วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSบทพิสูจน์“เลือดข้นกว่าน้ำ” 3 ป.สงบศึก “บิ๊กตู่”ขอไปต่อ
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

บทพิสูจน์“เลือดข้นกว่าน้ำ” 3 ป.สงบศึก “บิ๊กตู่”ขอไปต่อ

ม่รู้จะเป็นตามสำนวน คนที่ยึดถือความสัมพันธ์เป็นพี่เป็นน้อง ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จะตัดไม่ตายขายไม่ขาด “เลือดข้นกว่าน้ำ” เหมือนความสัมพันธ์ของ พี่น้อง “3ป.”

แม้จะมีข่าวคราวในทำนอง มีปัญหาระหองระแหงกันมาอย่างต่อเนื่อง แต่ในที่สุดก็จบลงด้วยการพูดคุยการเจรจา  เหมือนใครชอบเทียบกับหนังไทยที่ยึดสไตล์ “ตบจูบๆ” แต่จะว่าไป ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อย้อนไปดูความสัมพันธ์ของ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ-“บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา  และ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ซึ่งแนบแน่นกันมาอย่างนาน นับตั้งแต่รับราชการในกองทัพ อยู่ในรหัส “บูรพาพยัคฆ์” จนเดินเข้ามาสู่เส้นทางการเมือง

เมื่อวันที่ 4 มี.ค. “พล.อ.ประยุทธ์” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ได้เดินทางไปยังมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด เพื่อรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันกับ “พล.อ.ประวิตร” รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ พล.อ.อนุพงษ์ รมว.มหาดไทย

มีรายงานข่าวว่า การรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพบปะกันตามประสาพี่น้องแล้ว คาดว่าได้มีการพูดคุยถึงการ เตรียมการประชุมพรรค พปชร. ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการกำหนดช่วงเวลาและสถานที่ โดยจะต้องเตรียมเรื่องของบุคคล ที่จะเข้าทำหน้าที่ในพรรค หลังมีการเปลี่ยนแปลง เพื่อเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ทางการเมือง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ

ทันทีที่หัวหน้ารัฐบาลเดินทางมาถึงมูลนิธิป่ารอยต่อฯ “บิ๊กป้อม” ขอให้ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากห้อง เพื่อพูดคุยกัน เฉพาะ 3 คนพี่น้องเท่านั้น โดยบรรยากาศการรับประทานอาหารกลางวันร่วมกันครั้งนี้ เป็นไปอย่างชื่นมื่น “บิ๊กป้อม” ในฐานะพี่ใหญ่แห่ง 3 ป. ลงมือทำผัดกุ้งกระเทียมด้วยตนเอง ภายในครัวมูลนิธิป่ารอยต่อฯ

ในระหว่างรับประทานอาหาร “พล.อ.ประวิตร” ยังได้ตักกุ้งให้กับ “พล.อ.ประยุทธ์” และร่วมพูดคุยอย่างชื่นมื่น ซึ่งใช้เวลาร่วมกันประมาณ 1 ชั่วโมง ซึ่งมีรายงานว่า ครั้งนี้ “น้องเล็กแห่ง 3 ป.” รับประทานทานอาหารได้เยอะกว่าทุกครั้ง และก่อนเดินทางกลับทำเนียบรัฐบาล “พล.อ.ประยุทธ์” ได้กอดกับบิ๊กป้อม อย่างแนบแน่น

วันต่อมา ยังมีรายงานข่าวระบุว่า สำหรับความเคลื่อนไหวในการ จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 พรรค พปชร. โดยกำหนดไว้วันที่ 20 มี.ค.นี้ พรรคได้แจ้งกำหนดประชุม เพื่อรับทราบรายงานผลการดำเนินงานในรอบปีของพรรค รวมถึงวาระอื่นๆ โดยพรรคได้แจ้งให้สมาชิกพรรครับทราบ กำหนดประชุมในวันที่ 20 มี.ค.นี้ ที่ โรงแรมแคนทารี จ.นครราชสีมา โดย “พล.อ.ประวิตร” จะเดินทางเข้าร่วมประชุม

แต่ล่าสุดพรรค พปชร. ได้แจ้ง เลื่อนวันประชุมพรรค ออกไปเป็นวันที่ 3 เม.ย.เนื่องจากมีสมาชิกบางส่วน มีภารกิจ โดยยังเป็น ที่โรงแรมแคนทารี จ.นครราชสีมา เช่นเดิม

รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2565 น่าจับตาไปที่การปรับโครงสร้างพรรค โดยเฉพาะกระแสข่าวที่ “พล.อ.ประยุทธ์” จะส่งบุคคลที่เป็น “สายตรง” มาร่วมในตำแหน่งครั้งนี้ด้วย ภายหลังจากที่ “3 ป.”  ได้ร่วมรับประทานอาหารกลางวันกันอย่างชื่นมื่น ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมา

สอดรับมีรายงานข่าว “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา อดีต ผบ.ตร. ซึ่งได้รับความความไว้วางใจ ทั้งจากพล.อ.ประยุทธ์และพล.อ.ประวิตร อาจเข้ามา รับตำแหน่งสำคัญ ในพรรค พปชร. หลังเข้ามาช่วยงานแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลอย่างต่อเนื่อง ซึ่งการที่หัวหน้ารัฐบาลจะส่งบุคคลที่เป็นสายตรงเข้ามาทำงานในพรรค พปชร. นั่นหมายความว่า “พี่น้อง 3 ป.” ได้เคลียร์ใจกันระดับหนึ่ง ซึ่งก่อนหน้านั้น หัวหน้ารัฐบาลได้ส่ง “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกฯ มาช่วยงานหัวหน้าพรรค พปชร.  ให้คำปรึกษาเรื่องรูปแบบปรับโครงสร้างพรรค 

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า / cr : พรรคเศรษฐกิจไทย

ที่ผ่านมามีข่าว “บิ๊กป้อม” ไม่พอใจนายกฯ กรณีสั่งปลด “ร.อ.ธรรมนัส  พรหมเผ่า” พ้นจากตำแหน่งรมช.เกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วย “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” รมช.แรงงาน อันเนื่องมาจาก คิดล้มหัวหน้ารัฐบาล ในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจ แม้กระทั่งการที่ “ผู้กองคนดัง” ต้องลาออกจากพรรค พปชร. ไปรวมขับเคลื่อน พรรคเศรษฐกิจไทย (ศกท.) ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ก็มีส่วนสำคัญในการเดินเกมครั้งนั้นด้วย  

นอกจากหัวหน้ารัฐบาลพยายามกระชับความสัมพันธ์ของ “พี่น้อง 3 ป.” แล้ว พล.อ.ประยุทธ์ยังได้อาสาขอรับเป็นเจ้าภาพ จัดงานเลี้ยง “ดินเนอร์” กับพรรคร่วมรัฐบาลที่สโมสรราชพฤกษ์ ถนนวิภาวดีฯ เมื่อวันที่ 8 มี.ค. โดยผู้ร่วมงานครั้งนี้ประกอบด้วย พล.อ.ประวิตร  “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง ในฐานะะเลขาธิการพรรคพปชร. “อนุทิน ชาญวีรกูล” รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข ในฐานะ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท. )

“ศักดิ์สยาม ชิดชอบ” รมว.คมนาคม และเลขาธิการพรรคภท. “วราวุธ ศิลปอาชา” รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) “ประภัตร โพธสุธน” รมช.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาฯพรรค ชทพ.จุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์” รองนายกฯ และรมว.พาณิชย์ ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์

ส่วน “เฉลิมชัย ศรีอ่อน” รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาฯพรรค ปชป. แจ้งว่าติดธุระจึงไม่ได้เข้าร่วมงาน  โดยมี “นิพนธ์ บุญญามณี “รมช.มหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคปชป. เข้าร่วมแทน   

เพราะก่อนหน้านั้นมีข่าวพรรคร่วมรัฐบาล จะจับมือกับฝ่ายค้านสกัด “ไพบูลย์ นิติตะวัน” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรค พปชร. ไม่ให้นั่งประธานกมธ.วิสามัญพิจารณา ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และ ร่าง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้น “บิ๊กป้อม” ประกาศว่าหนุน “ไพบูลย์” เป็นประธาน แต่สุดท้าย “สาธิต ปิตุเตชะ” รมช.สาธารณสุข จากพรรคปชป. ซึ่งฝ่ายค้านเป็นผู้เสนอชื่อ ได้รับผลักดันให้ทำหน้าที่สำคัญ

แม้กระทั่งภาพความขัดแย้งเรื่องการแปลง สัญญาสัมปทานโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว ซึ่งสังคมมองเป็นการประลองกำลังระหว่าง “กระทรวงคมนาคม” ที่อยู่ภายใต้การดูแลของพรรค ภท. กับ “กระทรวงมหาดไทย” ซึ่งมี “บิ๊กป๊อก” ดูแลอยู่ จนยังไม่มีการนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)

แต่สำคัญที่สุด ในช่วงเปิดสภาฯสมัยสามัญ รัฐบาลต้องเผชิญกับ ญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ  ซึ่ง “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นเป้าหมายหลัก ถือเป็นศึกซักฟอกครั้งสุดท้าย ก่อนสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบันจะหมดวาระ ซึ่งฝ่ายค้านต้องจัดหนักจัดเต็มแน่ แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือ เสียงสนับสนุนรัฐบาลมี 260 ส.ส. ตามที่กล่าวอ้างไว้หรือไม่

และถึงแม้หัวหน้าพรรค พปชร. จะออกมายืนยันหลายครั้งว่า 18 เสียงของพรรค ศกท. ยังหนุนรัฐบาล แต่ท่าที “ร.อ.ธรรมนัส” หลังตอบคำถามสื่อ ถึงตัวเลข 260 เสียง ที่จะหนุนพล.อ.ประยุทธ์ รวมถึงพรรค ศกท. ด้วยหรือไม่ว่า “260 เสียง ฝันไปหรือเปล่า ผมไม่ได้ว่าใครแต่เอาตัวเลขมาจากไหน ใครๆ ก็นับมือได้ แต่ไม่มีพรรค ศกท. อยู่ในนั้นแน่นอน” พร้อมทั้งกล่าวว่า ตั้งแต่ออกมาจากพรรค พปชร. ก็ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.ประวิตร รวมถึงไม่ค่อยได้คุยกับใครด้วย เพราะเดินสายลงพื้นที่ต่างจังหวัดตลอด หรือเป็นเพราะหัวหน้ารัฐบาลไม่ยอมปรับครม. และนำเก้าอี้ 2 รัฐมนตรีช่วย ไปคืนให้กับ “บิ๊กป้อม” เพื่อนำไปให้พรรค ศกท เลยทำให้ “ผู้กองคนดัง” มีท่าทีแข็งกร้าว พร้อมยกมือสวนกับรัฐบาล

แต่นับจากนี้ไป ต้องจับตาท่าทีและการเคลื่อนไหวของ “พล.อ.ประยุทธ์” หลังพยายามกระชับความสัมพันธ์ 3 ป. ไม่ให้เป็นจุดอ่อนของเพื่อนร่วมงาน และพยายามฟื้นฟูความสัมพันธ์พรรคร่วมรัฐบาล ไม่ให้เป็นปัญหากับรัฐบาล ซึ่งต้องรับงานใหญ่ในฐานะ ประธานการประชุมกลุ่มเอเป

เหนือสิ่งอื่นใดคือ “นายกฯลุงตู่” ยังหวังลุ้นชิงเก้าอี้หัวหน้ารัฐบาลรอบ 3 หลังฝ่ายกฎหมายตรวจสอบอายุการดำรงตำแหน่งนายกฯ เพราะครบ 8 ปีในห้วงเวลา 2570

………………………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

                                                                                                                                                             

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img