วันศุกร์, มีนาคม 29, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“2 ป.”ถึงคราวร้าวหนัก จับตา“บิ๊กป้อม”เลิกหนุน“น้องตู่”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“2 ป.”ถึงคราวร้าวหนัก จับตา“บิ๊กป้อม”เลิกหนุน“น้องตู่”

ก่อนการเลือกตั้ง ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคน (กทม. ) และ สมาชิกสภากทม. (ส.ก.) บรรดาแกนนำรัฐบาล และผู้มีอำนาจในพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) คงคาดไม่ถึง ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจะสร้างแรงสั่นสเทือนได้ ถึงขนาด “โทนี่ วู้ดซัม” เอาไปใช้ตีกินทางการเมือง เชื่อมั่นในการเลือกตั้งสนามใหญ่ “พรรคเพื่อไทย” (พท.) จะเกิดปรากฎการณ์แลนด์สไลด์ เช่นเดียวกับเวทีกาบัตรในเมืองหลวง

แต่ที่ต้องจับตามองแบบไม่กระพริบ และอาจส่งผลกระทบทางการเมือง นับจากนี้ต่อไป หรืออาจเกี่ยวข้องกับการ เลือกตั้งสนามใหญ่ ในอนาคตที่จะเกิดขึ้น คือความขัดแย้งที่เกิดขึ้น ระหว่างบุคคลที่มีบทบาทสำคัญในรัฐบาล “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หลังผลการเลือกใสนามท้องถิ่นเมืองหลวงปรากฎออกมา

แม้ภายหลังรับทราบผลเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. “พล.อ.ประยุทธ์” จะให้สัมภาษณ์กับสื่อ ดูคล้ายไม่ยี่หระกับผลที่เกิดขึ้นอ้างว่า ก็เป็นประชาธิปไตยและเป็นการเลือกตั้ง เหมือนการเลือกตั้งทั่วไป และเป็นจังหวัดหนึ่งเท่านั้นเองของประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดก็เป็นความชอบพอของประชาชน ตามกลไกของประชาธิปไตย โดยรัฐบาลก็ต้องยินดีด้วยและเป็นกำลังใจ ขอให้ทำงานสำเร็จ ทำเพื่อประชาชนร่วมกันอยู่แล้ว

ส่วนกรณีพรรคพปชร.ได้ส.ก.มาแค่ 2 ที่นั่งนั้น “พล.อ.ประยุทธ์” กล่าวในประเด็นนี้ว่า “แล้วประชาชนเลือกหรือไม่ ก็อยู่ที่ประชาชนเลือกไม่เลือก เป็นเรื่องของประชาชน” จากนั้นเมื่อถามถึงคะแนนของส.ก.ที่เทไปฝ่ายค้านสะท้อนเรตติ้งรัฐบาลหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ทำไม ไม่สะท้อนอะไรทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับรัฐบาล”

อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวจากปรากฏการณ์ที่เกิด นายกฯได้หารือหัวหน้าพรรคพปชร. พร้อมทั้งตำหนิ “พล.อ. ประวิตร” ทำนองว่า วางยุทธศาสตร์ผิดพลาด กรณีไม่ส่งคนลงสมัครชิงเก้าอี้ผู้ว่าฯกทม. ทำให้ “บิ๊กป้อม” ซึ่งเป็น “พี่ใหญ่ 3 ป.” รู้สึกน้อยใจ เหมือนกับ “น้องเล็ก” โยนบาปให้กับตนเอง

นอกจากนี้บรรดากองเชียร์รัฐบาล ที่สนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ ทั้ง “นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม” หัวหน้าพรรคไทยภักดี (ทภด.) และ สื่อบางสำนัก ยังออกมาโจมตี “พล.อ.ประวิตร” เป็นสาเหตุสำคัญของความพ่ายแพ้ในครั้งนี้

ยิ่งทำให้ “บิ๊กป้อม” ไม่พอใจมากขึ้นไปอีก และคิดว่าปัญหาส่วนหนึ่งเกิดจาก “พล.อ.ประยุทธ์” กระแสยอมรับในพื้นที่เมืองหลวงตกต่ำ ประชาชนไม่พอใจการบริหารงานของรัฐบาล โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหา เรื่องสินค้ามีราคาแพง

จริงๆความไม่พอใจของ “พี่ใหญ่ 3 ป.” ไม่พอใจ นับตั้งแต่สั่งหัวหน้ารัฐบาลสั่งปลด “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” อดีตเลขาธิการพปชร. และ “น.ส.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” พ้นจากตำแหน่งรัฐมนตรี โดยไม่บอกกล่าวให้ “พล.อ.ประวิตร” รับทราบล่วงหน้า รวมทั้งยังไม่ยอมคืนตำแหน่งรัฐมนตรี ให้หัวหน้าพรรคพปชร. นำไปจัดสรรให้คนไว้วางใจ  

รวมถึง “พรรคเศรษฐกิจไทย” (ศท.) ภายใต้การนำของ “ร.อ.ธรรมนัส” ซึ่งแยกตัวไป แต่ก็ยังยู่ภายใต้การดูแลของ “บิ๊กป้อม” เพราะเห็นว่า ถ้าผู้กองคนดังยังอยู่ ในพปชร. ก็จะมีปัญหากับแกนนำคนอื่นๆ ทั้งที่ทำงานเข้าขา กับหัวหน้าพรรคพปชร.มาโดยตลอด ผลการเลือกตั้งซ่อมที่ผ่านมา รวมถึงการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม. และส.ก.ที่ผ่านมา ถ้าผู้กองคนดังยังอยู่ในพรรคพปชร. บางทีผลการเลือกตั้ง ที่เกิดขึ้น อาจไม่เลวร้าย จนทำให้พรรคพปชร. เผชิญกับแรงกดดันทางการเมือง อีกทั้งแกนนำคนอื่น ก็ไม่มีศักยภาพในการทำงานเท่ากับ “ร.อ.ธรรมนัส” ทำให้มีข่าวว่า พล.อ.ประวิตรต้องการดึงผู้กองคนดัง กลับมาทำงานในพรรคพปชร.อีก

ด้าน “พล.อ.ประวิตร” ให้สัมภาษณ์ถึงการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และส.ก. พรรคพปชร.ได้ส.ก.เพียง 2 เก้าอี้ จะต้องมีการปรุงและแก้ไขหรือไม่ว่า​ “จะไปรู้หรือ​ ใครรู้บอกผมหน่อย”​ เมื่อถามว่า มีคนไปโยงว่าเป็นเพราะ​ 3​ ป.​ ไม่เด็ดขาด และมีปัญหากัน รวมถึงนพ.วรงค์​ เดช​กิจ​วิกรม​ หัวหน้าทภด.​​ แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องนี้​ด้วยเช่นกัน พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่เกี่ยว เป็นความคิดเห็นของนพ.วรงค์​คนเดียว 

เมื่อถามย้ำว่า เป็นเพราะอะไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เกี่ยวกับเรื่องกระแส และเป็นเรื่องของท้องถิ่น​ เมื่อถามอีกว่า ความนิยมในตัวของพล.อ.ประยุทธ์​ ​ยังไปได้อยู่ไหม​ พล.อ.ประวิตร​ กล่าวว่า “ต้องถามพวกคุณ”

น่าสังเกตว่า เป็นครั้งแรกๆ หัวหน้าพรรคพปชร. ขอให้สื่อประเมินการทำงานหัวหน้ารัฐบาล เหมือนเริ่มไม่มั่นใจว่า ชื่อพล.อ.ประยุทธ์ยังขายได้อีกหรือไม่ อีกทั้งแนวการทำงาน อาจมองว่าไม่ได้เอื้อประโยชน์แกนนำรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองมือง ใครก็ทราบว่า “พล.อ.ประวิตร” จะเดินหน้าในการทำงานเมืองต่อ จึงเกรงว่า สถานะและความนิยมของ “พล.อ.ประยุทธ์” จะกระทบกับพรรคพปชร. รวมถึงในช่วงการเปิดสภาฯ พรรคฝ่ายค้านจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

ต้องอาศัยเสียงสนับสนุนจาก พรรคร่วมรัฐบาล และ พรรคขนาดเล็ก แกนนำรัฐบาลเชื่อว่า หากนำเก้าอี้รัฐมนตรีที่ว่างอยู่ มาจัดสรรให้พรรคที่สนับสนุนรัฐบาล น่าจะลดแรงกดดันได้มาก โดยเฉพาะพรรคศท.ที่มีส.ส. 18 ที่นั่ง แม้หัวหน้ารัฐบาลไม่ต้องการให้ ให้ “ร.อ.ธรรมนัส” มาร่วมงานในครม. แต่ก็ควรเปิดโอกาส ให้ส่งตัวแทนพรรค เข้ามาร่วมทำงานในฝ่ายบริหาร เพื่อซื้อใจเพื่อนร่วมงาน แต่ดูเหมือน “พล.อ.ประยุทธ์” จะไม่เข้าใจโลกแห่งความเป็นจริง เชื่อมั่นในตัวเองมากเกินไป

 ขณะที่ “ร.อ.ธรรมนัส” ในฐานะแกนนำพรรค ศท. ออกมาให้ความเห็นถึงกรณี “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพปชร. มั่นใจว่าเสียงรัฐบาลจะเพียงพอในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ ไม่จำเป็นต้องมีเสียงของพรรค ศท. ว่า ทุกครั้งที่ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน จะพูดบนพื้นฐานความเป็นจริง แต่นายชัยวุฒิเช้าพูดอย่างหนึ่ง บ่ายพูดอีกอย่างหนึ่ง ไม่มีความแน่นอน พูดเอามันอย่างเดียว

เมื่อถามว่า ส่วนตัวยังมองว่าพรรค ศท.ยังเป็นตัวแปรสำคัญ กับการอภิปรายไม่ไว้วางใจรอบนี้ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า เสียงของเรามีทั้งหมด 18 เสียง โดยเป็นส.ส.อยู่ในสภา 16 เสียง ซึ่งเป็นเสียงที่มีความสำคัญและเสียงในมือตนไม่ได้มีเพียงแค่ 16 เสียง เพราะหากฟังนายพิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. ในฐานะหัวหน้ากลุ่ม 16 ให้สัมภาษณ์ก็จะทราบชัดเจนว่า ตนมีเสียงจากที่อื่นอีกเยอะ ดังนั้นรัฐมนตรีแต่ละคน หลายคนก็ทำคุณงามความดีให้กับประเทศชาติบ้านเมืองเยอะ พึงระวังตัวด้วย

เมื่อถามว่า แสดงว่ามีเสียงมากกว่า 30 เสียง ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า “ใช่ครับ ผมยืนยันว่าผมมีมากกว่า 16 เสียง” เมื่อถามย้ำว่า หรือมากกว่า 40 เสียง หมายถึงกลุ่มพรรค ศท.และกลุ่ม 16 ใช่หรือไม่ ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ใ“ช่ อย่าลืมว่าผมมีพี่น้องเยอะ ที่นั่งอยู่ฝ่ายรัฐบาล ส่วนฝ่ายค้านนั้นไม่ต้องพูดถึง”

นอกจากนี้ยังมีการเปิดเผยรายชื่อ รายชื่อส.ส.กลุ่ม 16 ภายใต้การนำของ พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร.  ที่กำลังมีบทบาทเคลื่อนไหวตรวจสอบการทุจริตของรัฐบาล โดยเฉพาะในช่วงการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2566 และการอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรี

ที่ส.ส.กลุ่มดังกล่าวถูกจับตามองอาจไปจับมือกับฝ่ายค้าน และร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า  ส.ส.พะเยา เลขาธิการพรรคศท.) โค่นล้มรัฐบาล โดยแม้จะชื่อส.ส.กลุ่ม16 แต่มี สมาชิกทั้งหมด 18 คน คือ 16 +2 ประกอบด้วย 1.พิเชษฐ สถิรชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพปชร. 2.คฑาเทพ เตชะเดชเรืองกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังไทยรักไทย 3.พีระวิทย์ เรื่องลือดลภาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคไทรักธรรม (ทธ.) 4.ปรีดา บุญเพลิง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคครูไทยเพื่อประชาชน (ค.พ.ช.) 5.ดำรงค์ พิเดช ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักษ์ผืนป่าประเทศไทย (รป.) 6.ยรรยงก์ ถนอมพิชัยธำรง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค รป. 7.จารึก ศรีอ่อน ส.ส.จันทบุรี พรรคพลังท้องถิ่นไท (พทท.) 8.กวินนาถ ตาคีย์ ส.ส.ชลบุรี พรรค พทท. 9.นพดล แก้วสุพัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค พทท.

10.สมัคร ป้องวงษ์ ส.ส.สมุทรสาคร พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) 11.ดล เหตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ชพน. 12.สุรทิน พิจารณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) 13.ภาสกร เงินเจริญกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเศรษฐกิจใหม่ (ศม.) 14.สุภดิช อากาศฤกษ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ศม. 15.มารศรี ขจรเรืองโรจน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ศม. 16.จิราพร นาคดิลก ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรค ศม. 17.บุญญาพร นาตะธนภัทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังชาติไทย (พชท.) 18.วัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา พรรค ชพน.

หรืองานนี้ “ร.อ. ธรรมนัส” รับบท “สงครามตัวแทน” หวังสั่งสอนให้หัวหน้ารัฐบาล การจะอยู่ในอำนาจได้ ต้องอาศัยมือในสภาฯ ต่อให้มีตัวช่วยที่ทรงพลังและมีอำนาจแค่ไหน แต่ถ้าหากซื้อใจใครได้ ก็ไม่มีความหมาย

ยิ่งถ้า “พล.อ.ประวิตร” ซึ่งเคยดูแล “พล.อ.ประยุทธ์” มาตั้งแต่รับราชการ เล่นบทคนละทาง เดินคนละสาย  บางทีจุดจบของ “3 ป.”  อาจเหลือเพียงตำนาน ที่ใครก็ยากจะลืมก็ได้

…………………………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย….“แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img