วันอังคาร, ตุลาคม 15, 2024
spot_img
หน้าแรกCOLUMNISTS“บิ๊กต่าย”ลอยลำยึดเก้าอี้“แม่ทัพสีกากี” ลือหึ่งปลอบใจ“ประจวบ”โยกคุม‘สมช.’
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กต่าย”ลอยลำยึดเก้าอี้“แม่ทัพสีกากี” ลือหึ่งปลอบใจ“ประจวบ”โยกคุม‘สมช.’

ถ้าเป็นไปตามเงื่อนไขปกติ การจัดทัพข้าราชการของทุกหน่วย และรองรับบรรดาผู้เกษียณอายุราชการ ต้องเสร็จเรียบร้อยตั้งแต่ 30 ก.ย. แต่ในส่วนของ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านกฎหมาย ทำให้การสรรหา “ผบ.ตร.คนที่ 15” หรือเจ้าของรหัส “พิทักษ์ 1” ล่าช้ากว่าปกติ จากเดิมที่จะต้องแล้วเสร็จภายในเดือนก.ค. ขณะที่โผนายพลเอง เดิมต้องเสร็จภายในเดือนส.ค.   

เนื่องจากมีการปรับเปลี่ยนเป็นไปตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2565 (กฎหมายตำรวจฉบับใหม่) ซึ่งกำหนดให้มี กฎของคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) ว่าด้วยการแต่งตั้งมาบังคับใช้ ซึ่งกฎนี้ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาไปเมื่อวันที่ 5 เม.ย.67 จะมีผลบังคับใช้ใน 180 วัน ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 2 ต.ค.67

ทำให้กระบวนการแต่งตั้ง “ผบ.ตร.” และข้าราชการตำรวจทุกระดับ จะเริ่มต้นวันที่ 3 ต.ค.เป็นต้นไป หลัง “บิ๊กต่อ-พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล” ผบ.ตร. เกษียณอายุราชการวันที่ 30 ก.ย.67 “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี จึงมีคำสั่งสำนักนายกฯให้ “บิ๊กต่าย-พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์” รอง ผบ.ตร. เป็นผู้รักษาราชการแทนในตำแหน่ง ผบ.ตร. ตั้งแต่ 1 ต.ค.67 เป็นต้นไป

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า “แพทองธาร” ในฐานะประธาน ก.ตร. จะนัดประชุม ก.ตร.วาระพิเศษ ในวันที่ 7 ต.ค.นี้ ณ ห้องประชุมศรียานนท์ โดยมีวาระคัดเลือกแต่งตั้งผบ.ตร. คนใหม่แทน “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” ซึ่งผู้ที่มีชื่อเข้าข่ายได้รับการแต่งตั้ง 3 คน ได้แก่ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 1, พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ อาวุโสลำดับ 2 และ พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. อาวุโสลำดับ 3 

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์

สำหรับประวัติผลงาน 3 แคนดิเดต ที่จะขึ้นมาเป็น ผบ.ตร. ไล่ตั้งแต่ 1.พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ อาวุโสลำดับที่ 1 ชื่อเล่น “ต่าย” เกิดวันที่ 8 ธ.ค.2508 เป็นนักเรียนโรงเรียนนายร้อยตำรวจ (นรต.) รุ่น 41 นักเรียนเตรียมทหาร (ตท.) รุ่นที่ 25 เกษียณอายุราชการปี 2569 สำหรับผลงานของพล.ต.อ.กิตติ์รัฐที่ผ่านมาขณะเป็น รอง ผบ.ตร มีการปิดล้อมตรวจค้นชุมชนแพร่ระบาดยาเสพติดทั่วประเทศ จับนักค้ายา รักษาผู้เสพ สร้างชุมชนปลอดภัยยาเสพติด’ ได้รับความไว้วางใจจาก “เศรษฐา ทวีสิน” อดีตนายกฯให้มาเป็น รรท.ผบ.ตร 3 เดือน เพื่อปลุกขวัญกำลังใจผู้ใต้บังคับบัญชา ให้ตั้งใจทำงานแล้วประชาชนก็จะรักเราเอง ซึ่งในระหว่างการรับราชการ ไม่เคยมีข้อครหาในด้านลบ ไม่เคยมีความขัดแย้งกับเพื่อนร่วมงานและผู้ใต้บังคับบัญชา

พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง

2.พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง อาวุโสลำดับที่ 2 ชื่อเล่น “บึก” เกิดวันที่ 10 พ.ย.2507 เป็นนักเรียนนรต.รุ่น 39 นักเรียน ตท.รุ่นที่ 23 เกษียณอายุราชการปี 2568 มีผลงานขณะเป็นผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับน้ำมันเชื้อเพลิง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปนม.ตร.) มีการระบุว่า จะต้องไม่มีเรื่องการทุจริต การเรียกรับผลประโยชน์ หลังเกิดเหตุการณ์เรือน้ำมันเถื่อนของกลางหายจากท่าเรือตำรวจน้ำ อำเภอสัตหีบ อีกทั้งยังเคยเป็นคณะกรรมการตรวจสอบคดีจำนำข้าวของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ขณะเป็นนายกฯ

พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์

3.พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ อาวุโสลำดับที่ 3 ชื่อเล่น “นา” เกิดวันที่ 22 ต.ค.2508 เป็นนักเรียน นรต.รุ่น 42 นักเรียน ตท.รุ่นที่ 26 เกษียณอายุราชการปี 2569 สำหรับผลงานพล.ต.อ.ธนาจะมีความโดดเด่นด้านงานสืบสวน เคยเป็นหัวหน้าทีมสอบสวนเครือข่ายเว็บพนันออนไลน์ที่โยงใยไปถึงบุคคลสำคัญ ระดับ ตร.

แต่ที่อาจเป็นปัญหาและจุดอ่อนสำคัญคือ “พล.ต.อ.ธนา” มีสายสัมพันธ์ เคยเป็นนายเวรของ “บิ๊กป๊อด-พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ” อดีต ผบ.ตร และสายตรงบ้านป่ารอยต่อ ของ “บิ๊กป้อม-พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ที่เป็นคนละขั้วของรัฐบาลชุดนี้ ที่อาจทำให้ไปฟากฝัน

สำหรับขั้นตอนการเลือก “ผบ.ตร.” ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติปี 2565 นายกฯจะเป็นผู้คัดเลือกรายชื่อ เสนอให้ที่ประชุม ก.ตร.ให้ความเห็นชอบ โดยคุณสมบัติที่กำหนดไว้ 2 เงื่อนไข คือ 1.ต้องมียศเป็น “พล.ต.อ.” 2.ตำแหน่งต้องเป็นรอง ผบ.ตร. หรือ จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งต้องคำนึงถึงอาวุโสและความสามารถประกอบกันโดยเฉพาะในงานสืบสวนสอบสวน และงานป้องกันปราบปราม

ขณะที่ก่อนหน้านั้น “บิ๊กโจ๊ก-พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล” ซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเต็งหนึ่ง กับการมีลุ้นในเก้าอี้ผบ.ตร. เนื่องจากมีอาวุโสอันดับ 1 แต่เกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากในช่วง “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” รรท. ผบ.ตร. ลงนามคำสั่งให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์พร้อมลูกน้องอีก 4 นาย ออกจากราชการไว้ก่อน หลังจากถูกตั้งคณะกรรมการสอบวินัยร้ายแรง และศาลอนุมัติหมายจับคดีฟอกเงินเว็บพนันออนไลน์ ต่อมาได้มีได้มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯให้ “บิ๊กโจ๊ก” พ้นจากตำแหน่ง รองผบ.ตร. ตั้งแต่วันที่ 18 เม.ย.67 ถือว่าปิดเส้นทางในการลุ้นเก้าอี้ “แม่ทัพสีกากี” ในปีนี้ไปโดยปริยาย

อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า “แพทองธาร” จะเสนอชื่อ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” ขึ้นเป็น “ผบ.ตร.คนที่ 15” ด้วยเหตุผลที่ครองอาวุโสลำดับ 1 และทำหน้าที่ “รรท.ผบ.ตร.” สานต่อนโยบายยาเสพติดของรัฐบาล และปราบปรามการหลอกลวงออนไลน์ได้ดี ซึ่งเป็นไปตามความต้องการของ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิสายตำรวจ อย่าง “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์-พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก”

เนื่องจากบทเรียนการประชุม ก.ตร.แต่งตั้ง ผบ.ตร.ในปีที่ผ่านมา เสนอชื่อ “พล.ต.อ.ต่อศักดิ์” อาวุโสลำดับสุดท้ายข้ามมาเป็น “ผบ.ตร.” ทำให้มีเรื่องฟ้องร้องที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) และยังสร้างความขัดแย้งในองค์กร จนทำให้ “บิ๊กต่อ” ถูกย้ายไปช่วยราชการที่สำนักนายกฯ ก่อนจะได้กลับมาเกษียณอายุราชการในฐานะ “ผบ.ตร.” ในช่วงก่อนจะหมดวาระไม่กี่เดือน

“พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ให้ความเห็นถึงการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ว่า จะเป็นการแต่งตั้งตำรวจตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ 2565 ครั้งแรก โดยกฎหมายตามพ.ร.บ.ตำรวจ และกฎ ก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ นายกฯได้ลงนามและลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 5 เม.ย.2567 จะมีผลบังคับใช้ 180 วัน หลังจากนั้น หมายความว่ากฎ ก.ตร.ฉบับนี้ จะมีผลหลังวันที่ 2 ต.ค.นี้  

“ในการพิจารณาคัดเลือก ผบ.ตร. ซึ่งหลักเกณฑ์ตามกฎหมายให้คำนึงอาวุโส ความรู้ความสามารถ งานสืบสวนสอบสวนและงานป้องกันปราบปราม ส่วนตัวพิจารณาอาวุโสและความรู้ความสามารถลำดับต้นๆ ให้ความสำคัญคนที่อาวุโสที่ 1 มีความรู้ความสามารถ หากจะข้ามไปในระดับรองลงมา ต้องมีบันทึกเหตุผล ปีที่ผ่านมา พิจารณาอาวุโสสุดท้ายขึ้นมา มีปัญหาฟ้องร้องและร้องเรียน” พล.ต.อ.เอก กล่าว

สำหรับขั้นตอนการคัดเลือกผบ.ตร. ตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ ปี 2565 มาตรา 78 ระบุว่า “ให้นายกฯคัดเลือกรายชื่อเสนอ ก.ตร. เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบ” โดยระหว่างที่พิจารณาวาระดังกล่าว “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ-พล.ต.อ.ไกรบุญ-พล.ต.อ.ธนา” จะต้องออกจากห้องประชุม เนื่องจากถือว่ามีส่วนได้-เสีย

องค์ประชุมจึงมีเพียง “แพทองธาร ชินวัตร” ในฐานะประธานฯ, “อ้อนฟ้า เวชชาชีวะ” เลขาธิการ ก.พ.ร., “ปิยะวัฒน์ ศิวะรักษ์” เลขาธิการ ก.พ. ในฐานะก.ตร. โดยตำแหน่ง และ ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ ได้แก่ “พล.ต.อ.มนู เมฆหมอก-พล.ต.อ.เอก อังสนานนท์-พล.ต.อ.วินัย ทองสอง-ฉัตรชัย พรหมเลิศ-รองศาตราจารย์ประทิต สันติประภพ-ศาสตราจารย์ศุภชัย ยาวะประภาษ”

“พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ กล่าวถึงการแต่งตั้งผบ.ตร.คนใหม่ ว่า มีแคนดิเดต 3 คน คือ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รอง ผบ.ตร., พล.ต.อ.ธนา ชูวงศ์ รอง ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะต้องส่งข้อมูลผลงานที่เคยรับราชการ ให้นายกฯพิจารณาก่อนวันประชุม ก.ตร.แต่งตั้ง ผบ.ตร. โดยนายกฯจะเป็นผู้เสนอรายชื่อในที่ประชุมให้ ก.ตร.ให้ความเห็นชอบ ซึ่งการพิจารณาแต่งตั้งครั้งนี้ จะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ ความอาวุโส และความรู้ความสามารถด้านการสืบสวนปราบปราม ตามพ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ

ส่วนกระแสข่าวว่าจะมีการประชุมก.ตร. เพื่อเสนอแต่งตั้งระดับรอง ผบ.ตร. ก่อน เพื่อให้มาเป็นแคนดิเดต ผบ.ตร.เพิ่มเติมนั้น พล.ต.อ.วินัย กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่มี

ก่อนหน้านั้น “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” ได้เซ็นคำสั่งแต่งตั้ง “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ผู้ช่วย ผบ.ตร.อาวุโสอันดับ 1 ขยับขึ้นมารักษาราชการแทนรอง ผบ.ตร. แทน “พล.ต.อ.รอย อิงคไพโรจน์” ที่ถูกโยกเป็นเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.)

จึงถูกหลายฝ่ายจับตามอง จะมีการแต่งตั้งให้ “พล.ต.ท.ประจวบ” เป็นรอง ผบ.ตร.ตัวจริงก่อนเดือนส.ค. ซึ่งตามไทม์ไลน์ จะมีการคัดเลือกผบ.ตร.คนใหม่แทนพล.ต.อ.ต่อศักดิ์ ที่จะเกษียณอายุราชการในวันที่ 30 ก.ย. ซึ่งถ้าดำเนินการตามนั้น “พล.ต.ท.ประจวบ” ก็จะกลายเป็นแคนดิเดตคนสำคัญ ที่ไม่สามารถมองข้ามได้ เนื่องจาก “พล.ต.ท.ประจวบ” มีสายสัมพันธ์แนบแน่นกับ “ตระกูลชินวัตร” โดยเฉพาะได้รับความไว้วางใจ ให้ดูแลแผนอารักขาความปลอดภัยและแผนจราจร ช่วงรับตัว “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกฯ บินกลับประเทศไทยเมื่อวันที่ 22 ส.ค.66

ซึ่งเคยมีข่าว ก.ตร. จะไฟเขียวให้มีการแต่งตั้งนอกวาระหรือไม่ หลังมีข่าวมีความพยายามจะผลักดันเรื่องนี้เข้าที่ประชุมถึง 2 ครั้ง แต่ถูกคัดค้านอย่างหนักจาก “ก.ตร.ผู้ทรงคุณวุฒิ” ที่ยืนกรานว่าไม่สามารถทำได้ เพราะกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ ตามพ.ร.บ.ตำรวจฉบับใหม่ ยังไม่มีผลบังคับใช้ หากทำไป ก็จะผิดกฎหมาย แต่ในแวดวงสีกากีไม่มีอะไรที่เป็นไม่ได้ เพราะผู้เชี่ยวชาญในแวดวงกฎหมายตำรวจบางคนให้ความเห็นมาว่า แม้ไม่มีกฎก.ตร.ว่าด้วยการแต่งตั้งฯ แต่ก็สามารถออกเป็นข้อกำหนดว่าด้วยการแต่งตั้งฯ มาใช้เหมือนกรณีแต่งตั้งนายพลวาระเดือนเม.ย.

พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข

สำหรับ “พล.ต.ท.ประจวบ วงศ์สุข” ปัจจุบัน อายุ 59 ปี เป็นคนจังหวัดแพร่ เป็นนักเรียนนรต.รุ่น 39 รุ่นเดียวกับ พล.ต.อ.ไกรบุญ ทรวดทรง จเรตำรวจแห่งชาติ เส้นทางการเติบโตชีวิตรับราชการจะเริ่มต้นและวนเวียนอยู่ในพื้นที่ภาคเหนือ ซึ่งเป็นฐานเสียงของ “พรรคเพื่อไทย” (พท.) ในตำแหน่ง รอง สว.-รอง ผกก. ใน จ.เชียงใหม่ ลำพูน พะเยา ก้าวหน้าตามลำดับ เป็น ผบก.ภ.จว.พะเยา ถัดมา 1 ปี ขยับเป็นรอง ผบช.ภ.6, รอง ผบช.ภ.5 ขยับนั่ง ผบช.ภ.5 และ ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในปี 2564 ส่วนอายุราชการนั้น “พล.ต.ท.ประจวบ” เหลือเวลาอีก 1 ปี โดยจะเกษียณอายุราชการในปี 2568

พล.ต.อ.วินัย ทองสอง

แต่ในเมื่อ “พล.ต.อ.วินัย ทองสอง” ซึ่งมีความใกล้ชิดกับ “ตระกูลชินวัตร” เพราะมีศักดิ์เป็นหลาน “คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์” อดีตภริยานายทักษิณ ออกยืนยันว่า ไม่มีการประชุมก.ตร. เพื่อเสนอแต่งตั้งระดับ รอง ผบ.ตร. ก่อน นั่นหมายความว่า “พล.ต.ท.ประจวบ” คงไม่สามารถขึ้นมาเป็นแคนดิเดตชิงเก้าอี้ ผบ.ตร. ในการประชุมก.ตร.วันที่ 7 ต.ค.นี้ และ “พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ” จะมีความโดดเด่นมากที่สุด ทั้งอาวุโสสูงสุด มีความสามารถในด้านการสอบสวน 

ขณะที่ “พล.ต.อ.ไกรบุญ-พล.ต.อ.ธนา” นอกจากจะมีปัญหาเรื่องอาวุโส ยังมีความสัมพันธ์กับ “กลุ่มอำนาจเก่า” รวมทั้งการแต่งตั้ง “บิ๊กต่าย” เป็นแม่ทัพสีกากี จะปิดทางไม่ให้คนที่ไม่เห็นด้วยไปฟ้องร้อง เกี่ยวกับการไม่ยึดหลักอาวุโสเหมือนอดีตที่ผ่านมาด้วย และอาจเป็นไปได้ที่ “ทักษิณ” ไม่กล้าผลักดัน “พล.ต.ท.ประจวบ” ให้ดำรงตำแหน่ง “รองผบ.ตร.” เพราะเกรงว่าอาจมีปัญหาข้อกฎหมาย และกระทบกับบุตรสาวในฐานะ “ประธาน ก.ตร.”

ส่วน “พล.ต.ท.ประจวบ” มีกระแสข่าวว่า อาจได้ตำแหน่งปลอบใจ นั่งเก้าอี้ “เลขาธิการ สมช.” เหมือนกับบางยุคบางสมัย ที่ใช้เก้าอี้ดังกล่าว ไว้ปลอบใจนายทหารที่พลาดตำแหน่งสำคัญในกองทัพ

แม้ “ภูมิธรรม เวชยชัย” รองนายกฯ และรมว.กลาโหม จะเคยแสดงความเห็น เมื่อถูกนักข่าวตั้งคำถามว่า ถึงตำแหน่งเลขาธิการ สมช. ต้องรอการแต่งตั้ง ผบ.ตร.ให้ลงตัวก่อน เพื่อที่ว่า คนที่ไม่ได้ จะได้มานั่งเลขาธิการ สมช.หรือไม่ว่า “พูดอย่างนี้เหมือนกับว่า สมช. เป็นหน่วยงานรองบ่อน ที่ไม่ควรจะเป็นอย่างนั้น ที่ผ่านมาก็ว่าไป เพราะผมไม่ทราบเงื่อนไข แต่ปัจจุบันต้องดูความเหมาะสมของหน่วยงาน และเลือกบุคคลที่เหมาะสมกับหน่วยงาน ไม่ใช่เลือกตรงไหนไม่ได้ แล้วเอามาใส่ตรงนี้ ไม่ได้เป็นอย่างนั้น”

แต่ถ้าหากเป็น ประกาศิตมาจาก “บ้านจันทร์ส่องหล้า” ถามว่า “ภูมิธรรม” จะกล้าขัดหรือ….เป็นสิ่งที่รอการพิสูจน์

…………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img