วันศุกร์, เมษายน 26, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSจบศึกใน-เริ่มศึกนอก ‘พปชร.’ไล่บี้‘ปชป.’ พลิกสูตรรัฐบาล
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

จบศึกใน-เริ่มศึกนอก ‘พปชร.’ไล่บี้‘ปชป.’ พลิกสูตรรัฐบาล

ม้เป็นเพียงการเลือกตั้งซ่อม ยังไม่ถึงวาระการชิงชัยในสนามใหญ่ แต่ผลพวงที่เกิดขึ้น การแย่งชิงคะแนนเสียงของพรรคการเมืองต่างๆ ดูจะสร้างผลกระทบทางการเมืองอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสัมพันธภาพสองพรรคร่วมรัฐบาลทั้ง “พลังประชารัฐ” (พปชร.) และ “ประชาธิปัตย์” (ปชป.)  

โดยกระบวนการเปิดให้ชาวบ้าน ใช้สิทธิเลือกผู้แทนเข้าไปทำหน้าที่ เป็นปากเป็นเสียงในสภา เพื่อทดแทนเสียงของอดีตส.ส.ที่หายไป ในช่วงอีกปีกว่าๆ  ก่อนสภาแทนราษฎรชุดปัจจุบันจะหมดวาระลง  ประกอบด้วยเลือกตั้งซ่อม ส.ส.สงขลา เขต 6 , เลือกตั้งซ่อม ส.ส.ชุมพร เขต 1 และ เลือกตั้งซ่อม ส.ส.กทม. เขต 9 รวมทั้งหมด 3 เขต สองเขตแรกอยู่ในพื้นที่ภาคใต้ กำหนดวันหย่อนบัตรตรงกับวันที่ 16 ม.ค.65 

น่าสังเกตว่า ที่ผ่านมาพรรคแกนนำรัฐบาล ส่งผู้สมัครลงชิงชัยในทุกพื้นที่ แถม “พปชร.” ก็สามารถคว้าชัยในทุกสนามแข่งขัน แม้ว่าบางพื้นที่จะ เป็นที่นั่งเดิมของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ดูเหมือนแกนนำพปชร. จะไม่สนใจ มักอ้างเป็นการแข่งขันตามระบอบประชาธิปไตย ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลอย่าง “ปชป.” ซึ่งกลายเป็นคู่แข่งในสนามเลือกตั้ง ก็มักตั้งคำถามเพื่อนร่วมงาน เรื่อง มารยาทพรรคร่วมรัฐบาล อยู่เสมอๆ  

แม้กระทั่งในพื้นที่ที่เป็นเขตอิทธิพล “ระบอบทักษิณ” การเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดขอนแก่น รวมถึงการเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดนครศรีธรรมราช “พปชร.” ก็คว้าชัยชนะได้เหนือความคาดหมาย เลยอาจทำให้แกนนำพรรคร่วมรัฐบาลมีความฮึกเหิมเฮิม ถึงขั้น “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงศ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ประกาศว่า การเลือกตั้งซ่อมทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง พปชร.จะแพ้ไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ในการเลือกตั้งซ่อมบางพื้นที่ ก็มีกระแสข่าวแกนนำพปชร.ต้องการให้บทเรียนนักการเมืองบางคน เช่นกรณี “นายเทพไท เสนพงศ์” อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคปชป. ซึ่งมักออกมาวิจารณ์การทำงานฝ่ายบริหาร ทั้งๆ ที่มีสถานะเป็นพรรคร่วมรัฐบาล

ขณะที่ในส่วนการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งกำลังจะเกิดขึ้น เริ่มตั้งแต่เขต 1 จังหวัดชุมพร พรรคปชป.ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ส่ง “นายอิสรพงษ์ มากอำไพ”  เลขาฯนายก อบจ.ชุมพร ลงชิงชัยในการสู้ศึก มี “พปชร.” เป็นคู่ท้าชิง ซึ่งส่ง “นายชวลิต อาจหาญ” หรือ “ทนายแดง”

น่าสังเกตว่า การหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ “พล.อ.ประวิตร” ลงไปเป็นแม่ทัพุคุมการหาเสียงด้วยตนเอง สะท้อนให้เห็นว่า หัวหน้าพรรคพปชร.ไม่ได้พูดแค่ให้เป็นข่าว แต่หวังผลจริงจังในการเลือกตั้ง 

ขณะที่ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” เลขาธิการพปชร. ซึ่งเดินทางไปร่วมหาเสียงกับ “บิ๊กป้อม” ได้ขึ้นเวทีปราศรัยชั่วคราว หน้าสถานีรถไฟสวี อ.สวี จ.ชุมพร เมื่อวันที่ 7 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยย้ำว่า “วันนี้มาในนามครอบครัวพปชร. จึงไม่สามารถอยู่นิ่งได้ ที่จะต้องมาช่วยขึ้นเวทีปราศรัยช่วยทนายแดง และวันนี้ก็ได้ร่วมประชุมหารือกับพล.อ.ประวิตร หัวหน้าพรรคแล้ว และมีฉันทามติว่า พรรคจะแพ้ไม่ได้ วันที่ 16 ม.ค หวังว่าทนายแดงจะได้ชัยชนะแน่นอน”

อันที่จริงใครตามข่าว ก็คงรู้ การเลือกตั้งซ่อมใน 3 เขตเลือกตั้ง ในส่วนการจัดทัพของพรรคแกนนำรัฐบาล มีความแตกต่างจากอดีตที่ผ่านมา เนื่องจาก “ผู้กองคนดัง” ไม่ได้เข้ามารับตำแหน่ง ผอ.การเลือกตั้ง เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แต่มอบหมายให้แกนนำพปชร.ขั้วต่างๆ มาทำหน้าที่  โดยผอ.เลือกตั้งซ่อมจังหวัดชุมพร มอบหมาย “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ส่วนจังหวัดสงขลาเป็นหน้าที่ “สุชาติ ชมกลิ่น” รมว.แรงงาน

ขณะที่เขต 9 กทม. “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม​ (ดีอีเอส) เข้ามาทำหน้าที่ดูแลการเลือกตั้ง ซึ่งก็เป็นไปตามข้อเสนอ “ร.อ.ธรรมนัส” ด้วยต้องการกระจายอำนาจ ให้ทุกฝ่ายได้มีส่วนร่วม ในการทำหน้าที่สำคัญ

หลายคนเชื่อว่า “ร.อ.ธรรมนัส” ต้องการลดความขัดแย้งในพรรค หลังถูกต่อต้านจากแกนนำกลุ่มต่างๆ ในพรรค ถึงขั้นเสนอให้ปรับโครงสร้างพรรค หลังเกิดควันหลงจาก ศึกอภิปรายไม่วางใจ หนล่าสุด เมื่อปรากฏข่าว มีความพยายามหักหลังหัวหน้ารัฐบาล จนทำให้ “ผู้กองคนดัง” ต้องหลุดจากตำแหน่งรัฐมนตรี แต่ที่น่าสังเกต เมื่อไม่นานมานี้ “เลขาธิการพรรคพปชร.” ให้สัมภาษณ์ พร้อมจะพูดคุยกับทุกฝ่าย เพื่อยุติปัญหาความชัดแย้ง และร่วมมือกับทุกฝ่าย เพื่อให้พรรคพปชร.เดินไปข้างหน้าต่อไป นอกจากนี้ “เลขาธิการ พปชร.” ยังเดินทางไปช่วยหาเสียงในทุกพื้นที่  

ผลพวงจากปรากฎการณ์ดังกล่าว อาจเป็นเพราะ “ร.อ.ธรรมนัส” รู้ว่า “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี ยังได้รับการสนับสนุนจาก “บุคคลที่มีบทบาทสำคัญในบ้านเมือง” เลยไม่อยากสร้างปัญหาให้เกิดขึ้นอีก นอกจากนี้สื่อบางสำนักยังรายงานว่า หัวหน้ารัฐบาลได้ทำเข้าใจกับเลขาธิการพรรคพปชร. ในระดับหนึ่งแล้ว   

อย่าลืม ตำแหน่งรัฐมนตรีที่ “พล.อ.ประยุทธ์” ริบคืนจาก “ร.อ.ธรรมนัส” และ “นางสาวนฤมล ภิญโญสินวัฒน์” ทั้ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ และรมช.แรงงาน หัวหน้ารัฐบาลยังไม่ได้แต่งตั้งใครเขามาทำหน้าที่  บางทีอาจรอผลเลือกตั้งซ่อม ที่ปรากฏขึ้นในไม่อีกกี่วันข้างหน้า ซึ่งนายกฯอาจตัดสินในเรื่อง ที่หลายคนคาดไม่ถึง

ขณะที่การเลือกตั้งซ่อมที่จังหวัดสงขลาเขต 6 ซึ่งเป็นการต่อสู้ระหว่างสองพรรคร่วมรัฐบาลเช่นเดียวกัน “พปชร.” และ “ปชป.” นั้น พรรคแกนนำรัฐบาลน่าจะมีภาษีมากกว่า เนื่องจาก “ถาวร เสนเนียม” อดีตส.ส. พรรคปชป. ซึ่งเป็นเจ้าของพื้นที่เดิม ให้การสนับสนุน “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” ผู้สมัครพรรคนำแกนนำรัฐบาลอย่างเต็มตัว

แม้ “น้องน้ำหอม-สุภาพร กำเนิดผล” ผู้สมัครจากพรรค ปชป. จะได้แรงหนุนจาก “เดชอิศม์ ขาวทอง” รองหัวหน้าพรรคปชป. ซึ่งดูแลพื้นที่ภาคใต้ และต้องาการพิสูจน์บารมี แต่กรณี “เดชอิศม์” ไปแสดงท่าทีบางอย่าง เลยทำให้แกนนำพรรคการเมืองเก่าแก่บางคนไม่พอใจ จนไม่ได้ทุมเท่ช่วยหาเสียงเท่าที่ควร

ผิดกับ “พปชร.” ที่ระดมสรรพกำลัง แกนนำกลุ่มต่างๆ ช่วยเหลือผู้สมัครอย่างเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนก็ตาม แม้กระทั่ง “พล.อ.ประวิตร” ยังโชว์บทปราศรัย ในระหว่างการหาเสียงที่จังหวัดสงขลา เล่นเอาหลายคนทึ่ง เมื่อกล่าวว่า….“วันนี้มาพบพี่น้องชาวใต้ด้วยความชื่นชมยินดี ที่พี่น้องประชาชนมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก จึงอยากบอกว่า พรรคพปชร.ใจถึงพึ่งได้ และรักคนใต้มากที่สุด ยืนยันว่า พรรคจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชา เห็นได้จากผลงานที่เป็นพรรคแกนนำในรัฐบาลนี้มา 3 ปีและกำลังเข้าสู่ปีที่ 4 เราได้ทำโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนนหนทางเดินทางสัญจรและขนส่งสินค้าสะดวกมากขึ้น รวมถึงโครงการอื่นๆ อีกมาก ได้ริเริ่มทำเพื่อประชาชนทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนมีความสุขและอยู่ดีกินดีขึ้น ขอให้เชื่อมั่นพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน”

“พรรคพปชร. เราไม่ใช่ พรรคเฉพาะกิจ เราเป็นพรรคมาจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และเราจะเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลต่อไปตามที่ประชาชนได้สนับสนุนอย่างมากมาตลอดและต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น ทุกคนที่มาวันนี้ขอให้เชื่อมั่นในพรรค เชื่อมั่นในผู้สมัครส.ส.ของพรรค คือ น้องโบ๊ต เบอร์ 3”

หรือมีเหตุผลบางอย่างที่ทำให้ “พปชร.” มอง “ปชป.” เหมือนไม่ใช่เพื่อนร่วมงาน เช่น 1.สมาชิกพรรคปชป.บางคน ชอบเล่นบท เอาดีใส่ตัว-เอาชั่วให้คนอื่น 2.วิพากษ์วิจารณ์หัวหน้ารัฐบาล และพยายามกดดันให้เร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ (รธน.) และ 3.มีดีลลับกับพรรค พท. จะจับมือกันตั้งรัฐบาลร่วมกันในอนาคต โดยมีข่าว “โทนี่ วู้ดซัม” เสนอเงื่อนไขกับแกนนำพปชร. เปิดทางให้ “พล.อ.ประวิตร” เลือกนายกรัฐมนตรี ส่วน “พรรคพท.” ขอดูแลกระทรวงเศรษฐกิจ

บางทีผลการเลือกตั้งซ่อมอาจจะชี้ทิศทางรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ในอนาคต โดยเฉพาะในพื้นที่เมืองหลวง ซึ่งแม้จะช่วงชิงเก้าอี้ส.ส.เพียงหนึ่งเดียว แต่ผลพวงที่เกิดขึ้น ก็มักถูกนำไปขยายผลโดยฝ่ายที่กำชัยชนะ เพื่อสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ยิ่งหัวหน้าพรรคยังต้องฟันฝ่าวิกฤติอีกหลายด่าน

สำคัญที่สุดคือ การอภิปรายไม่ไว้วางใจ เมื่อถึงช่วงเวลานั้น อาจมีเหตพลิกผันทางการเมือง  เพราะ “โทนี่” ออกมาบอกแล้วว่า ในปี 2565 มีโอกาส กลับบ้านเกิดเมืองนอน ถ้าคำพูดประโยคนี้ ไม่ใช้แผนเสี้ยม ก็คงมีการต่อรองกับ “ใครบางคน” ไว้แล้ว

……………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img