วันอังคาร, เมษายน 23, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS'ผบ.ตร.หลบฉาก'สะเทือน พิษบ่อน-แรงงานผิดกม.
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

‘ผบ.ตร.หลบฉาก’สะเทือน พิษบ่อน-แรงงานผิดกม.

ทำงานยังไม่ถึง6 เดือน ก็เริ่มมีกระแสข่าว “บิ๊กปั๊ด” พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนที่ 13 อาจเผชิญขวากหนามครั้งสำคัญ ไม่สามารถเดินหน้าไปต่อได้ในฐานะ “แม่ทัพสีกากี”

หลังเชื้อไวรัสร้าย “โควิด-19” กลับมาระบาดใหม่ แถมยังมีแนวโน้มรุนแรงมากกว่าเดิม ซึ่งสาเหตุสำคัญมาจาก การลักลอบเปิดบ่อนพนันหลายพื้นที่ในภาคตะวันออก โดยมี “ระยอง” เป็นจุดเริ่มต้น ทำให้ผู้ติดเชื้อลุกลามไปหลายจังหวัด

จนเกิดคำถามตามมา ถึงประสิทธิภาพการทำงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ภายใต้การดูแลของ “บิ๊กปั๊ด” ว่า ทำงานโดยยึดหลักการได้ดีแค่ไหน ก็ในเมื่อบ่อนถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ผู้รับผิดชอบปล่อยให้เกิดขึ้นได้อย่างไร  

cr / เพจไทยคู่ฟ้า

 

ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 29 ธ.ค.ว่า ถึงกรณีการลักลอบปิดบ่อนการพนันว่า รัฐบาลต้องแก้ไขต่อไป ตนในฐานะดูแลฝ่ายความมั่นคง จะกำชับและลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้อง ในชั้นต้นจะดำเนินการกับผู้ที่ปล่อยปละละเลยก่อน ซึ่งได้สั่งการให้ลงโทษไปแล้ว

แต่ที่กลายเป็นประเด็น และทำให้หลายคนต้องขบคิดและนำไปตีความมากนั้น เมื่อสื่อบางสำนักรายงานว่า ระหว่างการประชุม(คณะรัฐมนตรี ) ครม. นายกฯได้มีการยกตัวอย่างเหตุที่เกิดที่ จ.สมุทรสาคร จ.ระยอง ซึ่งมีการระบาดใหม่จากโควิด-19เป็นวงกว้างและมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก  โดยได้ให้กำลังใจเจ้าหน้าที่และกำชับให้ไปตรวจสอบค้นหาให้ได้ว่า เกิดข้อเท็จจริงอย่างไรถึงได้มีการระบาดใหม่ขึ้น และติดแพร่หลายไปทั้งประเทศ

“ดังนั้นต้องไล่เรียงกันให้ได้ว่าเจ้าหน้าที่ส่วนไหนรับผิดชอบ ตั้งแต่ระดับผู้กำกับการ ผู้บังคับการ ขึ้นมาเรื่อยๆ ถึงขั้นถ้าสุดท้ายจะต้องย้ายผบ.ตร.ก็ต้องทำ ต้องไล่เบี้ยกันไปให้ถึงที่สุด”

เลยกลายเป็นคำถามตามาว่า นอกเหนือจากปัญหาเรื่องบ่อน มีเหตุผลอื่นหรือไม่ ที่ทำให้หัวหน้ารัฐบาลออกมากล่าวพาดพิง การทำงานของ “แม่ทัพสีกากี” ทั้งๆที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่งยังไม่ถึง 6 เดือน ขณะที่ผู้บริหารสูงสุดของตร. ก่อนหน้านั้นคือ “บิ๊กแป๊ะ” พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา กลับสามารถประคับประคองตัวเอง ให้อยู่ในตำแหน่งได้จนเกษียณอายุราชการ อยู่ได้ยาวนานถึง 5 ปี   

 

หรือเกี่ยวข้องกับกระแสข่าวที่กระเซ็นกระซาย  ออกมาจาก “ตึกไทยคู่ฟ้า” ทำนองว่า “พล.อ.ประยุทธ์” ไม่ค่อยพอใจรูปแบบและวิธีการทำงานของ “บิ๊กปั๊ด” โดยเฉพาะเวลามีปัญหาสำคัญ หรือเรื่องร้อนๆ ที่เกี่ยวข้องกับภาระความรับผิดชอบของตร. ไม่ค่อยเห็น “แม่ทัพสีกากี” อยู่หน้างาน ไม่ยอมชนกับเรื่องร้อนๆ  ไม่ช่วยรับแรงปะทะที่เกิดขึ้นกับฝ่ายบริหาร ปล่อยให้หัวหน้ารัฐบาล ตกเป็นเป้าโจมตีเพียงลำพัง

เริ่มตั้งแต่การอุบัติขึ้นของ “ม็อบสามนิ้ว” ซึ่งหลายครั้งมีพฤติกรรมจาบจ้วงสถาบัน แต่ตำรวจมักไม่เข้าไประงับเหตุ กลับให้คนกลุ่มนี้กระทำการไม่เหมาสม จากนั้นจึงตามไปดำเนินคดีภายหลัง จนทำให้คนไทยที่มีความจงรักภักดีกับสถาบัน วิพากษ์จารณ์การทำงานของเจ้าหน้ารัฐ ซึ่งสวมเครื่องแบบสีกากีชอบเล่นบท “หน่อมแน้ม” จับแล้วปล่อย ปล่อยแล้วจับ ทำให้คนทำผิดไม่เกรงกลัวกฎหมาย

พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข / cr สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ

สอดคล้องกับฉายาตำรวจประจำปี 2563 ซึ่งสมาคมผู้สื่อข่าวและช่างภาพอาชญากรรมแห่งประเทศไทยร่วมกันคัดเลือกและพิจารณาตั้งให้ “แม่ทัพสีกากี” คือ “ผบ.หลบฉาก” โดยให้เหตุผลว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์เป็นนายตำรวจมากฝีมือ การก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งสูงสุดขององค์กรตำรวจ ได้ตั้งความหวังให้กับพี่น้องประชาชนถึงการทำงานของตำรวจยุคใหม่

โดยเฉพาะการคลี่คลายคดีที่สังคมให้ความสนใจ เช่น คดีการหายตัวไปของ “น้องชมพู่” แต่จนแล้วจนรอดการแถลงข่าวของพล.ต.อ.สุวัฒน์ ก็ยังสร้างความแคลงใจให้กับสังคม ถึงการหายตัวไปของน้องชมพู่ จนทุกวันนี้ก็ยังไร้คำตอบ และบ่อยครั้งในห้วงที่ผ่านมายังไม่ค่อยเห็นการชี้แจงถึงความคืบหน้าในคดีต่างๆ และคอยหลบการให้สัมภาษณ์จากสื่อมวลชน มีเพียงการมอบหมายให้ทีมงานโฆษกชี้แจงเท่านั้น จึงเป็นที่มาของฉายา “ผบ.หลบฉาก”

พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ

ขณะที่ “พล.ต.อ.วิสนุ ปราสาททองโอสถ” จเรตำรวจแห่งชาติ (จตช.) ออกมาให้ความเห็นถึงการแพร่ระบาดเชื้อโควิดในพื้นที่ จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี มาจากบ่อนการพนันว่า พล.ต.อ.สุวัฒน์ได้สั่งการให้จตช.ตรวจสอบข้อเท็จจริงตำรวจที่ปล่อยปละละเลย จนเป็นผลสืบเนื่องให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ดังกล่าว ทั้งๆ ที่ผบ.ตร.ได้ประชุมสั่งการกำชับและคาดโทษไม่ให้ปล่อยปละละเลยให้มีการเปิดบ่อนการพนัน ซึ่งเสี่ยงต่อการแพร่เชื้อโควิด-19 มาแล้วหลายครั้ง

อีกทั้งยังสั่งการให้ “พล.ต.ท.เชษฐา โกมลวรรธนะ” จเรตำรวจ (หัวหน้าจเรตำรวจ) จัดทีมลงพื้นที่จังหวัดระยองและชลบุรี ตรวจสอบและรายงานผลใน 3 วัน เพื่อรายงานต่อ ผบ.ตร. หากพบว่ามีข้อบกพร่อง ผู้มีหน้าที่กำกับดูแลที่เกี่ยวข้องต้องรับผิดชอบ

ในขณะเดียวกันได้สั่งการให้ “พล.ต.ท.วีระ จิระวีระ” ผบช.ภ.2 เร่งดำเนินการพิจารณาตรวจสอบทุกสถานีในสังกัดของตน หากพบพื้นที่ใดยังปล่อยปละละเลย ให้ทำการจับกุมและลงโทษหัวหน้าหน่วยและเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องในพื้นที่โดยเร็ว พร้อมกำชับให้เพิ่มความเข้มในการป้องกันปราบปรามแหล่งอบายมุขและบ่อนการพนันทุกประเภททุกแห่งในพื้นที่บช.ภ. 2 อย่างเข้มข้น อย่าให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก

จตช. ยังคาดโทษไปยังทุกกองบัญชาการว่า หากมีพื้นที่ไหนยังปล่อยปละละเลย ให้มีการเปิดบ่อนพนัน จะดำเนินการทางวินัยและปกครองกับหัวหน้าหน่วย และเจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบอย่างเด็ดขาด

จากนั้นก็มีการโยกย้ายนายตำรวจระดับ ผบก. ที่ดูแลในจังหวัด ทั้งระยอง ชลบุรีตามมา ขณะที่ในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน เมื่อวันที่ 28 ธ.ค. ก็มีข่าวเจ้าหน้าที่จากกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (บช.ก.) และตำรวจกองบังคับการสายตรวจและปฏิบัติการพิเศษ 191 (บก.สปพ.) เข้าทลายบ่อนซอยแจ้งวัฒนะ 14 พื้นที่ สน.ทุ่งสองห้อง จับกุมนักพนันได้ 94 คน

ทำให้ “พล.ต.ท.ภัคพงศ์ พงษ์เภตรา” ผบช.น. เจ้าของรหัส น.1 ได้มีคำสั่งที่ 552/2563 ลงวันที่ 28 ธ.ค.63 แต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง โดยมอบหมายให้ “พล.ต.ต.สำราญ นวลมา” รอง ผบช.น. ซึ่งเป็นผู้ควบคุมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.ร่วมจับกุม เป็นประธานกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง

อีกทั้งยังมีคำสั่งที่ 553/2563 สั่งย้ายตำรวจให้ขาดจากต้นสังกัดเดิม จำนวน 6 นาย ประกอบด้วย ดังนี้ พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผบก.น.2, พ.ต.อ.กฤษณ์พนธ์ เพ็ชรสดศิลป์ ผกก.สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ท.สุรินทร์ ภู่ฤทธิ์ รอง ผกก.สส.สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ท.ธนิศร บุญแม้น รอง ผกก.ป.สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ต.ณัฐพงศ์ ร้องเกาะเกิด สว.สส สน.ทุ่งสองห้อง, พ.ต.ต.กิตติพศ อินทร์จันทร์ สวป.สน.ทุ่งสองห้อง

นั่นหมายความว่า  จากเดิมเวลามีการจับบ่อนในพื้นที่ต่างๆนั้น ในส่วนของตร. จะสั่งย้ายแค่ ผกก. รองผกก.สส. รองผกก.ป. สว.สส. และสวป. แต่ได้มีการยกระดับขึ้นจนถึงระดับ ผบก. ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย แต่พอเกี่ยวข้องกับการระบาดของไวรัส-19  ในพื้นที่ภาคตะวันออก คำถามคือ เพียงแค่โยกย้าย “ผบก.” เพียงพอหรือไม่ หรือนายตำรวจระดับ “ผบช.” ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

นอกเหนือจากปัญหาเรื่องบ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญทำให้ไวรัสร้ายกระจายตัว อีกเหตุผลหนึ่งคือการลักลอบนำเข้าแรงงานต่างด้าว เข้ามาทำงานอย่างผิดกฎหมาย จนทำตัวเลขผู้ติดเชื้อปัญหาสูงขึ้น ซึ่งต้นทางมาจาก “ตลาดกุ้งมหาชัย” จ.สมุทรสาคร จนนำมาสู่การล็อกดาวน์ทั้งพื้นที่ เพื่อควบคุมไม่ให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อ กระจายไปยังพื้นที่อื่น

ซึ่งในส่วนการดูแลเรื่องเดินทางเข้าออกคนต่างชาติ โดยเฉพาะแรงงานต่างด้าว เป็นหน้าที่ของหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งทหาร ฝ่ายปกครองและตร. ซึ่งในส่วนของตำรวจนั้น หน่วยงานที่รับผิดชอบคือ “สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (ตม.)” ยิ่งตอกย้ำว่า ตร.ในยุค “บิ๊กปั๊ด” เป็นแม่ทัพสีกากี อยู่ในภาวะ “การ์ดตก” กลายเป็นหมูบ้านกระสุนตก เริ่มมีการตั้งคำถามถึงประสิทธิภาพและความสามารถในการทำงาน จะทุ่มเทศักยภาพทั้งหมด โดยไม่หวั่นไหวกับแรงกดดันต่างๆหรือไม่

แต่ที่สุดแล้ว ถ้าจะมีฟ้าผ่าเกิดขึ้นบริเวณสี่แยกปทุมวันจริงๆ “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ไม่สามารถไปต่อได้ในฐานะ “ผบ.ตร.” คำถามคือผู้สวมเครื่องแบบสีกากีคนไหน จะเข้ามาแบกรับภารกิจที่มีความสำคัญ ซึ่งอาจจะมีนายตำรวจ 2 ท่านที่มีลุ้นกับบทบาท “แม่ทัพสีกากี” คนที่ 14  คนแรกคงหนีไม้พ้น “บิ๊กมนู” พล.ต.อ.มนู เมฆหมอ รองผบ.ตร. ซึ่งรับผิดชอบดูแลงาน ป้องกันปราบปรามอาชญากรรม

ส่วนคนที่สองคือ “บิ๊กเบิ้ม” พล.ต.อ.ชนสิษฎ์ วัฒนวรางกูร รองผบ.ตร. รับผิดชอบงานกฎหมายและคดี กำกับดูแลสำนักงานกฎหมายและคดี, ภ.1-9 (เฉพาะ บก.กค.)

คนแรกมีพี่เลี้ยงดี แถมกองหนุนยังทรงพลังพาวเวอร์ แม้ในการลงชิงตำแหน่งครั้งแรก จะสู้แรงผลักดัน “พล.ต.อ.สุวัฒน์” ไม่ได้ ต้องพ่ายไปแบบหวุดวิด แต่มาเที่ยวนี้สถานการณ์เปลี่ยน เมื่อ ผบ.ตร. เล่นบท “หลบฉาก” อะไรจะเกิดก็ต้อง…เกิด

ส่วน “บิ๊กเบิ้ม” ถือเป็นนายตำรวจ ที่ได้รับความไว้วางใจจาก หัวหน้ารัฐบาล ได้รับมอบมายให้ทำงานลับๆ อยู่หลายเรื่อง อาจมีลุ้นได้รับโบนัสก้อนโตก่อนเกษียณอายุราชการ แต่ต้องอย่าลืมสำนวนที่ว่า “คนกำหนด มิอาจสู้ฟ้าลิขิตได้”

………………………………..

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

 โดย.. “แมวสีขาว”

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img