วันพุธ, เมษายน 24, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“แลนด์สไลด์”แค่คำลวง “พท.”ระส่ำหนัก ส.ส.ชิ่งหนีไม่หยุด
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“แลนด์สไลด์”แค่คำลวง “พท.”ระส่ำหนัก ส.ส.ชิ่งหนีไม่หยุด

หลายคนคงนึกไม่ถึง ช่วงออกทัพจัดศึก ขุนพลคนสำคัญ คนสำคัญของพรรคฝ่ายค้าน ดันออกอาการให้ฝ่ายตรงข้ามจับทางได้ เห็นทีญัตติที่มีความสำคัญกับฝ่ายบริหาร สามารถชี้เป็นชี้ตายได้ จะกลายเป็นเพียง จำอวดหน้าม่าน แค่รายการตลกขบขันคั่นเวลเสียละมั๊ง  

ยิ่งย้อนไปดูการอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรคฝ่ายค้าน ซึ่งนำโดย พรรคเพื่อไทย (พท.) ก็ล้มเหลวมาตลอด ขาดทั้งยุทธศาสตร์ และไร้ซึ่งเนื้อหา ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้ โดยเฉพาะการโจมตี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการ ทุจริตและคอรัปชั่น พูดง่ายๆ ขาดใบเสร็จนั่นแหละ

เมื่อเทียบกับสมัย ประชาธิปัตย์ (ปชป.) เป็นพรรคฝ่ายค้าน ในยุคนั้น “ระบอบทักษิณ” เจอตรวจสอบเรื่องทุจริตโครงการรับจำนำข้าว นโยบายประชานิยม ที่เกี่ยวข้องกับ ตระกูลเอื้อ”  อย่างบ้านเอื้ออาทร ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เพิ่งตัดสินจำคุก “วัฒนา เมืองสุข” อดีตรมว. พัฒนาสังคมและความมั่นคงแห่งมนุษย์ (พม.) ไปหลายสิบปี เช่นเดียวกับนักการเมืองและข้าราชการประจำหลายคน ซึ่งต้องเผชิญวิบากกรรม อันเนื่องมาจากโครงการรับนำข้าว ในสมัยรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร

“สุทิน คลังแสง” ส.ส.มหาสารคาม พรรค พท. ในฐานะ ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ให้สัมภาษณ์อีกครั้งถึงการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “พรรคร่วมฝ่ายค้านหารือถึงเป้าหมาย และข้อกล่าวหารัฐมนตรี มีความพร้อม 90 เปอร์เซ็นต์แล้ว จะสรุปได้ครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ในวันที่ 7 มิ.ย.นี้ จากนั้นจะแถลงว่าจะอภิปรายใคร ด้วยข้อกล่าวหาอะไรบ้าง วันที่ 8 มิ.ย. และพร้อมยื่นญัตติในวันที่ 15 มิ.ย.นี้แน่นอน โดยจำนวนรัฐมนตรีที่จะถูกอภิปราย มีอยู่ประมาณ 5-6 คน ซึ่งมีข้อกล่าวหาทั้งหมด 5 ข้อ อาทิ ความล้มเหลวในการบริหารราชการแผ่นดิน การทุจริตในการหาประโยชน์เพื่อตัวเองและพวกพ้อง ทำผิดกฎหมายขัดต่อจริยธรรม และนโยบายที่แถลงไว้ต่อสภาฯ ไม่ได้ทำหรือทำแล้วล้มเหลว ส่วนเรื่องเสียงสนับสนุนเราไม่ได้คาดหวังมือในสภาฯ เพราะเป็นช่วงปลายเทอมแล้ว เราไม่คิดว่าจะต้องพึ่งพาใคร แต่ประชาชนจะเห็นด้วยและเชื่อมั่น ในข้อมูลของฝ่ายค้าน

สุทิน คลังแสง

ใครได้ฟังได้อ่านความเห็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน ก็คงดีใจกับการทำหน้าที่ตรวจสอบฝ่ายบริหาร ถ้าฝ่ายค้านเข้มแข็ง ประชาชนและประเทศชาติ ก็ได้จะประโยชน์ไปด้วย แต่พอมาดูคำพูด “ประธานวิปฝ่ายค้าน” ในประโยคต่อมา หลายคนเกิดอาการงง และคิดว่า “พรรค พท.” น่าจะมีปัญหาภายใน ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เพิ่งโหมประโคมข่าว แกนนำพรรคฝ่ายค้านจะสร้างปรากฎการณ์ “แลนด์สไลด์” ในการเลือกตั้งระดับชาติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต หลังเพิ่งประสบความสำเร็จ จากการเลือกตั้งระดับท้องถิ่นในเมืองหลวง คว้าที่นั่ง สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) ได้ถึง 20 ที่นั่ง

แต่เมื่อ “สุทิน” กล่าวว่า  สำหรับส.ส.ที่โหวตสวนมติพรรคพท. เบื้องต้นอยู่ระหว่างการเรียกมาชี้แจงต่อคณะะกรรมการตรวจสอบจริยธรรม ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ว่าจะขับพ้นพรรคหรือไม่ เพราะเราต้องดูว่า มีเจตนาอย่างไร ถ้ามีเจตนาทำร้ายพรรค ก็คงต้องว่ากันไป และถ้าไม่มาชี้แจง จะสามารถตัดสินลับหลังได้ว่าเขารับสารภาพแล้ว ซึ่งการอภิปรายไม่ไว้วางใจครั้งนี้ อาจจะมีส.ส.พรรค พท. โหวตสวนมติพรรคฝ่ายค้าน มากกว่า 7 คน

การออกมาพูดของประธานวิปฝ่ายค้าน คงสืบเนื่องมาตั้งแต่การพิจารณา พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2566 ก่อนสภาผู้แทนราษฎรจะรับหลักการ แกนนำพรรค พท. ระบุว่า อาจมีเสียงของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล สวิงมาอยู่กับฝ่ายค้าน แต่พอถึงช่วงการพิจารณาให้ความเห็นชอบจริงๆ ปรากฏเสียงรับหลักการสูงถึง 278 เสียง ไม่รับหลักการ 192 เสียง ห่างกันแบบขาดลอยถึง 84 เสียง ขณะที่ฝ่ายค้านเดิมเดิมมี 209 เสียง หายไปอีก 15 เสียง

ส่วน พรรคเศรษกิจไทย (ศท.) และ ส.ส.กลุ่ม 16 ซึ่งถูกตั้งข้อสังเกตก่อนหน้านี้ อาจสร้างปัญหาให้กับรัฐบาล   แต่ในที่สุดก็ไม่มีปัญหาใดใดทั้งสิ้น ส.ส.ซีกฝ่ายบริหารลงคะแนนให้ความเห็นชอบอย่างพร้อมเพียง

ขณะที่พรรค พท. ซึ่งก่อนหน้านี้คุยโวว่าจะ “แลนด์สไลด์” แต่สุดท้ายมี “7 ส.ส.งูเห่า” โหวตสวนมติพรรค ประกอบด้วย 3 ส.ส.ศรีสะเกษ ได้แก่ จาตุรงค์ เพ็งนรพัฒน์, ธีระ ไตรสรณกุล และ ผ่องศรี แซ่จึง ที่เคยเปิดตัวไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อวันที่ 20-21 พ.ค.ที่ผ่านมา 

ส่วนอีก 4 คน ได้แก่ นิยม ช่างพินิจ ส.ส.พิษณุโลก, วุฒิชัย กิตติธเนศวร ส.ส.นครนายก, สุชาติ ภิญโญ ส.ส.นครราชสีมา รวมทั้ง จักรพรรดิ ไชยสาส์น ส.ส.อุดรธานี ที่ยังแทงกั๊ก แต่ก็มีกระแสข่าวจะไปอยู่พรรคภท.เช่นกัน

รวมถึง ส.ส.หน้าเก่า 4 คนจาก พรรคก้าวไกล (กก.) ได้แก่ ขวัญเลิศ พานิชมาท ส.ส.ชลบุรี, คารม พลพรกลาง ส.ส.บัญชีรายชื่อ, พีรเดช คำสมุทร ส.ส.เชียงราย และ เอกภพ เพียรวิเศษ ส.ส.เชียงราย ที่ไปอยู่กับพรรค ภท.

“นิยม ช่างพินิจ” ส.ส.พิษณุโลก พรรค พท. ที่ออกเสียงสวนมติพรรคต้นสังกัด ให้ความเห็นว่า “ที่ผ่านมาพรรคพท.โหวตงดออกเสียงมาตลอด แต่เที่ยวนี้มาให้ไม่รับหลักการ จึงจำเป็นต้องโหวตสวนมติพรรค ส่วนอนาคตทางการเมืองคงจะไปอยู่ กับ ภท. เป็น ส.ส.อยากทำงานให้ประชาชน แต่การเป็น ฝ่ายค้าน ไม่มีงบลงพื้นที่ไปช่วยแก้ปัญหา ถ้าพรรคจะมีมติขับออกจาก ส.ส.ก็พร้อมรับมติพรรค”

ด้าน “จักรพรรดิ ไชยสาส์น” ส.ส.อุดรธานี พรรค พท. กล่าวว่า เที่ยวนี้ พท.ตั้งเป้าไม่เห็นด้วย ขัดกับวัฒนธรรมการลงมติในอดีต ไม่น่าจะถูกต้อง จึงโหวตสวน น่าแปลกที่พรรคโหวตไม่รับหลักการ แต่กลับไปร่วมเป็น กมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณฯ ในวาระสอง ดูไม่ค่อยดี

“พรรคต้องตอบคำถามข้อสงสัยของประชาชนให้ได้ ไม่ใช่แค่ตอบผม ไม่ใช่พนักงานบริษัท ใครจะมาสั่งอะไรได้ แต่มาจากประชาชน มีเอกสิทธิ์การโหวต ส่วนที่มองว่าจะไปอยู่พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ยังตอบไม่ได้ เป็นเรื่องอนาคต ขอให้เป็นไปตามเวลา”

มีคำถามเกิดขึ้น คือทำไม “พรรค พท.” จึงมีแต่คนเดินออก ไม่เคยมีข่าวส.ส.จากพรรคการเมืองไหน ๆ ย้ายเข้าสังกัด ซึ่งอาจเพราะมีข่าววงใน เล็ดลอดว่า พรรคการเมืองนี้หวังกินบุญเก่า คนมีตำแหน่งสำคัญมีดีลกับแกนนำพรรค จ่ายเงินให้ผู้สมัครส.ส. แค่คนละ 6 ล้านบาท ที่เหลือผู้ลงสมัคร ส.ส.ระบบเขต ในนามพรรคพท. ต้องออกค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้งเอง

บรรดาคนที่อยากลงสมัคร เลยคิดว่า ถ้าเดินหน้าทำงานการเมืองไป คงมีแต่เจ๊ง เป็นหนี้เป็นสิน ยิ่งต้องมาเป็นฝ่ายค้าน แล้วถ้าเป็นรัฐบาล เป็นรัฐมนตรีไม่ได้ เนื่องจากมี โควต้ากลางของ “ทักษิณ ชินวัตร” นอกจากนี้ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของส.ส.พรรคพท. วันหนึ่ง….ยังถูกเปรียบเหมือนหมู-เหมือนหมา

แม้กระทั่งบรรดาแกนนำ นปช. และคนเสื้อแดง ซึ่งเป็นด่านหน้าในการต่อสู้กับฝ่ายตรงข้าม หวังให้ตระกูล “ชินวัตร” กลับมาครอบครองอำนาจรัฐ หลายคนต้องติดคุก บางคนต้องเสียชีวิตในต่างแดน ไม่เคยได้รับการเหลียวแล จากผู้มีอำนาจในพรรคเพื่อไทย

ไม่ว่าจะเป็น “ตู่” จตุพร พรหมพันธุ์-“เต้น” ณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ-น.พ.เหวง โตจิราการ-จรัล ดิษฐาอภิชัย-นิสิต สินธุไพร ซึ่ง “ทักษิณ” ไม่เคยพูดถึงคนพวกนี้เลย แต่ทุกอย่างกลับไปชูที่ “อุ๊งอิ๊ง” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร “หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย” และ ประธานยุทธศาสตร์พรรค ด้านนวัตกรรมและการมีส่วนร่วม

เอาสีแดงมาเคลือบพรรค แต่ไม่เคยเอาหัวใจของคนสีแดงมาอยู่ในความนึกคิดเลย

อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร

พอเปิดแคมเปญ “ดึงคนเสื้อแดงกลับบ้าน-ดึงอดีตส.ส.พรรคพท.กลับพรรค” แต่มุขกลับแป๊ก ด้วยเหตุผล  

1.พรรค พท. กินบุญเก่า “ทักษิณ” โดยที่ไม่สนใจคนรุ่นเก่า-คนรุ่นใหม่ ที่ต้องมาบาดเจ็บล้มตาย ติดคุก ติดตาราง ไม่เคยใส่ใจดูแล แม้แต่จะเอ่ยเอื้อนถึง ส่งผลให้ ระบบนิเวศน์ทางการเมืองเปลี่ยนแปลงไปมากเลย

2.ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของ ส.ส.ไม่มี  ใช้ “อุ๊งอิ้ง” มานำหน้าเหล่าส.ส.ที่มากประสบการณ์ จะรับได้หรือ จะอยู่ต่อ ก็อยู่แบบกล้ำกลืนฝืนทนกันไปเท่านั้น

3.เอาสีแดงมาย้อมพรรค โดยไม่สนใจหัวใจ “คนเสื้อแดง” เช่นทอดทิ้ง “บุญทรง เตริยาภิรมณ์” และ “ภูมิ สาระผล” สองนักโทษในคดีทุจริตโครงการรับจำนำข้าว

แล้วอย่างนี้จะเกิดปรากฎการณ์แลนด์สไลด์ได้อย่างไร ????

……………………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img