วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ข่าวจริง”หรือแค่“แผนเสี้ยม” ใครเล่นบท “ดีลลับ”ตัวจริง..???
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ข่าวจริง”หรือแค่“แผนเสี้ยม” ใครเล่นบท “ดีลลับ”ตัวจริง..???

ดูเหมือนกระแสดีลลับ  เพื่อหวังให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ยังไม่จบง่ายๆ แม้ผู้เกี่ยวข้องจะออกมาปฎิเสธ ไม่มี แกนนำพลังประชารัฐ (พปชร.) กับ “คนแดนไกล” เดินเกมรวมกัน หวังกดดัน “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม

ขนาดตัวละครสำคัญ “นายทักษิณ ชินตร” อดีตนายกฯ ซึ่งมีสถานะเป็นผู้ต้องหาหนีคดี ยังถูกดึงเข้ามาเกี่ยวข้องกับกระบวนการโค่นล้มพล.อ.ประยุทธ์ ในช่วงทำศึกซักฟอก ยังต้องใช้เวที CARE Talk x CARE ClubHouse เมื่อวันที่ 15 ก.ย. ออกมาชี้แจงว่า มีคนปล่อยข่าวว่า ผมเอา 2,000 ล้านบาท ไปให้ธรรมนัส แล้วทำไม่สำเร็จว่า…

“ที่มีปัญหาเรื่อง ร.อ.ธรรมนัส เพราะมีคนปล่อยข่าวว่าผมเอาเงิน 2,000 ล้านไปให้ธรรมนัส แล้วทำไม่สำเร็จ กลายเป็นดีลล่ม คือจะบอกว่า ผมเริ่มจากศูนย์ ผมหาเงินเอง ดังนั้นผมไม่โง่เรื่องใช้เงิน รัฐบาลคุณประยุทธ์นะ ถ้าใช้อีก 28 เสียง เพื่อให้ล้มรัฐบาล หารมาคนละ 70 ล้านก็ซื้อได้แล้ว เพราะเขาวิ่งกันแค่คนละ 5 ล้าน แต่ผมไม่ทำไง ผมเกลียด

ทักษิณ ชินวัตร

เพราะผมเคยเห็นอะไรแบบมาก่อน ไม่ทำแบบนั้นแน่นอน คนที่ปล่อยข่าวแบบนี้นะ คือควายทั้งนั้น ข่าวปลอมทั้งนั้น ถ้าหลายคนอยากรู้ว่าผมดีลอะไรหรือเปล่า ให้มาถามผมที่ clubhouse นี่ ผมจะได้ตอบให้ชัดๆ

ผมรำคาญมากเรื่องการปล่อยข่าว เราเป็นคนนะ จะให้ควายจูงไม่ได้ ถ้าท่านสงสัยในตัวผม ท่านถามผมตรง ๆเลย ถ้าผมพูด ไม่มีคำว่าโกหกหรอกครับ ถ้าผมคิดว่าสิ่งนั้นไม่ควรพูด ผมจะไม่พูด ไม่มีหรอกครับดงดีลอะไร…”

ถ้าใครติดตามความเคลื่อนไหวของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพปชร. จะรู้ว่าเคยทำงานทางการเมือง รวมกับ “นายทักษิณ” ตั้งแต่ยังเป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย (ทรท.) เป็นทีมงานทั้งเบื้องหน้าและเบื้องหลัง อีกทั้งนี้ยังเป็นทีมยุทธศาสตร์เลือกตั้งกรุงเทพมหานคร (กทม.) ทำงานร่วมกับ “นายปรีชา เลาหพงศ์ชนะ”

อีกทั้งยังเป็น คณะทำงานยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชาชน  (พปช.) และ พรรคเพื่อไทย (พท.) จึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อจะมีการเชื่อมโยงว่า มีข้อตกลงลับเพื่อหวังล้ม “นายกฯลุงตู่” โดยใช้ห้วงเวลาที่พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ จากนั้นจะมีเดิมเกมจัดตั้งรัฐบาลร่วมกัน ระหว่างสองพรรคใหญ่ “พปชร.” และ “พท.” ผลักดัน “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพปชร. ให้รับตำแหน่งนายกฯ ส่วนกระทรวงมหาดไทยซึ่งใครเรียกกันติดปากว่า “มท.1” จะตกเป็นของ “ผู้กองธรรมนัส” ไปโดยปริยาย

“แม้ในที่สุดเรื่องราวจะผ่านไป หัวหน้ารัฐบาลผ่านศึกซักฟอก พรรคแกนนำรัฐบาล ออกเสียงไว้วางไว้วางใจครบ แต่ในเมื่อ “พล.อ.ประยุทธ์” ได้คะแนนเสียงไว้วางใจต่ำสุด หลังพรรคเล็กงดออกเสียงไว้วางใจหัวหน้ารัฐบาล ในที่สุด “ร.อ.ธรรมนัส” และ “นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ก็ถูกปลดออกจากการเป็นรัฐมนตรี

โดย “นายกฯลุงตู่” บอกกับหัวหน้าพปชร. ว่า เป็นสิทธิ์ของผม” หลังใช้มาตรการลงดาบผู้เคยร่วมงานในคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปเรียบร้อยแล้ว ในขณะที่ “บิ๊กป้อม” ก็ยังโอบอุ้มบุคคลสำคัญ ที่เปรียบเสมือนขุนพลข้างกาย ให้มีบทบาทในพปชร.ต่อไป พร้อมทั้งยืนยันชัดเจน ไม่มีการปรับโครงสร้างพรรค “ร.อ.ธรรมนัส” ยังทำหน้าที่เลขาธิการพปชร. เพื่อเตรียมสู้ศึกเลือกตั้งระดับท้องถิ่น เช่นเดียวกับ “นางนฤมล” ซึ่งใครเรียกกันติดปากว่า “อาจารย์แหม่ม” ก็ยังทำหน้าที่ดูแลถุงเงินพรรคต่อไป

ถ้าลองย้อนไปตรวจสอบท่าทีหัวหน้ารัฐบาล ก่อนลงมติในศึกซักฟอก “พล.อ.ประยุทธ์” ออกมาให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้มีข่าวอยู่ 2-3 เรื่อง คือการโหวตล้มนายกรัฐมนตรี ถ้าเป็นเรื่องจริง ถือว่าไม่เป็นสุภาพบุรุษ เพราะเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะทำเช่นนั้น ทำไปเพื่ออะไร ตนเข้ามา ตนก็ทำงาน 100% ทุกเรื่อง เพราะฉะนั้นการที่จะรวมคะแนนเสียงโหวต ซึ่งจริงหรือไม่จริง ตนไม่ทราบ แต่ถือว่าไม่ใช่สุภาพบุรุษ ถ้าทำแบบนั้น ส่วนเรื่องที่สองที่มีข่าวว่า ตนจะยุบสภา ทุกคนก็ตื่นตระหนกกันไปหมด ยืนยันว่าเป็นการแอบอ้างทั้งสิ้น

เมื่อถามย้ำว่า พล.อ.ประวิตรให้ความมั่นใจนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรยืนยันมาโดยตลอด และตนก็คุยกับพล.อ.ประวิตรตั้งแต่มีกระแสข่าว พล.อ.ประวิตรก็ระบุว่าจะสอบให้ สืบให้

“เมื่อสอบมาก็รายงานผมว่าเป็นเรื่องไม่ดี อาจจะหลบหู หลบตาอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้ วันนี้ผมก็ต้องตามหมดว่าพรรคร่วมรัฐบาลมีด้วยหรือไม่ ซึ่งหัวหน้าพรรคจะช่วยกัน ยืนยันว่าจะไม่มียุบสภา เรากำลังทำงานหนักอยู่ งานสำคัญอยู่แล้วจะยุบสภาไปทำไม จะยุบได้อย่างไร ส่วนกรณีแอบอ้างเปลี่ยนตัว แอบอ้างเบื้องสูง ถือเป็นความผิดร้ายแรง ผมคนเดียวเท่านั้น ที่ได้มีโอกาสถวายข้อราชการ คนอื่นไม่มี โอเคไหม ชัดเจนไหม”

ซึ่งท่าทีหัวหน้ารัฐบาลถือเป็นการส่งสัญญาณที่แข็งกร้าว โดยเฉพาะประเด็นที่เกี่ยวข้องกับ “สถาบัน”

อย่างไรก็ตาม แม้ “พล.อ.ประวิตร” จะยืนยันไม่มีปัญหาความขัดแย้งกับนายกฯ ถ้านายกฯลุงตู่ยุติบทยาททางการเมือง ก็จะโบกมือลาไปพร้อมกัน เข้าทำนองมาด้วยกันไปด้วยกัน แต่การแต่งตั้ง “บิ๊กน้อย” พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา อดีตนายทหารที่ได้รับความไว้วางใจ ให้เข้ามาทำงานประธานยุทธศาสตร์พปชร. จึงถูกจับตามอง และวิเคราะห์ไปต่างนานา เลยเถิดไปถึงขั้น “บิ๊กป้อม” มีแผนจะผลักดันประธานยุทธศาตร์พปชร.ขึ้นมาดำรงตำแหน่งนายกฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า หลังขุนพลคู่ใจถูกกระทำ โดยไม่มีการบอกกล่าวล่วงหน้า

แต่ที่กลายเป็นปมร้อน ถูกหยิบยกมาพูดในตลาดการเมือง คือช่วง เปิดสมัยประชุมสามัญฯ ซึ่งอยู่ในช่วงเดือนพฤศจิกายน พท.ในฐานะแกนนำพรรคฝ่านยค้านประกาศไว้ล่วงหน้า จะยื่นขอเปิดอภิปรายทั่วไปรัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ ใครอ่านเกมก็คงมองออกงานนี้ คงหวังขยายปมที่เคยซักฟอกไว้ และต้องการขยายปัญหาความขัดแย้ง ในพรรคแกนนำรัฐบาล หลังจากผู้กองคนดัง ที่คุมเสียงส.ส. พปชร.ไว้ส่วนหนึ่ง  หากมีส.ส. ในกลุ่มผู้ผู้กองธรรมนัส ลุกขึ้นมาอภิปรายโจมตีการทำงานฝ่ายบริหาร  ก็กลายเป็นประเด็นขึ้นมาแล้ว         

นอกจากนี้ยังมีกระแสข่าวอีกว่า หากมีการพิจารณา กฎหมายที่มีความสำคัญ เกี่ยวข้องกับพรบ.ทางการเงิน อาจมีส.ส.พปชร.จำนวนหนึ่งยกมือโหวตคว่ำ เพื่อให้กฎหมายตกไป ซึ่งหมายความ “หัวหน้ารัฐบาล” ต้องแสดงความรับผิดชอบ มีอันเป็นไปพ้นจากตำแหน่งนายกฯในทันที ยิ่งช่วงที่ผ่านมา การประชุมสภาฯ และประชุมร่วมรัฐสภาเกิดปัญหา ต้องล่มลงกลางคันหลายครั้ง อันเนื่องจากองค์ประชุมไม่ครบ นำมาสู่เสียงวิจารณ์อย่างกว้างขวาง กระทบกับภาพลักษณ์รัฐบาลไปเต็มๆ

ยิ่งบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในการประสานกับพรรคร่วมรัฐบาล และสมาชิกสภาสูงคือ “นายวิรัช รัตนเศรษฐ์” ประธานคณะกรรมการประสานงาน(วิป) พรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งอยู่ในก๊วนเดียวกับ “ร.อ.ธรรมนัส” ยิ่งถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดว่า เป็นเกมการเมืองหรือไม่ ยิ่งในช่วงก่อนมีการลงมติไม่ไว้วางใจหัวหน้ารัฐบาล มีข่าว “พล.อ.ประยุทธ์” ได้เรียกประธานวิปรัฐบาลไปพูดคุย ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องการควบคุมเสียงของพรรคร่วมรัฐบาล

ดังนั้นเมื่อยังมีกระแสข่าว ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาความขัดแย้งในฝ่ายบริหาร ยุทธการการโค่นล้ม “พล.อ.ประยุทธ์” อาจยังไม่จบลงง่ายๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเมื่อมีการวิเคราะห์กันถึงขั้นว่า ขบวนการที่เดินเกมทั้งใต้ดินและบนดิน ต้องไม่ธรรมดา หรือจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับ อดีตนายตำรวจ ที่เคยมีบทบาทสำคัญในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เดิมเกมจับมือกับ “คุณหญิงคนดัง” ซึ่งมีความสัมพันธ์กับอดีตนายกฯ ที่ยังมีบทบาททางการเมืองอยู่

โดยมีการส่งมอบเงินทุนให้อดีตนายตำรวจคนดัง นำไปเคลื่อนไหวรวมกับ ส.ส.พรรคแกนนำรัฐบาล หวังผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ซึ่งเป้าหมายน่าจะมองไปขั้น การจับมือสองพรรคใหญ่ ทั้ง “พปชร.” และ “พท.” เนื่องจากก่อนหน้านั้นก็สมประโยชน์ จากกระบวนการ แก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญ (รธน.) กำหนดให้ใช้บัตรเลือกตั้งสองใบ      

แต่อดีตที่ผ่านมา เรื่องผลประโยชน์และอำนาจ หลายครั้งหลายหน ทำให้ “พี่น้องคลานตามกันมา” ต้องขัดแย้ง ถึงขั้นผีไม่เผาเงาไม่เหยียบ และถ้าดีลลับมีจริง หลายคนคงคงอยากรู้ว่า “พล.อ.ประยุทธ์” จะกล้าดับเครื่องชน

ลุยเปิดโปงให้สังคมรู้หรือไม่ว่า ตัวละครสำคัญมีใครบ้าง โดยเฉพาะ “อดีตคนมีสี” ที่เป็นบุคคลมีชื่อเสียง  เบื้องหน้า-เบื้องหลังไม่ธรรมดา ยิ่งถ้าหัวหน้ารัฐบาลเล่นบทโหด  อาจต้องตกอยู่ในสภาพหยิบเล็กเจ็บเนื้อ กลืนไม่เข้าคายๆไม่ออก แม้จะรับรู้ความเคลื่อนไหวของบุคคลมาบ้าง

………………                                                                                                        

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img