วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเสร็จศึกนอก-เริ่มศึกใน “พปชร.”จ่อป่วน ปมเหตุ “ปรับครม.”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เสร็จศึกนอก-เริ่มศึกใน “พปชร.”จ่อป่วน ปมเหตุ “ปรับครม.”

การส่งสัญญาณผ่าน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม  ระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ก่อนหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ 10 รัฐมนตรี ซึ่งรวมถึงหัวหน้ารัฐบาล ระหว่างวันที่ 16-19 ก.พ.

เท่ากับช่วยตอกย้ำ มีปัญหาเกิดขึ้นกับการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะต้นเหตุหลัก น่าจะอยู่ที่ “พลังประชารัฐ (พปชร.)” ในฐานะพรรคแกนนำหลักฝ่ายบริหาร  

ขณะที่บรรดารมต.ซึ่งถูกซักฟอกครั้งนี้ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี, นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.สาธารณสุข, นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์, นายสุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย, นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ, นายนิพนธ์ บุญญามณี รมช.มหาดไทย, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ และ นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา

“พล.อ.ประยุทธ์” กล่าวตอนหนึ่งในระหว่างการประชุมครม.ว่า ให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากการชี้แจงของรัฐบาลมากที่สุด และหวังว่าคะแนนอภิปราย ต้องใกล้เคียงทุกพรรค ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ขออย่าให้มีปัญหาภายในซึ่งกันและกัน

ขณะที่ “นายอนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ได้สอบถามที่ประชุมว่า ต้องรอให้ฝ่ายค้านอภิปรายจบก่อนแล้วจึงค่อยชี้แจง หรือลุกขึ้นชี้แจงได้เลย เพราะไม่เคยถูกอภิปรายมาก่อน ทำให้พล.อ.ประยุทธ์ตอบว่าไม่ต้องรอ หากให้เขาพูดข้างเดียวเดี๋ยวเสียหาย ให้ทยอยตอบ แล้วตอนท้ายเก็บอีกที          

“ไม่ต้องเครียด ยิ้มไว้เมื่อภัยมา รวมกันไม่มีใครทำอะไรเราได้ ผมก็จะอดทนฟังอย่างใจเย็น เพราะเป็นคนจุดเดือดต่ำ  จะสงบนิ่งที่สุด พูดน้อยที่สุด ให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องชี้แจง ให้ดูจังหวะให้ดี แม้แต่ตอนเขาโจมตีผม ท่านก็ต้องช่วยชี้แจง”

“พล.อ.ประยุทธ์” ยังได้พูดอีกตอนหนึ่งว่า “ขอความร่วมมือทุกท่านทำทั้งการบ้านและการเมือง การเมืองคือดูแลประชาชนให้ดี ผมจะพิจารณาเป็นรายพรรคไปถ้ามีปัญหา”

อีกทั้งในตอนท้ายการประชุมครั้งนี้นายกฯยังได้แซว “นายสันติ พร้อมพัฒน์” รมช.การคลัง และ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” รมช.เกษตรและสหกรณ์ สองแกนนำพปชร. ซึ่งถูกมองว่า เป็นมุ้งหนึ่งในพรรค และมีข่าวว่าอยู่เบื้องหลัง จะทำให้ “นายณัฏฐพล” ได้คะแนนน้อยที่สุดในการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “พี่สันติยิ้มหน่อย นัสยิ้มหน่อย”

ก่อนหน้านั้นมีรายงานข่าวว่ารัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่เป็นกังวล กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้านแต่อย่างใด เพราะเชื่อว่าฝ่ายค้าน ไม่มีไม้เด็ดหรือใบเสร็จ ที่จะนำเสนอในการอภิปราย จนนำมาสู่การล้มรัฐบาลได้จริง            

แต่รัฐมนตรีบางคนที่ถูกอภิปราย มีความเป็นห่วง กลไกภายใน พปชร.  และพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่มีปัญหาความขัดแย้ง อาจส่งผลไปถึงการโหวตลงมติรัฐมนตรีแต่ละคน ที่อาจได้เสียงไม่เท่ากัน โดยเฉพาะในพรรคพปชร. ที่เริ่มเห็นร่องรอยความขัดแย้งรอบใหม่ชัดเจน เนื่องจากแกนนำคนหนึ่งของพรรค ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรัฐมนตรี มีความพยายามช่วงชิง อำนาจการนำภายในพรรค

ต้องการได้คะแนนเสียงไว้วางใจมากกว่ารัฐมนตรีจากพรรคเดียวกัน เพื่อหวังผลในการปรับ และ เกลี่ยโควต้าเก้าอี้ ในคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังการอภิปราย โดยต้องการให้เกิดกระแสกดดันให้รัฐมนตรีบางคนหลุดจากตำแหน่ง เพื่อที่จะได้มีโอกาสขึ้นเป็นรัฐมนตรีว่าการ

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า

จากกระแสข่าวดังกล่าวเลยทำให้ “ร.อ.ธรรมนัส” ถูกจับตามองว่า อาจเป็นบุคคลที่เคลื่อนไหว  เพื่อหวังผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ภายหลังการอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยเฉพาะการปรับครม.หรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนแปลง กรรมการบริหารพรรค พปชร.  โดยเฉพาะตำแหน่งเลขาธิการพรรค ซึ่ง “ร.อ.ธรรมนัส” เป็นหนึ่งในแคนดิเดท มีลุ้นในตำแหน่งดังกล่าว

สำหรับผลการการลงคะแนน ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ ในครั้งแรกนั้น พบว่าหัวหน้ารัฐบาล ได้คะแนนไม่ไว้วางใจ 49 คน ไว้วางใจ 272 คน งดออกเสียง 2 คน, พล.อ.ประวิตร ได้คะแนนไม่ไว้วางใจ 50 คน ไว้วางใจ 277 คน งดออกเสียง 2 คน, นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ไม่ไว้วางใจ 54 คน ไว้วางใจ 272 คน งดออกเสียง 2 คน, พล.อ. อนุพงษ์ ได้คะแนนไม่ไว้วางใจ 54 คน ไว้วางใจ 272 คน งดออกเสียง 2 คน, นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ได้คะแนนไม่ไว้วางใจ 55 คน ไว้วางใจ 272 คน งดออกเสียง 2 คน และ ร.อ.ธรรมนัส ได้คะแนนไม่ไว้วางใจ 55 คน ไว้วางใจ 269 คน งดออกเสียง 7 คน

ขณะที่ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพปชร. กล่าวถึงกระแสข่าวคลื่นใต้น้ำเกิดขึ้นในพรรคพปชร.จะทำให้เกิดความวุ่นวายอีกหรือไม่ว่า ไม่มีคลื่นใต้น้ำ  ส่วนจะมีการตรวจสอบถึงคนปล่อยข่าวด้วยหรือไม่ จะตรวจสอบเองไม่ต้องบอกสื่อมวลชน ผู้สื่อข่าวถามว่าคนปล่อยข่าวมีจุดประสงค์ต้องการบ่อนทำลายพรรคหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า “คุณไปถามคนที่ปล่อยข่าวดูสิ ไม่มีเรื่องบ่อนทำลายพรรค เพราะพรรคมีหนึ่งเดียวและเป็นเอกภาพ และเชื่อว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะไม่มีส.ส.พปชร.โหวตสวน”

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

เมื่อถามว่าหากในพปชร.เข้มแข็ง จะต้องไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่มีอะไรต้องคุยกันอยู่แล้ว เรื่องโหวตในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ เป็นเรื่องของรัฐบาลด้วยกัน เป็นการร่วมมือกัน เป็นรัฐบาลด้วยกัน ก็ต้องอยู่ด้วยกัน

อย่างไรก็ตาม​ ภายหลังการสัมนาพปชร.เสร็จสิ้นเมื่อค่ำวันที่​ 13​ ก.พ.​ ในช่วงระหว่างการรับประทานอาหารค่ำ​ ซึ่งมี “พล.อ.ประวิตร” ร่วมอยู่ด้วย​ “นายณัฏฐพล” ได้เคลียร์ใจกับ​ส.ส.ในพรรคพลังประชารัฐ​ ที่มีความไม่เข้าใจกันเรื่องงานในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เกี่ยวกับปมประเด็น ส.ส.ของพรรคไม่สามารถขอความช่วยเหลือจาก “นายณัฏฐพล” ได้เลย​ ซึ่งได้มีการอธิบายเหตุผลจนเข้าใจ​กัน ขณะที่เรื่องการลงมติ​นั้น​ คะแนนเสียงรัฐมนตรีจะได้ในจำนวนเท่าๆ​ กัน หรือใกล้เคียงกัน​ ไม่เหลื่อมกันมาก

แต่ถึงแม้จะมีข่าว “พล.อ.ประวิตร” ในฐานะ หัวหน้า พปชร.  จะพยายายามทำความเข้าใจกับสมาชิกพรรค ถึงกระแสความไม่พอใจ “นายณัฎฐพล” แล้ว ก็ยังมีกระแสข่าวส.ส.พปชร.ส่วนหนึ่ง ไม่พอใจบทบาท “นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” รองนายกฯ และ รมว.พลังงาน แม้ที่ผ่านมาจะทำงานเข้าตา เป็นที่พอใจหัวหน้ารัฐบาลก็ตาม อันเนื่องมาจากมีส่วนในการรวมผลักดัน “โครงการคนละครึ่ง” ซึ่งได้รับความนิยมจากประชาชนเป็นจำนวนมาก

โดยเหตุผลสำคัญ ที่ส.ส.บางส่วนพรรคแกนนำรัฐบาล ไม่พอใจรมว.พลังงาน เนื่องจากที่ผ่านมาไม่เข้ามาดูแล และให้การสนับสนุนส.ส. โดยเฉพาะการผลักดันโครงการสำคัญผ่าน “กองทุนอนุรักษ์พลังงาน” เพื่อให้สมาชิกพปชร.ได้นำไปใช้ประโยชน์ในพื้นที่

อีกทั้ง “นายสุพัฒนพงษ์” ซึ่งเติบโตมาจากภาครัฐ ยังมีบุคคลิกเข้าเข้าถึงยาก ไม่มีปฎิสัมพันธ์กับเพื่อนส.ส.ในพรรค ซึ่งรูปแบบการทำงานคล้าย “นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์” อดีตเลขาธิการ พปชร. ซึ่งเคยดำรงตำแหน่ง “รมว.พลังงาน” และในที่สุด ก็ถูกกดดันให้พ้นจากตำแหน่งทางการเมืองไป

โดยสมาชิก พปชร.บางส่วน ต้องการให้ “นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ” แกนนำคนสำคัญของพรรค เข้ามาดูแลกระทรวงพลังงานแทน เพราะในฐานะนักการเมือง น่าจะเข้าใจในชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนร่วมพรรค  และพร้อมจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เวลาสมาชิก พปชร. ได้รับความเดือดร้อน ไม่ใช้ไปดึงคนนอกเข้ามาทำงาน พอพ้นจากตำแหน่งไป ก็ไม่ได้สร้างอานิสงส์ และทำประโยชน์อะไรให้พรรค

ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ

 

นอกจากนี้สมาชิกพปชร.บางส่วน ยังต้องการผลักดัน “นายณัฏฐพล ให้พ้นจากการดูแลกระทรวงศึกษาธิการ เพราะมองว่า  เจ้าของรหัส “เสมา 1 ล้มเหลวในการทำงาน ปล่อยให้เกิดภาพเด็กและเยาวชนต่อต้านรัฐบาล ทั้งที่หน่วยงานที่ดูแลอยู่ได้รับงบประมาณมากที่สุด เมื่อเทียบกับหน่วยงานอื่น แต่กลับ ไม่สามารถสร้างผลงานให้เป็นที่ยอมรับได้

จากนี้ไปก็ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของหัวหน้ารัฐบาลเจ้าของรหัส “สร.1 ซึ่งผลพวงจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจ อาจเป็นเงื่อนไขนำไปสู่ การเปลี่ยนแปลงในรัฐบาล แต่หลังจาก “พล.อ.ประยุทธ์ เข้ามาทำหน้าที่นายกฯเกือบ 7 ปีแล้ว คงรู้ดีว่า การปรับครม.ครั้งใด ย่อมสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองให้เกิดขึ้นเว้นแต่เลี่ยงไม่พ้นจริงๆ

…………………………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย..“แมวสีขาว”

                                                                                                                                

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img