วันพุธ, เมษายน 24, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSรอลุ้น“เศรษฐา ทวีสิน”ผ่านบททดสอบ!! “ฝ่าแรงต้าน-กรรมเก่าตามหลอกหลอน”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

รอลุ้น“เศรษฐา ทวีสิน”ผ่านบททดสอบ!! “ฝ่าแรงต้าน-กรรมเก่าตามหลอกหลอน”

น่าจะกลายเป็นนักการเมืองเต็มตัวไปแล้วจริงๆ หลังยอมเข้ามารับทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ดูเหมือนระยะหลัง “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม จะตอบคำถามสื่อ ในประเด็นการเมืองยาวเป็นพิเศษ

ยิ่งเมื่อวันที่ 1 มี.ค. ในระหว่างเดินทางไปร่วมทำบุญ ณ ที่ทำการพรรค รทสช. และต้อนรับอดีตส.ส.จากพรรคการเมืองต่างๆ ที่ย้ายเข้าเป็นสมาชิกพรรคน้องใหม่ทางการเมืองกว่า 40 ชีวิต เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดตัว “เศรษฐา ทวีสิน” เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะมีใครชูคนโดดเด่นขึ้นมาต่อสู้หรือไม่ โดยพล.อ.ประยุทธ์ ย้อนว่า “แล้วเขาเด่นตรงไหน เขาทำอะไรเขาทำธุรกิจ ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ”

พร้อมกล่าวทิ้งท้ายก่อนขึ้นรถอีกว่า “จำคำพูดของผมไว้นะ คำว่า เศรษฐกิจของประเทศ ไม่ใช่เศรษฐกิจหรือธุรกิจของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่ง แต่เป็นของประเทศ ดังนั้นต้องหาคนที่เหมาะสม และการทำงานมีระบบ มีขั้นตอนเยอะแยะไปหมด มีคณะกรรมการและมีคนที่เก่งด้านเศรษฐกิจ เก่งด้านการธนาคาร การค้า พาณิชย์ อุตสาหกรรม ทั้งหมดต้องมาคุยด้วยกัน ไม่ว่าใครจะเก่งกว่ากัน สั่งไปแล้วทำไม่ได้ มันติดกฎหมาย ก็ไปไม่ได้อีกอยู่ดีเราต้องแก้ไขตรงนี้นี่คือรัฐบาลหน้า ต้องทำแบบนี้เข้าใจหรือยัง เลิกถามสักที หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ

คำตอบดังกล่าวกลายเป็น พาดหัวหนังสือพิมพ์ เกือบทุกฉบับ กับประโยคที่ว่า “เขาเด่นตรงไหน ประเทศไม่ใช้ธุรกิจ” ต้องยอมรับว่า “เศรษฐา” หรือ “เสี่ยนิด” เป็นผู้บริหารบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ มีตำแหน่งเป็นถึงประธานอำนวยการ และ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า จะเข้ามาช่วยงานพรรค พท. โดย “อุ๊งอิ๊ง” แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เคยพาไปเปิดตัวที่เยาวราช จากนั้นก็เงียบหายไป จนได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เมื่อวันที่  27 ก.พ.66 ลงนาม โดย “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” หน้าพรรค พท. 

คำสั่งแต่งตั้งที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย

คำสั่งดังกล่าวมีเนื้อหาว่า ตามที่คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยในการประชุมครั้งที่ 3/2565 เมื่อวันที่ 23 มีนาคม 2565 ได้รับทราบการเปิดตัวโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” และต่อมาได้มอบหมายให้ นางสาวแพรทองธาร ชินวัตร เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เพื่อดำเนินกิจกรรมดังกล่าว

และต่อมาได้มีคำสั่งพรรคเพื่อไทย ที่ 0004/2565 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานรับผิดชอบโครงการ “ครอบครัวเพื่อไทย : บ้านหลังใหญ่หัวใจเดิม” ลงวันที่ 1 เมษายน 2565 ซึ่งการดำเนินโครงการเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีประสิทธิภาพ แต่เนื่องจากกิจกรรมดังกล่าว จะต้องทำในทุกพื้นที่ทั่วประเทศจึงต้องอาศัยบุคลากรของพรรค ที่มีความรู้ความสามารถเข้ามาช่วย ขับเคลื่อนกิจกรรมนี้เพื่อให้โครงการเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น

อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคเพื่อไทย พ.ศ.2561 ข้อ 63 (7) จึงให้แต่งตั้ง นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย โดยให้มีอำนาจหน้าที่ ให้คำปรึกษาแก่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย คณะทำงานของพรรคที่รับผิดชอบโครงการดังกล่าว และดำเนินการอื่นใดตามที่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยมอบหมาย โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์เป็นต้นไป

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

ขณะที่ “นพ.ชลน่าน” กล่าวว่า ขณะนี้น.ส.แพทองธารตั้งครรภ์ ทำให้มีข้อจำกัดในการขับเคลื่อน จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งและเราได้รับเกียรติจากนายเศรษฐา เข้ามาลงงานตรงนี้ และเราคิดว่าจะทำงานกันด้วยดี เพื่อประโยชน์ของประชาชน นอกจากนายเศรษฐาจะเข้ามาเป็นประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยแล้ว ยังเข้ามาเป็นคณะกรรมการพิจารณานโยบายและยุทธศาสตร์ทางการเมืองเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งนี้จากการพูดคุยกันนายเศรษฐา ไม่ได้ขัดข้องที่จะร่วมงานกับพรรค พท. ในการที่จะรณรงค์ โดยเฉพาะในฤดูกาลเลือกตั้ง ส่วนจะมีการช่วยลงพื้นที่หรือไม่นั้น ขณะนี้ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน แต่ถ้าพร้อมก็ยินดี

แม้ดูเหมือนอำนาจหน้าที่ของ “เศรษฐา” จะเป็นเพียง ให้คำปรึกษากับ “อุ๊งอิ๊ง” แต่หลายคนเชื่อว่า ผู้บริหารอสังหาริมทรัพย์ชื่อดัง ต้องเป็นหนึ่งแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคพท.แน่ๆ เพราะในการหาเสียงเลือกตั้ง ประเด็น แนวทางการฟื้นฟูเศรษฐกิจ จะเป็นหัวใจในการหาเสียงของทุกพรรค ซึ่งหากต้องขึ้นเวทีดีเบตเกี่ยวกับเรื่องนี้ ถ้าปล่อยให้ “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” ออกโรงเอง เวลาต้องไปตอบคำถาม หรือชี้แจงวิสัยทัศน์ในเวทีต่างๆ ซึ่งถ้าหากพลาดพลั้ง อาจกลายเป็นผลลบของตัวเอง หลุดผลโพลไปเลยก็ได้ 

ดังนั้นการได้ “เศรษฐา” เข้ามารวมงานในพรรค พท. เชื่อว่าจะมีบทบาทสำคัญในแสดงวิสัยทัศน์เรื่องการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เว้นเสียแต่หากเกิดปัญหาขึ้น แล้ว “ทักษิณ ชินวัตร” ไม่พอใจ หรือข้อตกลงเกิดปัญหา ดีลกันไม่ลงตัว ท้ายที่สุด “คนแดนไกล” อาจเปลี่ยนตัวเล่นใหม่ก็ได้ เพราะเคยมีปัญหาเกิดขึ้นในอดีต สมัย “สมัคร สุนทรเวช” ถูกดึงให้เข้ามารับตำแหน่ง หัวหน้าพรรคพลังประชาชน (พปช.) จนคว้าชัยชนะในการเลือกตั้ง ได้เป็นนายกฯ

แต่ในที่สุด “ทักษิณ” ก็เดินเกมปลด หลังจากเห็นว่า ควบคุมไม่ได้ จนกลายตราบาปที่อยู่ในใจคนแดนไกล กรณีเลือกคนนอกตระกูล “ชินวัตร” เข้ามีตำแหน่งสำคัญในฝ่ายบริหาร แม้ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย จะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกฯ ซึ่งวันนี้ก็ตกอยู่ในสถานะเดียวกับ “พี่ชาย” เป็น “นักโทษหนีคดี” ต้องไปพำนักอยู่ที่เมืองดูไบ

เศรษฐา ทวีสิน

ขณะที่เมื่อวันที่ 1 มี.ค.ที่ผ่านมา “เศรษฐา” เดินทางเข้าพรรค พท. อย่างเป็นทางการ ภายหลังได้รับแต่งตั้งประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และดูเหมือนจะสงวนท่าที ไม่แสดงอาการโอเวอร์แอ็คชั่น เมื่อถูกสื่อตั้งคำถามในประเด็นต่างๆ แม้กระทั่งการไม่ตอบโต้ “พล.อ.ประยุทธ์” ที่ออกมาปรามาสว่า เก่งตรงไหน ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ

“เศรษฐา” กล่าวเปิดใจว่า ตนเป็นสมาชิกพรรค พท.อยู่แล้ว ได้มีส่วนร่วมในการให้คำปรึกษา และ พูดคุยกับผู้ใหญ่ภายในพรรค มาโดยตลอด วันนี้จึงเป็นฤกษ์ดีที่ถึงเวลาแล้วที่ต้องมาทำงานการเมืองให้มากขึ้น ส่วนการเดินหน้าทำการเมืองเพื่อรณรงค์ไปสู่การเลือกตั้ง ขอให้เป็นขั้นเป็นตอน ซึ่งตลอดการหาเสียงช่วงที่ผ่านมา น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ก็ทำได้ด้วยดีมาโดยตลอด แต่คนที่ตั้งครรภ์ 7 เดือนก็มีขีดจำกัด ส่วนตัวก็พร้อม ที่จะมาช่วยในลักษณะที่ตนถนัด

เมื่อถูกถาม นี่คือก้าวแรกของการเป็นแคนดิเดตนายกฯหรือไม่ “เศรษฐา” กล่าวว่า อย่าเพิ่งไปถึงขั้นนั้นเลย ขอให้เป็นขั้นตอน เพราะยังมีอีกหลายเรื่อง ซึ่งต้องให้เกียรติสมาชิกพรรค พท.ด้วย โดยมีหลายท่านที่มีความเหมาะสม

เมื่อถามย้ำว่า หลายฝ่ายฟันธงไปแล้วว่านายเศรษฐาคือแคนดิเดตนายกฯ ไปแล้ว “เศรษฐา” กล่าวว่า วันนี้ตนมาเป็นที่ปรึกษาให้น.ส.แพทองธาร มาช่วยเติมเต็มในส่วนที่คิด ว่าจะช่วยประเทศชาติได้

หลังจากนี้จะไปช่วยหาเสียง ที่ผ่านมาเราทำธุรกิจก็ อยู่แค่เมืองหลวงอย่างเดียว ซึ่งการลงพื้นที่ต่างจังหวัดเพื่อรับฟังความเห็นของประชาชนก็เป็นสิ่งสำคัญ ดังนั้นการลงพื้นที่ก็เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ตนไปทำ แต่ก็ต้องมีความเป็นตัวตนของตนด้วย และทำในสิ่งที่ตนเองถนัด

และเมื่อถามว่า มองอย่างไรที่ พล.อ.ประยุทธ์ระบุว่า ประเทศชาติไม่ใช่ธุรกิจ “เศรษฐา” กล่าวว่า ท่านเองก็เป็นผู้ใหญ่ ท่านพูดอะไร ตนมีวัยวุฒิและประสบการณ์การเมืองที่น้อยกว่า ตนคิดว่าที่ท่านพูดอะไรออกมา ตนก็ฟัง ไม่มีคอมเมนต์อะไรมากกว่านี้

ต้องถือว่า ผู้บริหารบริษัทอสังริมทรัพย์ชื่อดัง ที่ผันกายมาทำงานการเมือง ยังรักษารูปมวยได้ดี ไม่ทำให้แกนนำพรรคพท. รู้สึกไม่พอใจ เพราะเป็น “คนนอก” แต่กลับจะเข้ามารับตำแหน่งสำคัญของฝ่ายบริหาร หากพรรค พท.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวมทั้งการ ไม่ตอบโต้หัวหน้ารัฐบาล แม้จะถูกสื่อตั้งคำถาม ซึ่งอาจเป็นเพราะ “เศรษฐา” อาจยังไม่ชินกับงานการเมือง ถ้าเข้ามาคลุกคลีอีกซักระยะ คงอาจมีความเป็นนักการเมืองมากขึ้น

ที่น่าสนใจ เมื่อวันที่ 1 มี.ค. “จตุพร พรหมพันธุ์” แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน อดีตส.ส.พรรคเพื่อไทย อดีตประธานนปช. เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “ตั้งหลัก” ยังพูดถึงนายเศรษฐา ที่ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย และตกเป็นข่าวเป็นหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรค พท.ว่า นายเศรษฐามา ก็จะมีแผลอีก แผลใหม่เยอะแยะมากมาย จะเป็นสตอรี่เรื่องราวที่นายเศรษฐาก็ไม่คาดคิด ว่าในชีวิตตัวเอง มันมีประวัติบัดซบ ได้ขนาดนั้น

จตุพร พรหมพันธุ์

อย่างไรก็ตาม กระแสนายเศรษฐา เริ่มจางหาย เสียงก็เริ่มแผ่วเบา เพราะว่านักธุรกิจ เขาก็ต้องชั่งน้ำหนักเข้ามาแล้ว ได้กับเสียมันคืออะไร เพราะนักธุรกิจ คือได้กับเสียเท่านั้น ถ้าเสียมากกว่าได้ อยู่กันดีๆ มีแต่เสีย หลากหลายเรื่องราวที่ใครไม่เคยรับรู้ ทันทีที่เข้ามาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ประวัติจะพรั่งพรูออกมา สตอรี่เรื่องราวต่างๆ จะออกมาชนิดที่จะรับกันไม่ไหว

“ผมไม่ได้รู้จักคุณเศรษฐา แต่ที่ได้ฟังมา ก็ไม่ใช่เล่นเหมือนกัน ซึ่งไม่ได้ออกมาจากปากผมแน่นอน เพราะผมไม่รู้จักคุณเศรษฐา รู้จักเพียงแค่บางบริบทที่เกี่ยวข้องสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์เท่านั้น แต่บริบทเฉพาะตัวของคุณเศรษฐานั้น ในแวดวงนักธุรกิจ ที่รู้จักกันดี ดังนั้นให้คุณเศรษฐา เชื่อตัวเองว่าในชีวิตนี้ทำอะไรมาบ้าง ที่คนทั่วไปไม่รับรู้ ก็จะเป็นประเด็นที่สังคมไทย ได้รับรู้ขจรขจาย ก็จะเป็นเศรษฐาอีกคนหนึ่ง เป็นเศรษฐาอีกบริบทหนึ่ง”

จากนั้นวันที่ 2 มี.ค. “จตุพร” ยังได้เฟซบุ๊กไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน “มันคือกับดัก” โดยยังพูดพาดพิง “เศรษฐา” อีก โดยระบุว่า ถ้าเป็นไปได้ ควรอธิบายก่อนว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของตัวเองนั้น ได้เคยขายบ้านให้นอมินี ที่คนต่างชาติเป็นเจ้าของหรือไม่ เพราะหลังจากนี้ เชื่อว่าเรื่องนี้จะโผล่ขึ้นตามลำดับ

“ในทางธุรกิจ มันจะมีตัวละคร ผมจะบอกใบ้ให้คุณเศรษฐาไว้ล่วงหน้า ซึ่งผมได้ยินมาจากคนในแวดวง ว่าหลังจากนี้จะมีคนชื่อ “ขงเบ้ง” จะเป็นเจ้ากรรมนายเวร เป็นตัวละครสำคัญ ซึ่งคุณเศรษฐาย่อมอยู่ดีกว่าใคร จะนำไปสู่หลากหลายเรื่องราว ทั้งอสังหาริมทรัพย์ และ เกี่ยวกับเรื่องเทาๆ ทั้งหลาย จะลุกลามไป ผมบอกใบ้ให้คุณเศรษฐาได้ทำการบ้านไว้” นายจตุพร กล่าวและว่า “สิ่งที่สำคัญที่สุด เราต้องการคนมาทำให้ประเทศ ไม่ใช่คนมาทำเอากับประเทศเป็นเป้าหมายหลัก”

ถ้ามองในแง่ดี “อดีตประธานนปช.” อาจอยากเป็นกัลยาณมิตร ที่ช่วยแจงให้ข้อสอบล่วงหน้า หากเข้ามาอยู่ในแวดวงการเมือง จะต้องเผชิญกับแรงกดดัน กระบวนตรวจสอบในรูปแบบต่างๆ ที่หนักหน่วงมากพอสมควร โดยเฉพาะถ้าหากได้รับการผลักดันให้เป็นนายกฯ ซึ่งหัวหน้ารัฐบาลคนปัจจุบัน ได้เตือนไว้แล้วว่า “ประเทศชาติไม่ใช้เป็นธุรกิจ” ดังนั้นถ้าหากมีการเปิดเผยข้อมูลบางอย่าง ซึ่งอาจทำให้สังคมเกิดความหวาดระแวง “เศรษฐา” ก็ย่อมมีปัญหา ได้เหมือนกัน

อย่าลืมช่วง “ทักษิณ” และ เครือข่าย เข้ามาคุมอำนาจรัฐ-มีอำนาจ ก็มักถูกกล่าวหา มีความพยายาม หาประโยชน์กับ งบประมาณประเทศ ใช้ตำแหน่งหน้าที่เอื้อประโยชน์ ให้กับธุรกิจเครือญาติ จนหลายเรื่องกลายเป็นคดีความต่อเนื่องมา

ได้แต่หวังว่า ประธานที่ปรึกษาครอบครัวเพื่อไทย จะไม่เผชิญวิบากกรรม ทั้งในและนอกพรรค เหมือนนักเลือกตั้งหลายๆ คน ที่ตัดสินใจเดินเข้าสู่เส้นทางการเมือง 

………………………………

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img