วันพฤหัสบดี, เมษายน 25, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTSเมื่อ‘ทักษิณ’ไม่พูดสนับสนุน‘ชัชชาติ’  หรือเป็นแผน“ลับ-ลวง-พราง”ตบตา!!
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

เมื่อ‘ทักษิณ’ไม่พูดสนับสนุน‘ชัชชาติ’  หรือเป็นแผน“ลับ-ลวง-พราง”ตบตา!!

ถือเป็นผู้ว่าฯโพล ก็คงพูดได้เต็มปาก เพราะนับตั้งแต่ “ชัชชาติ สิทธิพันธ์” ตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่ง “ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร” (กทม.) เวลามีการสำรวจความคิดเห็นครั้งใด จะยืนหนึ่งมาโดยตลอด แม้อาจจะมีบางคนตั้งคำถาม กับการทำงานของ “นิด้าโพล” และ “สวนดุสิตโพล” ว่ามีความเป็นกลาง มากแค่ไหน ในทางการเมืองใครก็รู้ 

ที่ผ่านมา มักมีอำนาจแฝงเข้าไปใน สถาบันการศึกษา หรือองค์กรอะไรก็ตาม ที่มีบทบทบาทสำคัญ เนื่องจากเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ และการยึดครองอำนาจรัฐ โดยเฉพาะ “สวนดุสิตโพล” บทสรุปที่ได้ มักถูกมองว่า “เป็นคุณ” กับ “พรรคเพื่อไทย” (พท.) มาโดยตลอด 

ขณะที่เมื่อพูดถึงตำแหน่ง “ผู้ว่าฯกทม.” ก่อนหน้าเคยมีข่าว “บิ๊กแป๊ะ-พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา” อดีต ผบ.ตร. จะลงสู้ศึกชิงเก้าอี้ผู้ดูแลเมืองหลวง ซึ่งเปิดตัวได้ไม่นาน คะแนนนิยมก็ติดอยู่ในลำดับต้น แม้กระทั่งทีมงานของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ยังยอมรับว่า “บิ๊กแป๊ะ” มีโอกาสรับตำแหน่งสำคัญ แต่พอเกิดปัญหาความขัดแย้งภายใน “พรรคพลังประชารัฐ” (พปชร.)  ในที่สุด “พล.ต.อ.จักรทิพย์” ก็ตัดสินใจถอนตัว และนำมาสู่การตัดสินใจของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ไม่ส่งบุคคลลงสมัครในการชิงชัยครั้งนี้

ขณะที่เมื่อวันที่ 11 พ.ค.ที่ผ่านมา “สถาบันพระปกเกล้า” แถลงผลสำรวจความคิดเห็นและพฤติกรรมของประชาชนต่อการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และสมาชิกสภากทม. (ส.ก.) 2565 โดย “ถวิลวดี บุรีกุล” ผู้อำนวยการสำนักวิจัยและพัฒนา สถาบันพระปกเกล้า ระบุว่า จากการสำรวจประชาชน 1,038 คน เป็นผู้ตอบแบบสำรวจที่เป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 702 คน โดยเป็นผู้ที่มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรกถึง 79.8% และเป็นผู้ที่ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง 336 คน

ในประเด็นความเข้าใจเกี่ยวกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.และ ส.ก. 2565 พบว่า ประชาชนไม่ทราบจำนวนบัตรเลือกตั้งวันที่ 22 พ.ค. ถึง 30.1% รองลงมาคือ ไม่ทราบระยะเวลาในการลงคะแนนเสียง 51.3% ไม่ทราบบทบาทหน้าที่ของผู้ว่าฯ กทม. 36.2% ไม่ทราบบทบาท ส.ก. 35.5% และไม่ทราบจำนวนของ ส.ก. 58%

สำหรับผลการสำรวจการตัดสินใจในการลงคะแนนเสียงเลือกตั้ง พบว่า ประชาชนเลือก “ชัชชาติ สิทธิพันธุ์” 42.4% รองลงมาคือ “สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์” 12%, “พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง” 6.7%, “วิโรจน์ ลักขณาอดิศร” 5.7%, “สกลธี ภัททิยะกุล” 5.7%, “รสนา โตสิตระกูล” 2.7%, “โฆสิต สุวินิจจิต” 2.3% ยังไม่ได้ตัดสินใจมีจำนวน 18.2% และไม่ประสงค์ลงคะแนน 2%

สำหรับความเห็นของผู้ไม่มีสิทธิเลือกตั้ง หากเป็นผู้มีสิทธิเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.จะเลือกใครนั้นพบว่า อันดับหนึ่ง ยังคงเทคะแนนให้ “ชัชชาติ” 52.9% รองลงมาคือ วิโรจน์ 10.8%, สุชัชวีร์ 10.5%, พล.ต.อ.อัศวิน 6%, สกลธี 3%, รสนา 3%, น.ต.ศิธา 1.2% ยังไม่ได้ตัดสินใจ 7.5% และไม่ประสงค์ลงคะแนน

ด้าน “ถวิลวดี” กล่าวอีกว่า ปัจจัยในการตัดสินใจเลือกผู้ว่าฯ กทม. อันดับหนึ่ง คือ นโยบายของผู้สมัคร 62.3% รองลงมาคือ ประสบการณ์การทำงานของผู้สมัคร 48.9% และการพูดจริงทำจริง จริงใจในการแก้ไขปัญหา 29.9% ส่วนประเด็นที่ประชาชนอยากให้ผู้ว่าฯ กทม.ดำเนินการอันดับหนึ่ง คือ การขนส่งสาธารณะและการจราจร 66.4% การจัดการสิ่งแวดล้อม ความสะอาด และพื้นที่สีเขียว 64.2% ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน 52.5% ปัญหาน้ำท่วมขัง 45.4% และระบบสาธารณสุข และสุขอนามัย 41.7%

ถ้าดูตัวเลขและผลโพลของสำนักต่างๆ คงต้องบอกว่า แทบไม่มีอะไรแตกต่าง จากผลสำรวจก่อนหน้านี้ แม้ในบรรดาผู้สมัครทั้งหมด “ชัชชาติ” จะถูกโจมตีมากที่สุด ทั้งๆ ที่แสดงเจตจำนงค์ลงสมัครแบบอิสระ ไม่สังกัดพรรค แต่ใครติดตามข่าวสารการเมือง ต่างเชื่อว่า พรรค พท.ให้การสนับสนุน ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม. หมายเลข 8 แบบลับๆ หลังไม่ส่งคนลงสมัครชิงเก้าอี้ ผู้บริหารที่ทำหน้าที่ดูแลเมืองหลวงประเทศไทย หวังพียงแต่เก้าอี้ส.ก.

แต่ถ้าย้อนดูความเป็นไปของ “ชัชชาติ” นับตั้งแต่ก้าวเข้ามาทำงานการเมือง ก็มีความสัมพันธ์อันดีกับพรรคการเมืองที่มี “ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ซึ่งระยะหลังใช้ชื่อ “โทนี่ วู้ดซัม” คอยบงการมาโดยตลอด

สมัย “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ดำรงตำแหน่งนายกฯ “ชัชชาติ” ผู้สมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ที่คะแนนโพลมาอันดับหนึ่งมาตลอด ก็เคยเข้าไปรับตำแหน่ง “รมว.คมนาคม” รวมทั้งยังเคยอยู่ในบัญชีแคนดิเดทนายกฯของพรรคพท.อีกด้วย

พูดง่ายๆ ถ้าไม่ได้รับความไว้วางใจจาก “ทักษิณ” และ “คุณหญิงพจมาณ ณ ป้อมเพชร” ที่มีบทบาทสูงล้นในพรรคแกนนำฝ่ายค้าน เป็นไปได้หรือที่ “ชัชชาติ” จะมีโอกาสได้รับตำแหน่งสำคัญ ดูแลกระทรวงที่ถูกยกให้เป็นเกรดเอ เพราะใครเป็นนักการเมือง ก็อยากเข้ามาดูแลหน่วยงานนี้แทบทั้งสิ้น  

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลก เมื่อ “นพ.ระวี มาศฉมาดล” ส.ส.บัญชีรายชื่อ และ หัวหน้าพรรคพลังธรรม (พธม.) ใหม่ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า “เลือกใครเป็นผู้ว่าฯ กทม.ดี อ้างว่า มีเพื่อนส่งข้อความมาให้ทาง LINE อ่านแล้ว รู้สึกว่าใช่เลย จึงขอถ่ายทอดให้พี่น้องชาวพลังธรรมใหม่และชาวกทม.ทุกท่านต่อครับ จากโพลทุกสำนักรายงานว่าคุณชัชชาติ นำโด่งมาโดยตลอดตั้งแต่แรกจนถึงโค้งสุดท้าย 

ในขณะนี้ ชัยชนะของคุณชัชชาติอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อมแล้ว ชัยชนะของคุณชัชชาติ คือการเริ่มต้น แลนด์สไลด์ที่ กทม. เป็นการแลนด์สไลด์ตามยุทธการกินทีละคำของทักษิณ เริ่มจากคำแรก คือการหลอกล่อให้พรรคใหญ่ตกหลุมในการแก้รัฐธรรมนูญ (รธน.) ให้เป็นบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ

กินคำที่สองก็คือ ชนะแลนด์สไลด์ ในกรรมาธิการ (กมธ. แก้กฎหมายลูกให้คิด ส.ส.บัญชีรายชื่อโดยการหารด้วย 100 และยกเลิกระบบ ส.ส.พึงมี และระบบทุกคะแนนเสียงไม่ตกน้ำ คำที่สามก็คือการแลนด์สไลด์ในการเลือกผู้ว่าฯ กทม. คำที่สี่ ที่กำลังล็อบบี้ ส.ส. ในสภาให้ทำการคว่ำนายกฯ สภา ให้ได้ เพราะถ้าสามารถทำได้ การเลือกตั้งครั้งหน้า จะไม่มีหัวหน้าพรรคการเมืองใดมาแข่งกับอุ๊งอิ๊งได้ คำที่ห้า คือการชนะเลือกตั้งทั่วไปแบบแลนด์สไลด์ ได้ ส.ส. 253 คน และพรรคพท.เข้าเป็นรัฐบาล ปูทางสู่การกินคำที่หก ซึ่งเป็นคำสุดท้าย ก็คือการออก พ.ร.บ.นิรโทษกรรมให้ทักษิณกลับบ้านมาอย่างหล่อๆ”

นพ.ระวี มาศมาดล / cr : FB นพ.ระวี มาศมาดล

นพ.ระวี ระบุอีกว่า “จึงขอเชิญชวนคุณหมอระวี พี่น้องพรรคพลังธรรมใหม่ และพี่น้องชาว กทม.ทุกคน มาร่วมกันสกัดการแลนด์สไลด์ที่กทม.โดยการร่วมกัน โหวตเลือกผู้ว่าฯ โดยการโหวตทางยุทธศาสตร์ ให้ทุกคะแนนของพวกเราทุกคนมีความหมายโหวต ให้คนที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะชนะคุณชัชชาติได้ หยุดโหวตคนที่เราชื่นชอบ คนที่เราสนิทสนม แต่ไม่มีโอกาสจะชนะนายชัชชาติได้ เพราะถ้าพวกเราโหวตคนที่เราว่าใช่คนที่เราชอบคะแนนจะแตก 

สุดท้ายนายชัชชาติและนายทักษิณมาแน่นอน  ทราบว่าสำหรับพี่น้องชาวพลังธรรมใหม่ น่าจะเลือกคุณรสนาเพราะมีจุดยืน อุดมการณ์ที่สอดคล้องกับทางพรรคพลังธรรมใหม่ (พธม. )มากที่สุด รองลงมาก็คือคุณสกลธีที่เคยทำงานร่วมกับคุณหมอระวีในกปปส. ร่วมกัน แต่เมื่อติดตามโพลต่างๆ แล้วคิดว่าโอกาสที่ทั้ง2 ท่าน จะชนะคุณชัชชาติน่าจะเป็นไปได้ยาก ผมทราบว่า แม้ในใจลึกๆ ทีมพธม.จะเชียร์ 2 ท่านนี้ แต่สุดท้ายเสียงจะแตกออกเป็น 4 ทิศคือ ดร.เอ้, ผู้ว่าฯอัศวิน, สกลธี และรสนา และ จะจบลงที่ชัชชาติ ชนะขาดลอยแบบแลนด์สไลด์”

“เสียดายตอนแรก ที่ทั้ง 4 ท่าน ไม่มีการตกลงกันให้ดีก่อน ต่างคนต่างคิด ต่างคนต่างทำ ถึงตอนนี้อาจจะสายเกินแก้ คนที่ยืนอมยิ้ม คือคนที่อยู่แดนไกล ทางแก้ไขในขณะนี้มีอยู่ทางออกเดียวคือ ร่วมกันโหวตทางยุทธศาสตร์ ร่วมกันเลือกคนเดียวที่จะไปชนะคุณชัชชาติได้ หยุดเลือกคนที่เราชอบ หยุดเลือกคนที่เราเคยเชียร์ หยุดเลือกคนที่เราคิดว่าใช่ หันไปร่วมกันโหวตให้ผู้ว่าฯ อัศวิน เบอร์ 6 คนที่มีโอกาสมากที่สุดที่จะคว่ำนายชัชชาติได้” 

ขณะที่ “เทพไท เสนพงศ์” อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก ถึงโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งหาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ว่า ผู้สมัครทุกคนก็ต้องเร่งหาคะแนนเพื่อให้คะแนนของตัวเองตีตื้นในโค้งสุดท้ายให้ได้ จึงอยากให้ จับตาการหาเสียงในช่วงนี้ จะมีการปล่อยทีเด็ด ทั้ง วิชาเทพ และ วิชามาร ออกมาพร้อมๆกัน

มีการเสนอแนวทางให้ ลงคะแนนเลือกผู้สมัครอย่างมียุทธศาสตร์ นั่นหมายความว่า จากการเมืองที่มี 2 ขั้ว ให้แต่ละขั้วเลือกคนที่มีโอกาสได้มากที่สุดขั้วละคน โดยการเทคะแนนให้ ผู้สมัครที่มีโอกาสมากได้รับเลือกมากที่สุด ซึ่งเป็นไปได้ยาก

“เทพไท” ระบุด้วยว่า จากฐานคะแนนเสียงของคนใน กทม.สามารถแบ่งได้ออกเป็น 2 ขั้วการเมืองใหญ่ๆ ที่เชื่อมโยงกับ การเมืองระดับชาติ อย่างปฏิเสธไม่ได้ ซึ่งในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ครั้งสุดท้าย ก็มีการแบ่งฐานคะแนนเสียงอย่างชัดเจน

คือ กลุ่มที่เอาทักษิณ กับ กลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ เห็นได้จากผลการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.เมื่อ 3 มีนาคม 2556 ที่กลุ่มไม่เอาทักษิณ เทคะแนนเสียงให้กับ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร จากพรรคประชาธิปัตย์ 1,256,349 คะแนน จนเบียดชนะ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ จากพรรคเพื่อไทย 1,077,899 คะแนน ที่ได้รับคะแนนสนับสนุนจากกลุ่มที่นิยมทักษิณในโค้งสุดท้ายไปได้

ในครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน ฐานเสียงของกลุ่มผู้สนับสนุนทักษิณมีผู้สมัครอยู่ 2 คน คือ ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เบอร์ 8 จากอิสระ และ วิโรจน์ ลักขณาอดิศร เบอร์ 1 พรรคก้าวไกล (กก.) ส่วนฐานเสียงกลุ่มที่ไม่เอาทักษิณ มีผู้สมัครอยู่ 4 คน คือ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ เบอร์ 4 พรรคปชป., พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เบอร์ 6 จากอิสระ, สกล ภัทธยกุล เบอร์ 3 จากอิสระ และ รสนา โตสิตระกูล เบอร์ 7 จากอิสระ

ซึ่งกลุ่มนี้มี ฐานเสียงจากพรรคปชป. กลุ่มพันธมิตร และ กลุ่ม กปปส. ดังนั้นการเสนอแคมเปญให้เลือกตั้งอย่างมียุทธศาสตร์นั้น น่าจะเป็นไปได้ยาก เพราะผู้สมัครแต่ละคน ก็มีฐานเสียง แฟนคลับ หรือกลุ่มผู้สนับสนุนค่อนข้างชัดเจน ซึ่งไม่สามารถทำใจไปเทคะแนนเสียง ให้กับ ผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง ตามแนวทางการลงคะแนนอย่างมียุทธศาสตร์ตามที่ได้ขายความคิดในช่วงนี้ได้ เพราะผู้ลงคะแนน จะเกิดอาการรักพี่-เสียดายน้อง กลัวผู้สมัครที่กลุ่มตนสนับสนุนจะได้คะแนนน้อยเกินไป จะเกิดความเสียหายต่อภาพลักษณ์ทางการเมืองได้

“ส่วนตัวเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะใช้ยุทธศาสตร์แบบ “ไม่เลือกเราเขามาแน่” เหมือนในอดีตที่ผ่านมา ไม่น่าจะสำเร็จ เชื่อว่าคะแนนของผู้สมัครแต่ละคน จะแชร์กันเองในกลุ่มฐานคะแนนของแต่ละขั้ว อยู่ที่ใครจะมีฝีมือดึงคะแนนเสียง ในขั้วตัวเองได้มากกว่ากันผู้สมัครคนอื่นๆ ผู้สมัครคนนั้นก็จะเป็นผู้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในครั้งนี้ ซึ่งสามารถฟันธงได้ว่า ขั้วเอาทักษิณ จะได้เปรียบ ขั้วไม่เอาทักษิณ เพราะตัวแชร์คะแนนน้อยกว่า” เทพไท ระบุ

ความเห็นของเทพไท สอดคล้องกับหลายคน ที่ติดตามการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม โดยเฉพาะผู้สมัครที่มาจาก ฝ่ายตรงข้าม “ระบอบทักษิณ” ซึ่งมีความหลากหลาย และยากที่จะตัดสินใจเทคะแนนให้ใคร เพราะมีความเป็นตัวของตัวเองสูง ผิดกับฝ่ายตรงข้ามซึ่งมีผู้สมัคร ที่เป็นแนวทางเดียวกันเพียง 2 ราย ซึ่ง “วิโรจน์” คงไม่ยอม เทคะแนนให้ “ชัชชาติ” แน่ เพราะหวังจะได้คะแนนจากคนรุ่นใหม่ และเชื่อว่าจะมีสิทธิ์ลุ้นในตำแหน่งสำคัญ

ส่วน “ผศ.ดร.สุวิชา เป้าอารีย์” ผู้อำนวยการศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” ซึ่งได้ทำโพลที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.มาเป็นเวลาหลายครั้ง ให้ความเห็นไว้อย่างน่าสนใจ โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า หากมีประเด็นหลุดปากแบบไม่ตั้งใจจากนายทักษิณ ชินวัตร ถึงความสัมพันธ์กับนายชัชชาติ และบอกว่าให้การสนับสนุนนายชัชชาติ เป็นผู้ว่าฯ กทม. เพื่อร่วมมือทำแลนด์สไลด์ด้วยกัน ตรงนี้จะทำให้ คนที่เกลียดนายทักษิณ และ เคยจะหนุนนายชัชชาติ อาจจะถอยทันทีก็เป็นได้ แม้จะมีความคิดว่าก้าวผ่านนายทักษิณไปแล้วก็ตาม จะทำให้นายชัชชาติตายได้ทันที!

“ไม่ว่าทักษิณจะหลุดปากถึง ความสัมพันธ์กับชัชชาติ หรือสั่งเพื่อไทยไม่ให้หนุนชัชชาติ ก็เป็นเหตุให้คะแนนนายชัชชาติ ดิ่งลงได้แน่ๆ แค่ทำให้ชัชชาติ ร่วงลงมากว่า 10% เหลือแค่ 30% จะทำให้คนที่ได้อันดับ 2 มีโอกาสแซงชัชชาติได้”


ถึงวันนี้จึงเชื่อว่า ผู้ที่จะทำให้คะแนนชัชชาติ ร่วงลงมาได้ มีเพียง “ทักษิณ ชินวัตร” เท่านั้น แต่โอกาสที่ “ทักษิณ” จะกระทำเช่นนี้…แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย ส่งผลให้วันนี้ ยังคงเป็นโอกาสของ “ชัชชาติ” ที่จะเข้าเส้นชัยเป็นผู้ว่าฯ กทม.

ซึ่งก็น่าสังเกตว่า ปกติ “ทักษิณ” เป็นคนปากไว ชอบให้ความเห็นทางการเมืองผ่านคลับเฮ้าส้ แต่กลับไม่เคยออกมาพูดว่า สนับสนุน “ชัชชาติ” เลยซักครั้งเดียว โดยเฉพาะในช่วงหาเสียงชิงตำแหน่งสำคัญ เพื่อดูแลเมืองหลวงประเทศ   

คงต้องลุ้นว่า หลังวันที่ 22 พ.ค. แผนลับ-ลวง-พราง ของ “คนบางกลุ่ม” จะสามารถ “ตบตาคนกรุง” ได้หรือไม่

……………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย..“แมวสีขาว”                                                                                                   

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img