วันศุกร์, เมษายน 19, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSถูกโดดเดี่ยว...ต้องเผชิญวิบากกรรม  “ก้าวไกล”เดินหน้าขอแก้ไข ม.112
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

ถูกโดดเดี่ยว…ต้องเผชิญวิบากกรรม  “ก้าวไกล”เดินหน้าขอแก้ไข ม.112

เช็คข้อมูลผ่านเว็ปไซค์พรรคก้าวไกล (กก.) เลยรู้ว่า จำนวนส.ส. พรรคน้องใหม่มีอยู่ 50 คน ซึ่งถือว่าไม่มากไม่น้อยจนเกินไป ยังมีสิทธิ์เสนอกฎหมายได้ด้วยตนเอง มีบทบาทในการเคลื่อนไหวทั้งในและนอกสภาฯ หลังเผชิญวิบากกรรม อันเนื่องจาก “อนาคตใหม่” (อนค.) ถูกยุบพรรค

แต่การประกาศตั้งเป้าในการเลือกตั้งครั้งหน้า ระหว่างการประชุมสามัญประจำปี 2565 ของพรรค กก. “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ผู้นำพรรคน้องใหม่ทางการเมือง ยืนยันต้องได้เก้าอี้ส.ส.ในสภาฯ 100 ที่นั่ง  คงต้องบอกไม่ใช้เรื่องง่าย เมื่อย้อนไปดูการเตรียมความพร้อมของพรรคต่างๆ  โดยเฉพาะ “เพื่อไทย” (พท.) ซึ่งว่ามีฐานเสียงเดียวกัน

อย่าลืมว่า แกนนำพรรคฝ่ายค้านประกาศชัด “พท.” ต้องแลนด์สไลด์เท่านั้น ได้ส.ส. เกิน 250 เสียงขึ้นไป เพื่อเอาชนะเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งมีอยู่ 250 เสียง   

นั่นหมายความว่า พรรคที่มีฐานเสียงเดียวกัน ชูเรื่องความเป็นประชาธิปไตย เอาใจชนชั้นรากหญ้า จะเหลือจำนวนส.ส. ซักเท่าไหร่ ภายหลังการเลือกตั้ง เพียงแต่ว่าพรรค กก. ที่มีรากเหง้ามาจาก “อนค.”  ดูจะได้ใจนักเคลื่อนไหว เจ้าของสัญลักษณ์ 3 นิ้วมากว่า เนื่องจากมีความมุ่งมั่นกับการสนับสนุนแนวคิดปฏิรูปสถาบัน ซึ่งก่อนหน้านั้นแกนนำพรรค พท.ประเมินว่า การเลือกตั้งครั้งหน้า พรรค กก.จะได้ส.ส. ประมาณ 20 นั่ง

รังสิมันต์ โรม cr : พรรคก้าวไกล – Move Forward Party

ขณะที่ “รังสิมันต์ โรม” ส.ส.บัญชีรายชื่อ กล่าวบนเวทีในวาระรับตำแหน่ง โฆษกพรรคคนใหม่ โดยวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองตอนหนึ่งว่า “ทุกคนในสภารู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศ แต่ที่เกิดขึ้นตลอดคือ ความกลัวมันกัดกินสภา ทำให้นักการเมืองที่ควรเป็นตัวแทนประชาชน กลับต้องไปสยบศิโรราบกับคนชั้นนำไม่กี่คน

ทำให้ข้าราชการดีๆ อย่าง “พล.ต.ต.ปวีณ พงศ์สิรินทร์” อดีตรองผบช.ภ. 8 หัวหน้าพนักงานสอบสวนคดีค้ามนุษย์โรฮีนจา ต้องลี้ภัย ถ้าไม่ทลายทุนผูกขาด ปฏิรูปกองทัพ ไม่จัดวางสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เหมาะสม ต่อระบอบประชาธิปไตย คนอย่าง พล.ต.ต.ปวีณไม่มีวันได้กลับบ้านเกิดอย่างแน่นอน นี่คือภารกิจของพรรคก้าวไกล ถ้าเราล้มเหลว อาจจะเห็นลูกหลาน เป็นผู้ลี้ภัยคนต่อไป จะมีคนในครอบครัวเราถูกตามล่า เราจะยอมให้ล้มเหลวหรือไม่ ถ้าไม่ยอมก็ต้องเลือกก้าวไกลทั้งแผ่นดิน”

อีกตอนหนึ่งระบุว่า “ที่ผ่านมา 80 กว่าปี ที่เรามีประชาธิปไตย ถามว่ามันไม่มีคนเสนอนวัตกรรม หรือนโยบายทางเศรษฐกิจที่ดีหรือ แต่ที่ประเทศไทยไม่เปลี่ยนไปเพราะมันเจอ ‘ตอ’ ถ้าไม่เรียกความกล้าหาญของนักการเมืองแล้วจะเปลี่ยนประเทศได้อย่างไร ความกล้าหาญจึงเป็นคุณสมบัติขั้นพื้นฐานของนักการเมือง

พอได้แล้วกับการปล่อยให้ประชาชนต่อสู้อย่างโดดเดี่ยว พอได้แล้วกับการหวงที่นั่ง พอได้แล้วกับความรู้สึกว่าสู้ๆ ไปเดี๋ยวก็ถูกยุบพรรค แล้วจะมีพรรคการเมืองทำไม ถ้าไม่คิดจะทำอะไร ถ้ากลัวก็จงอย่ามาเป็นนักการเมือง พูดอย่างนี้ไม่ใช่จะบอกว่า คนที่จะมาลง ส.ส.ก้าวไกล ทุกคนต้องพูดเรื่องสถาบันฯ พูดเรื่องป่ารอยต่อ ตั๋วช้าง คนๆ นั้นอาจจะพูดเรื่องสิ่งแวดล้อม สวัสดิการ ความเท่าเทียมทางเพศก็ได้ แต่สิ่งพื้นฐานที่ต้องมี คือ ไม่กลัว”

จับสัญญาณการแสดงออกของโฆษกคนใหม่ของพรรค กก. ก็คงเดาได้ว่า การเมืองต่อจากนี้ จะดุเดือด และเข้มข้นมากขึ้นแน่นอน อย่าลืมที่ผ่านมา “รังสิมันต์” มักออกมาเปิดปมในประเด็นร้อน เวลารับบทอภิปรายไม่ไว้วางใจ หรือเรื่องต้องสื่อสารกับสาธารณชน ทั้งเรื่องการใช้พื้นที่มูลนิธิบ้านรอยต่อ กรณีตั๋วช้าง หรือล่าสุดขบวนการค้ามนุษย์ ซึ่งเกือบทุกประเด็นพยายามโยงใย ให้เกี่ยวข้องกับปมละเอียดอ่อนเกือบทั้งสิ้น ซึ่งหลายครั้งมักจบลง ด้วยการถูกฟ้องร้องดำเนินคดี

พริษฐ์ วัชรสินธุ cr : พรรคก้าวไกล – Move Forward Party

ขณะที่ “พริษฐ์ วัชรสินธุ” หรือ “ไอติม” ที่ได้รับแต่งตั้งเป็น ผู้จัดการการสื่อสารและการรณรงค์นโยบายพรรค กก. ก็ยืนยันชัดเจนว่า พรรคจะเดินหน้าแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นบทบัญญัติที่คุ้มครองสถาบันพระมหาพระมหากษัตริย์ ไม่ให้ถูกล่วงละเมิด

โดยในระหว่างการตอบคำถามสื่อบางสำนัก เมื่อถูกถามว่า พรรค กก. ผ่านบทเรียนก็เยอะพอสมควร นโยบายที่เคยเป็นประเด็นสายล่อฟ้า เช่น แก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ยังจะมีอยู่หรือไม่ หรือจะพักไว้ก่อน นายพริษฐ์ กล่าวว่า ยังจะมีอยู่ โดยหัวหน้าพรรค กก.ได้ยืนยัน และประกาศบนเวทีที่ประชุมใหญ่แล้ว เราต้องยืนยันว่า กฎหมายฉบับไหน ไม่ว่าเรื่องไหนก็ตาม เป็นปัญหาอย่างไร ต้องดำเนินการแก้ไข เพราะฉะนั้นไม่ได้มีการเปลี่ยนทิศทางอะไร

“พรรค กก.ต้องยืนยันว่า อะไรเป็นปัญหา ต้องแก้ไขตรงไปตรงมา สิ่งที่เป็นข้อเท็จจริงข้อมูลพูดตรงไปตรงมา ละเอียดอ่อนมากน้อยแค่ไหน ถ้าสื่อสารตรงไปตรงมา แก้ไขเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีที่สุด สำหรับ คุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน จำเป็นต้องทำทุกเรื่อง”ผู้จัดการการสื่อสารฯ พรรค กก. กล่าวและว่า ไม่คิดว่า ประเด็นนี้จะเป็นข้อจำกัด ในการขยายมวลชน เชื่อว่าประชาชนหลายคนเห็นว่า มีปัญหาต้องแก้ไขจริง ไม่ว่าความหนักของโทษ จำคุก 3-15 ปี สูงมาก และเป็นการขยายแนวร่วมเพิ่มติมขึ้นด้วยซ้ำ

อันทีจริงในช่วงที่ผ่านมา ใครตามความเคลื่อนไหวพรรค กก.จะเห็นว่า เวลาแนวร่วมม็อบราษฎร บรรดานักเคลื่อนไหว ที่เรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบัน ทำกิจกรรมเข้าข่ายผิดกฎหมาย ถูกดำเนินคดีอาญาตามมาตรา 112 จะเห็นภาพบรรดา ส.ส.พรรค กก.ไปให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย หาช่องทางช่วยประกันตัวอย่างเต็มที่

จึงต้องถือว่า “พรรค กก.” ไม่เคยทอดทิ้งมวลชน ผิดกับ “พรรค พท.” แม้พยายามเกาะกระแสบรรดานักเคลื่อนไหว ที่มีข้อเรียกร้องละเอียดอ่อน แต่ก็ยังไม่กล้าร่วมหัวจมท้ายอย่างเต็มตัว หลังจากเผชิญบทเรียนจาก “พรรคไทยรักษาชาติ” (ทษช.) ซึ่งเป็นพรรคสาขา มีการดึง “บุคคลชั้นสูง” เข้ามาทำงานการเมือง จนในที่สุดศาลรัฐธรรมนูญ (รธน.) ตัดสินยุบพรรค ด้วยบทลงโทษร้ายแรง จึงอาจทำให้พรรคแกนนำฝ่ายค้าน ออกอาการแหยงๆ หากต้องเคลื่อนไหวด้วยเรื่องละเอียดอ่อน

ชัยธวัช ตุลาธน /@MoveForwardPartyThailand

อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 29 มี.ค.65 “ชัยธวัช ตุลาธน” เลขาธิการพรรค กก. ได้แถลงกรณีคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทำหนังสือถึง “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรค กก. เพื่อเชิญไปให้ถ้อยคำ กรณีน.ส.เบญจา อภิปรายร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565

เลขาธิการ กก. ระบว่าา สืบเนื่องจากมีผู้ยื่นคำร้องต่อ กกต. ว่าการอภิปรายร่างพ.ร.บ.งบฯปี 65 เมื่อเดือน ส.ค.2564 ของส.ส.พรรค กก. รวมถึงการเผยแพร่เนื้อหาการอภิปราย ถือเป็นการกระทำอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามมาตรา 92(2) แห่งพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง ซึ่ง กกต. สามารถยื่นศาลรธน. เพื่อสั่งยุบพรรคได้ หากรวบรวมข้อเท็จจริงและมีหลักฐาน อันควรเชื่อได้ว่ามีการกระทำดังกล่าวจริง

ขอชี้แจงว่า 1.ตามบันทึกการแจ้งข้อเท็จจริงและรับทราบข้อเท็จจริงที่ กกต. ได้ส่งมาถึงนายพิธา เพื่อให้โต้แย้งประเด็นที่ถูกร้องนั้น ได้ระบุถึงเนื้อหาการอภิปรายงบส่วนราชการในพระองค์ของน.ส.เบญจา เมื่อวันที่ 21 ส.ค. 2564 รวมถึงการนำข้อมูลการอภิปรายดังกล่าว ไปเผยแพร่ผ่านเฟซบุ๊กและเว็บไซต์ของพรรค แต่กลับไม่ระบุให้ชัดเจนว่า ข้อความหรือการกระทำใดเข้าข่าย ตามมาตรา 92(2) เราจึงเห็นว่าการแจ้งข้อเท็จจริงดังกล่าว จึงมีแต่ความคลุมเครือไม่ชัดเจน ทั้งที่ข้อกล่าวหาร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรคได้

2.พรรคยืนยันว่าการอภิปรายงบฯดังกล่าว เป็นการทำหน้าที่ตามปกติที่ผู้แทนราษฎรพึงกระทำในการตรวจสอบและเสนอแนะ เพื่อให้การจัดสรรงบในทุกหน่วยรับงบประมาณ มีความโปร่งใส เหมาะสมและเป็นประโยชน์สูงสุดต่อประชาชน เรามั่นใจว่าการกระทำของ ส.ส.พรรค กก. ไม่ใช่การกระทำอันเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยฯ ตามที่ถูกกล่าวหา และไม่เป็นเหตุที่นำไปสู่การยุบพรรคได้

จากนั้นเมื่อวันที่ 19 เม.ย.65 “พิธา” ในฐานะหัวหน้าพรรค กก. พร้อมด้วย “เบญจา แสงจันทร์” ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรค กก. ในฐานะผู้อภิปรายงบส่วนราชการในพระองค์ และทีมกฎหมายพรรค เดินทางมายังสำนักงาน กกต. เพื่อชี้เเจงต่อคณะกรรมการรวบรวมข้อเท็จจริงและพยานหลักฐาน

ประเด็นที่มีผู้ยื่นคำร้องกล่าวหาว่า พรรค กก. มีพฤติการณ์และการกระทำอันเป็นการฝ่าฝืนพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง พ.ศ.2560 ตามมาตรา 92(2) เป็นปฏิปักษ์การปกครองฯ จากกรณีส.ส.พรรค กก. อภิปรายงบประมาณสถาบันฯ ในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณประจำปี 2565

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ cr : พรรคก้าวไกล – Move Forward Party

โดย หัวหน้าพรรค กก. กล่าวว่า ไม่กังวลในข้อกล่าวหานี้ เนื่องจากส่วนราชการในพระองค์ เป็นหน่วยรับงบประมาณเหมือนหน่วยงานอื่นๆ ตามพ.ร.บ.งบประมาณ พ.ศ.2561 ตามมาตรา 4 ซึ่งจัดอยู่ในส่วนราชการที่ถูกเรียกให้มาชี้เเจง ในการขอรับงบประมาณจากสภาผู้แทนราษฎร เป็นหน้าที่ของ ส.ส.ที่มีหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณ เพื่อความโปร่งใสเเละประสิทธิภาพจากการใช้งบประมาณจากภาษีของประชาชน และเป็นการดำรงพระราชสถานะของพระมหากษัตริย์ ที่อยู่เหนือการเมืองใต้รธน.

“การใช้การอภิปรายงบสถาบันเป็นข้ออ้างนำไปสู่การยุบพรรค กก. เป็นการปิดกั้นอำนาจหน้าที่ของส.ส. ที่ปฏิบัติหน้าที่ในฐานะผู้แทนของประชาชน นี่คือการตรวจสอบงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชน เราในฐานะผู้แทนราษฎร เรามีหน้าที่ที่จะต้องปฏิบัติอย่างเต็มที่” พิธา กล่าว

ขณะที่ “เบญจา” กล่าวว่า การตรวจสอบงบประมาณเป็นหน้าที่ของผู้แทนราษฎร ยืนยันว่าตนไม่ได้ทำผิดตามคำร้องที่กล่าวหาว่า เป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข แต่เป็นการทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร เพื่อเคียงข้างประชาชน ยืนหยัดพิทักษ์เม็ดเงินภาษีประชาชน

จากนี้ไปต้องรอดูว่า การขับเคลื่อนของพรรค กก. จะต้องเผชิญวิบากกรรม และสุ่มเสี่ยงกับข้อกล่าวหาทางกฎหมายและกระทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ มากขนาดไหน หรือต่อให้ไปต่อได้ ถามว่าจะเหลือใครที่จะกล้าร่วมงานกับ  กลุ่มการเมืองที่มีจุดยืนและแนวคิดแตกต่างจากพรรคการเมืองส่วนใหญ่

………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img