอบรับจากบุคคลสำคัญในรัฐบาล กลับมีแรงหนุน บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีตผบ.ตร. แม้จะมีข่าว พปชร. จะมีมติไม่ส่งผู้สมัครลงชิงชัยครั้งนี้อย่างเป็นทางการเมือง แต่ผู้มีอำนาจในพปชร.ได้สั่งการให้สมาชิกพรรค สนับสนุน “บิ๊กแป๊ะ” อย่างเต็มที่ เพราะเชื่อมั่นว่า จะคว้าชัยชนะในการสู้ศึกชิงอำนาจ ดูแลเมืองหลวงประเทศไทย 

ดังนั้นผู้มีบทบาทสำคัญ กับการเดินเกมตั้งพรรคการเมืองใหม่ คงเกรงว่า ในอนาคต การจัดสรรผลประโยชน์ทางการเมืองไม่ลงตัว อาจมีแกนนำพปชร. บางคนลาออก ไปรวมงานการเมืองกับพรรคอื่นหรือตั้งพรรคใหม่ เพราะ นายกรณ์ จาติกวณิช ก็ตั้ง “พรรคกล้า ทำกิจกรรมต่างๆ แล้ว คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ ก็จะนำทัพ “สร้างไทย” สู้ศึกเลือกตั้ง ยังไม่นับรวม “ไทยภักดี และอีกหลายกลุ่มการเมือง เพื่อหวังเป็นทางเลือกให้ประชาชน อยากเข้าไปแชร์อำนาจรัฐ

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธ์

อีกทั้งพรรคแกนนำรัฐบาล ก็ยังผูกติดกับอนาคต “พล.อ.ประยุทธ์ หากวันใดวันหนึ่งประกาศยุติบทบาททางการเมือง อาจมีผลกระทบกับ “พปชร.” แม้ บิ๊กป้อม จะยังเดินหน้าทำงานการเมืองต่อ เพราะยังมีบารมี และได้รับการยอมรับจากนักการเมืองหลายพรรค แต่การใช้ยุทธศาตสร์หลากหลายรูปแบบ ก็ย่อมทำให้ฝ่ายตรงข้ามตั้งรับไม่ทัน เดาทางไม่ออก 

สอดรับกับกระแสข่าว ส.ส.ระบบเขตพรคก้าวไกล (กก. ) หลายคน เริ่มเมี่ยงมองหาหนทางใหม่ทางการเมืองหลัง นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า นำพาพรรคไปผูกติดกับ ม็อบสามนิ้ว ซึ่งหลายคนมีพฤติกรรมล่วงละเมิดสถาบัน  

ซึ่งในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) และ สมาชิกอบจ. พรรคกก.ก็ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง แถมยังถูกต่อต้านและ ตราหน้าว่า เกี่ยวข้องกับพวกล้มสถาบัน  และเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ประธานคณะก้าวหน้า ก็ถูกแจ้งความดำเนินคดีตามมาตรา 112 หลังออกมาไลฟ์สดวิจารณ์ เรื่องวัคซินโควิด-19

ด้านสมาชิกพท.บางคนก็ เตรียมโบกมือลา หากสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันปิดฉากลง หลังเผชิญปัญหาเรื่องท่อน้ำเลี้ยง ต้องการหาแหล่งพักพิงแห่งใหม่ ที่มีปัจจัยสนับสนุนอย่างเต็มที่ แม้กระทั่งบางพรรคการเมือง  ที่ทำงานรวมในฝ่ายบริหาร ก็ยังไม่แน่ใจว่า พรรคต้นสังกัดเดิม จะมีโอกาสเข้าร่วมรัฐบาลหรือไม่ บางทีการมีทางเลือกใหม่ อาจเป็นหนทางที่ดีกว่า 

ยิ่งกระบวนการ ร่างรัฐธรรมนูญ (รธน.) ใหม่ อาจมีรูปแบบและกระบวนการเลือกตั้งแบบใหม่ แม้จะต้องลุ้นว่า จะผ่านขั้นตอนของรัฐสภา หรือกระบวนการทำประชามติหรือไม่ ซึ่งมีส่วนกระตุ้นให้บรรดานักเลือกตั้ง ต้องตัดสินใจในอนาคตของตัวเอง

แต่เหนือกว่านั้นคือ ข่าวการตั้งพรรคการเมืองเกิดขึ้น ในระหว่างพรรคฝ่ายค้าน ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหัวหน้ารัฐบาลและรัฐมนตรีร่วม 10 คน จนถูกตีความว่า หรือเป็นยุทธศาสตร์ของใครบางคน หวังทำให้ ศึกซักฟอกเสียขบวน ลดน้ำหนักการอภิปราย อันเนื่องมาจากนักการเมืองบางคนเริ่มคิดถึงอนาคตการเมือง ต้องการรับฟังข้อเสนอให้ครบถ้วน ไม่มีกระจิตกระใจกับการทำหน้าที่ ตามกลไกรัฐสภา 

cr / วิทยุและโทรทัศน์รัฐสภา

ยิ่งก่อนหน้านี้ส.ส. พรรคฝ่ายค้าน เคยสร้างตำนาน จากการอภิปรายไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ส.ส. บางพรรคทำข้อสอบรั่ว บางคนทำท่าขึงขัง เพื่ออภิปรายกินเวลา  จนกลายเป็นตราบาป ทำให้หลายคนไม่คาดหวังว่า ศึกซอกครั้งนี้จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง 

กลายเป็นคำถามว่า ข้าราชการคนไหนเป็นมือทำงานให้รัฐบาล ใครอยู่เบื้องหลังการตั้งพรรคการเมืองใหม่   แต่ใน ขั้วอำนาจ 3 ป. ซึ่งประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ที่สื่อมักเรียกว่า บิ๊กป๊อก ดูจะลุ่มลึก พูดน้อยที่สุด 

ยิ่ง “พล.อ.อนุพงษ์” เข้ามาทำหน้าที่ “รมว.มหาดไทย” มีโอกาสทำงานร่วมกับ “บิ๊กฉิ่ง” นายฉัตรชัย พรหมเลิศ ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) จนเข้าขาและรู้ใจกันเป็นอย่างดี ไม่เคยมีข่าวความขัดแย้ง   อีกทั้ง “นายฉัตรชัย” ยังมีคอนเนคชั่นกับนักการเมืองหลายพรรค คนหลายกลุ่ม สามารถบริหารจัดการในหลายภารกิจ จนทุกฝ่ายพอใจ 

บางทีหลังเกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.64 ปริศนาที่หลายคนตั้งข้อสงสัย และคาดกันว่า ใครกันหนอ…ที่เคลื่อนไหวตั้งพรรคการเมืองใหม่ แต่ถ้าเป็น “บิ๊กฉิ่ง” จริงๆ ต้องบอกเลยพรรคการเมืองนี้ไม่ธรรมดา เพราะช่วยรองรับ ส.ส. พรรคฝ่ายค้านที่แตกทัพ เนื่องจากรับไม่ได้กับสถานะ “ฝ่ายค้าน” แถมยังมีข้อครหา ที่เกี่ยวข้องกับสถาบัน ยิ่งทำให้ไปต่อยากขึ้นไปอีก เรียกว่า แตกแบงก์พันครั้งนี้ ใครก็อยากมีส่วนร่วม

…………………………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย ”แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img