วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“บิ๊กป้อม”ไม่รับ“มท.1”-เมินเก้าอี้นายกฯ หนุน“บิ๊กตู่”ผ่านเอเปค
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“บิ๊กป้อม”ไม่รับ“มท.1”-เมินเก้าอี้นายกฯ หนุน“บิ๊กตู่”ผ่านเอเปค

ใครตามความเคลื่อนไหวพรรคการเมืองขนาดเล็ก ที่กลายเป็นตัวแปรสำคัญ และมีผลต่อเสถียรภาพรัฐบาล  ท่ามกลางภาวะเสียงปริ่มน้ำ หลัง “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” แยกตัวออกไปเคลื่อนไหวในนาม “พรรคเศรษฐกิจไทย” (ศท.) ซึ่งเดินทางเข้าพบ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เมื่อช่วงเย็นวันที่ 14 มี.ค. 65 ที่ผ่านมา น่าจะช่วยมองภาพการเมืองในอนาคตได้ดีพอสมควร

การหารือระหว่าง “หัวหน้าพรรคพปชร.” กับ “กลุ่มพรรคเล็ก” ครั้งนี้ ใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมง มีรายงานระบุว่า ช่วงหนึ่ง “พล.อ.ประวิตร” ขอให้ ส.ส.พรรคเล็ก นำข้าวสารไปแจกประชาชนที่เดือดร้อนในพื้นที่ อีกทั้งยังพูดถึงสถานการณ์ทางการเมือง โดยระบุว่า “ขอให้รอยุบสภาในช่วงปลายปีนี้” แต่ไม่ได้พูดถึงเรื่องบัตรเลือกตั้ง รวมทั้งได้กำชับขอความร่วมมือ ให้ทุกพรรคไปร่วมรับประทานอาหารค่ำกับพล.อ.ประยุทธ์ในวันที่ 17 มี.ค.นี้โดยพร้อมเพรียงกัน

พร้อมกันนี้ “หัวหน้าพรรคพปชร.” ยังยืนยันจะดูแลพรรคขนาดเล็กด้วยตนเอง พร้อมยังได้ถามบรรดาพรรคเล็ก ในระหว่างร่วมรับประทานอาหารกับ “ร.อ.ธรรมนัส” นั้น แกนนำพรรค ศท. ได้สั่งการให้พรรคเล็กยกมือสวนทางกับรัฐบาล ในญัตติที่มีความสำคัญ เพื่อหวังล้มรัฐบาลด้วยหรือไม่ โดยได้รับคำตอบว่า “ผู้กองคนดัง” ไม่ได้สั่งการให้ทำอย่างนั้น บอกเพียงว่า ให้ฟังพล.อ.ประวิตรเพียงคนเดียว

พรรคเศรษฐกิจไทยลงพื้นที่คลองเตย / cr : พรรคเศรษฐกิจไทย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่หัวหน้ารัฐบาลและหัวหน้าพรรค พปชร. เกิดความกังวล นำมาสู่การนัดพูดคุยกับพรรคขนาดเล็กในวันที่ 17 มี.ค. น่าจะมาจากคำให้สัมภาษณ์ “ร.อ.ธรรมนัส” อดีตเลขาธิการพรรคพปชร. ที่นัดพรรคการการเมืองเล็ก เมื่อวันที่ 11 มี.ค. ซึ่งถูกมองว่า เป็นการนัดหมายตัดหน้าหัวหน้ารัฐบาล ที่มีคิวพบปะพรรคที่มีส.ส.ไม่ถึงสิบคน  

นอกจากนี้ ยังยังตอบคำถามสื่อ กรณีพล.อ.ประวิตรยืนยันกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลบนโต๊ะอาหารค่ำเมื่อวันที่ 8 มี.ค. ที่ผ่านมาว่า พรรคศท.ยังให้การสนับสนุนพรรคร่วมรัฐบาลว่า ไม่ได้ใส่ใจ เราทำการเมืองต้องมีอุดมการณ์เป็นของตัวเอง ไม่ใช่ชักเข้าชักออก เป๋ไปเป๋มา แล้วความหวังของชาติบ้านเมืองจะฝากไว้ได้อย่างไร

ทุกวันนี้ทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล ควรหันมาสนใจ ความเดือดร้อนของประชาชน หลายพื้นที่ส.ส.ไม่ลงพื้นที่และไม่ใส่ใจความเดือดร้อน แต่เป็นเรื่องที่น่าอเนจอนาถใจ อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าวันนี้จะมีส.ส.มาร่วมรับประทานอาหารไม่ต่ำกว่า 10 คน 

คำพูดดังกล่าวถูกตีความว่า ต้องการสื่อสารให้กระทบไปถึง หัวหน้าพรรคพปชร. ในทำนองจุดยืนเปลี่ยนแปลงไปมา เนื่องจากในช่วงที่มีข่าว อดีตเลขาธิการพรรค พปชร.เคลื่อนไหวรวมกับ “นายหญิง” เพื่อหวังล้ม “หัวหน้ารัฐบาล” ในระหว่างมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งที่ผ่านมา ก็จะผลักดัน “บิ๊กป้อม” ให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี  โดย พรรค พปชร.และ พรรคเพื่อไทย (พท.) จะจับมือจัดตั้งรัฐบาล

แต่แผนเกิดแตก เนื่องจากแกนนำพรรคเล็ก และผู้มีตำแหน่งสำคัญในพรรค พปชร. นำเรื่องไปแจ้งให้หัวหน้ารัฐบาลรับรู้ นำมาสู่การแก้เกมของ “พล.อ.ประยุทธ์” และ “ร.อ.ธรรมนัส” ถูกปลดพ้นจากตำแหน่ง รมช. เกษตรและสหกรณ์ ในเวลาต่อมา และยังกดดันให้ “ผู้กองคนดัง” พ้นจากตำแหน่งเลขาธิการพรรค พปชร.

ในส่วนการนัดพรรคการเมืองขนาดเล็ก “ดินเนอร์” กับนายกฯ ที่สโมสรราชพฤกษ์ หลังนัดหารือพรรคแกนนำรัฐบาลไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งการพบปะกันครั้งนั้น ไม่มีตัวแทนพรรคขนาดเล็ก ที่ช่วยยกมือสนับสนุนรัฐบาลอยู่ 12 เสียง เข้าร่วมหารือ นำมาสู่เสียงตัดพ้อ ไม่พอใจหัวหน้ารัฐบาล ทำนองว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่เห็นหัวเพื่อนรวมงาน ที่คอยให้การสนับสนุนอยู่

แต่ถือเป็นข่าวดีของหัวหน้ารัฐบาล เพราะในระหว่าง “ร.อ.ธรรมนัส” หารือกับพรรคขนาดเล็ก ก็ยังไม่สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น ยังเดินตามแนวทางของ “พล.อ.ประวิตร” คือต้องสนับสนุนรัฐบาล ซึ่ง “ผู้กองคนดัง” ก็ขอให้บรรดา ส.ส. ยึดตามตวามเห็นและจุดยืนหัวหน้าพรรค พปชร. พร้อมทั้งขอร้องให้พรรคขนาดเล็ก ออกเสียงตามคำร้องของ “บิ๊กป้อม” ซึ่งท่าทีดังกล่าว ทำให้อำนาจต่อรองและสถานภาพของ “หัวหน้าพรรคพปชร.” สูงล้น นั่นหมายความว่า เสียงของพรรค ศท. และพรรคขนาดเล็ก…ยังอยู่กับรัฐบาล

นอกจากนี้ “พล.อ.ประวิตร” ยืนยันกับ “หัวหน้ารัฐบาล” ไม่จำเป็นต้องปรับครม. หลังมีข่าว นายกฯจะมอบตำแหน่ง “รมว.มหาดไทย” ให้กับ “บิ๊กป้อม” และผลักดันให้ “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ไปดำรงตำแหน่ง “รมว.กลาโหม” แทน ด้วยเกรงว่าจะเกิดปัญหาแทรกซ้อน และส.ส.บางพรรค เรียกร้องตำแหน่งรัฐมนตรี

พี่น้อง 3 ป.

อย่าลืมเมื่อวันที่ 4 มี.ค. มีการหารือในหมู่พี่น้อง “3 ป.” บิ๊กป้อม-บิ๊กป็อก และ พล.อ.ประยุทธ์ ที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ สำนักงานของพล.อ.ประวิตร โดยการพูดครั้งนี้ เป็นการหารือลับแบบ “ปิดห้องคุย” กันเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น  โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น และมีการร่วมรับประทานอาหารร่วมกัน โดยเมนูพิเศษคือ กุ้งอบกระเทียม “บิ๊กป้อม” ถึงกับลงมือปรุงด้วยตัวเองในห้องครัวอีกด้วย แถมยังมีรายงานด้วยว่า “พล.อ.ประยุทธ์” รับประทานอาหารได้มากเป็นพิเศษ

ด้าน “พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหัวหน้าพรรคไทรักธรรม (ทธ) ระบุถึงการหารือกับพล.อ.ประวิตร เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ว่า หัวหน้าพรรคพปชร.ได้สอบถามถึงการไปร่วมรับประทานอาหารกับร.อ.ธรรมนัส ว่าจะรวมกลุ่มเพื่อล้มนายกฯหรือไม่ ซึ่งพรรคเล็กที่เข้าร่วม ต่างยืนยันว่า ไม่ได้พูดคุยเรื่องนี้แต่อย่างใด นอกจากนี้พล.อ.ประวิตรยังยืนยันชัดเจนว่า จะไม่ปรับ ครม.แล้ว แม้นายกฯต้องการปรับก็ตาม เพราะถ้าทำ ก็อาจเกิดความขัดแย้งอีก

“ในวันที่ 17 มี.ค.เตรียมขอให้นายกฯ ช่วยดูเรื่องบำนาญผู้สูงอายุ ซึ่งพล.อ.ประวิตรก็สนับสนุนว่าเป็นเรื่องที่ดี และยังสามารถนำไปต่อยอดในการหาเสียงได้อีกด้วย รวมทั้งจะสอบถามนายกฯ ด้วยว่าจากนี้จะมีใครดูแล ส.ส.พรรคเล็ก เพราะที่ผ่านมามี ร.อ.ธรรมนัส แต่ตอนนี้ไม่มีจึงรู้สึกเคว้ง เวลาประชาชนเดือดร้อนก็ ไม่รู้ว่าจะบอกใคร” นายพีระวิทย์ระบุ

ส่วน “พล.อ.ประวิตร” ให้สัมภาษณ์ถึงการหารือกับพรรคขนาดเล็ก ที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ถึงการยุบสภาหลังการประชุมเอเปค ช่วงปลายปี 65 ว่า “เรื่องการยุบสภาผมพูดเอง พอจบเอเปคแล้วรัฐบาลก็ว่างแล้ว ถ้าจะยุบก็ยุบได้ตอนนั้น ส่วนจะยุบหรือไม่ยุบก็ขึ้นอยู่กับนายกฯ” เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การประคับประคองพรรคร่วมรัฐบาลให้ไปถึงเวลานั้นจะยากลำบากหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ไม่ยากลำบาก ทุกคนโอเค และให้การสนับสนุนรัฐบาลกันหมด และในวันที่ 17 มี.ค.ทุกพรรคก็จะไปร่วมกันหมด และเชิญทุกพรรคไปร่วมงาน ส่วนพรรค ศท. ยังไม่ได้เป็นพรรค และยังไม่มีหัวหน้าพรรค แต่งานเลี้ยงเขาเชิญหัวหน้าพรรค เมื่อเขาตั้งพรรคเสร็จแล้ว ต่อไปก็เชิญ”

เมื่อถามว่า จากนี้ไปจะเข้ามาดูแลกลุ่มพรรคเล็กด้วยตัวเองหรือไม่ พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า “ดูแลมาตลอด ยืนยันไม่มีแตกแถว”

ขณะที่เมื่อวันที่ 13 มี.ค. ในระหว่างที่กลุ่มงานผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร จัดโครงการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรพบประชาชน ประจำปีงบประมาณ 2565 “ฝ่ายค้านรับฟังปัญหาทั่วไทยเพื่อประชาชน”

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว

ช่วงหนึ่ง “นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว” ส.ส.น่าน และ หัวหน้าพรรคพท. ในฐานะ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้ตอบคำถามประชาชนที่ถามว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางรัฐมนตรีเป็นรายบุคคลตามรัฐธรรมนูญ (รธน. ) มาตรา 151 จะล้มรัฐบาลได้หรือไม่ว่า 30 เสียงของร.อ.ธรรมนัส และพรรคการเมืองขนาดเล็ก จะมาเติมให้พรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งเป็นไปได้สูงมาก เห็นได้จากงานเลี้ยงรับประทานอาหารทั้ง 2 งาน มันบ่งชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนว่า จะมี 30 เสียงมาอยู่กับเรา เชื่อว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ สามารถล้มรัฐบาลได้ พร้อมทั้งจะเปิดช่องออนไลน์ ให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีร่วมกัน.

แต่เมื่อจุดยืน “ร.อ.ธรรมนัส” และ “พรรคขนาดเล็ก” ยังพร้อมรับสัญญาณจาก “หัวหน้าพรรคพปชร.” หมายความว่า พรรค พท. ก็ต้องปรับแผน ในเมื่อเล่นบทเสี้ยมให้เกิดสภาพ สนิมเกิดแต่เนื้อในตน” ไม่ได้ผล ก็ต้องแสดงศักยภาพในการหาข้อมูล เพื่อชี้ให้สังคมเห็นว่า หัวหน้ารัฐบาลมีพฤติกรรมทุจริตและคอรัปชั่นอย่างไรบ้าง

เหมือนกรณีการ ทุจริตโครงการรับจำนำข้าวแปลงที่ธรณีสงฆ์เป็นสนามกอล์ฟอัลไพน์ หรือ การผลักดันพ.ร.บ.นิรโทษกรรม ซึ่งทำให้นักการเมือง, ผู้นำรัฐบาล, รัฐมนตรี และบุคคลที่มีตำแหน่งสำคัญ ต้องติดคุกติดตารางมาแล้ว  

อยู่ที่ “ฝ่ายค้าน” จะทำได้หรือไม่ หลังล้มเหลว จากการทำศึกซักฟอก 2 ครั้งที่ผ่านมา 

………………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img