วันพุธ, เมษายน 17, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ป.ที่4” อำนาจเหนือ “3 ป.” พปชร.ระส่ำติดบ่วง“ดีลลับ”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ป.ที่4” อำนาจเหนือ “3 ป.” พปชร.ระส่ำติดบ่วง“ดีลลับ”

ถูกจัดอยู่ในสถานะข่าวร้ายลงฟรีข่าวดีเสียเงินจริงๆ กับสภาพที่เกิดขึ้นกับ “พลังประชารัฐ” (พปชร.) ในขณะนี้ ทั้งที่ๆ มีบทบาทเป็นพรรคแกนนำรัฐบาล มีทั้ง อำนาจรัฐ และ อำนาจเงิน แต่กระแสข่าวที่ออกมา มักจะเป็นเรื่องลบๆ อย่างเสมอต้นเสมอปลาย 

กรณีการประชุมร่วมรัฐสภาเมื่อวันที่ 15 ส.ค. ซึ่งมีการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว และปรับปรุงแก้ไขให้สอดคล้องกับมาตรา 23 ที่เกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ด้วยการหาร 500 โดยเป็นวันสุดท้ายที่จะครบกำหนดกรอบ 180 วัน

หากพิจารณาไม่แล้วเสร็จ จะต้องกลับไปใช้ร่าง พ.ร.ป.ฉบับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่ใช้สูตรหาร 100 โดยจะเป็นการเริ่มพิจารณามาตรา 24/1 ซึ่งกมธ.เพิ่มขึ้นมาใหม่ เกี่ยวกับการคำนวณส.ส. และการประกาศผลการเลือกตั้ง   ซึ่งเป็นมาตราที่ต้องหยุดการพิจารณาไปเพราะช่วงที่ผ่านมา ลงมติไม่ครบองค์ประชุม จากการประชุมร่วมรัฐสภาครั้งที่ผ่านมา

ในที่สุดการประชุมก็ซ้ำรอยอีหรอบเดิม มี ผู้มารวมลงชื่อเพียง 355 คน ส่งผลให้ “ชวน หลีกภัย” ประธานรัฐสภา ต้องสั่งปิดประชุม ถือว่าร่างพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง พิจารณาไม่ทันตามกรอบเวลา 180 วัน ทำให้จะต้องกลับไปใช้ร่างพ.ร.ป.ฯฉบับครม. ที่ใช้สูตรหาร 100 ท่ามกล่างกระแสข่าว “ดีลลับ” ของสองขั้วการเมือง “พปชร.” และ “พรรคเพื่อไทย” (พท.) ที่หวังจับมือตั้งรัฐบาลร่วมกัน หลังการเลือกตั้งครั้งหน้า

หรือในกรณี “พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา” นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ไปต่อไม่ได้ อันเนื่องมาจากดำรงตำแหน่งครบ 8 ปี ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่ อาจผลักดันให้ “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกฯแทน ในช่วงระยะเวลาที่เหลืออยู่อีกประมาณ 6-7 เดือน ก่อนสภาจะหมดวาระ โดยอาศัย เสียงพรรคฝ่ายค้าน เปิดทางให้คนนอกเข้ามาเป็นนายกฯได้

ยิ่งไปไล่ดูรายชื่อผู้ไม่มาแสดงตนเป็นองค์ประชุม ในการโหวตมาตรา 24/4 ร่างพ.ร.บ.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. จนเป็นเหตุให้เกิดสภาล่มนั้น เสียงที่ขาดหายไปจนทำให้เกิดปัญหา มาจากสองพรรคใหญ่ ทั้ง “พท.” และ “พปชร. ร่วมกันเกือบ 200 เสียง ในส่วนพรรคพท.ไม่มาแสดงตน 120 คน จาก 132 คน โดยผู้มาแสดงตน 12 คน ของพรรค พท. ส่วนใหญ่เป็นส.ส.งูเห่า ที่จะย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ในสมัยหน้า

รวมถึงส.ส.ที่มีแนวโน้มจะไปอยู่กับ พรรคไทยสร้างไทย (ทสท.) ของคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ อาทิ นายการุณ โหสกุล, น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ส.ส.กทม. ตลอดจนมีส.ส.เพื่อไทย บางคนก็ร่วมแสดงตนเป็นองค์ประชุมคือ นายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม น.ส.ชนก จันทาทอง ส.ส.หนองคาย ขณะที่ส.ส.พปชร.

มีผู้ไม่มาแสดงตน 88 คน จากส.ส.ทั้งหมด 97คน มาแสดงตนแค่ 9 คน ส่วนใหญ่เป็นส.ส.กทม. อาทิ นายจักรพันธุ์ พรนิมิต นายกษิดิ์เดช ชุติมันต์ น.ส.ฐิติภัสร์ ชาติเดชาชัยนันต์ น.ส.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ นายประสิทธิ์ มะหะหมัด รวมถึงนายนิโรธ สุนทรเลขา ส.ส.นครสวรรค์ และประธานคณะกรรมการประงางานพรรคร่วมรัฐบาล (วิปรัฐบาล) น.ส.วทันยา บุนนาค ส.ส.บัญชีรายชื่อ

นำมาสู่เสียงวิจารณ์ด้านลบอย่างกว้างขวาง ต่อพฤติกรรมของผู้ทรงเกียรติ แม้จะเป็นสิทธิ์ในการแสดงออก แต่ค่าใช้จ่ายที่ต้องสูญเสียไปกับการประชุมรัฐสภา ซึ่งถือเป็นเงินภาษีประชาชน ถามว่าใครจะเป็นคนรับผิดชอบ และบางส่วนก็เห็นว่า ผู้แทนประชาชนน่าจะมีวิธีการที่ดีกว่านี้ กับการไม่ยอมรับให้กฎหมายผ่านกระบวนรัฐสภาฯ 

แม้จะมีคำอธิบายจาก “ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์” รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และ รองหัวหน้าพรรค พปชร. กรณีที่มีการกล่าวหาว่าพรรค พปชร. สั่งการทำให้สภาล่มว่า การทำหน้าที่ของ ส.ส.และส.ว. เป็นเอกสิทธิ์ พรรค พปชร.ไม่ได้มีมติหรือคำสั่งในเรื่องนี้ว่าไม่ให้เข้าประชุม และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯในฐานะหัวหน้าพรรคพปชร. ไม่ได้สั่งการในเรื่องนี้ แต่ยอมรับว่า ส.ส.และส.ว.ได้พูดคุยกันในประเด็นนี้ว่า บางคนไม่เห็นด้วยกับการหารด้วย 500 เพราะเกรงว่า จะขัดรัฐธรรมนูญ (รธน.) โดยอาจงดออกเสียงหรือโหวตให้ตกในวาระ 3 หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้น การเลือกตั้งตามรธน.ก็จะมีปัญหา เพราะต้อง เสนอกฎหมายเลือกตั้งกันใหม่ ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาหลายเดือน อาจไม่ทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ทันในปีนี้

จากการรับฟังส.ส.และส.ว. ส่วนใหญ่เห็นว่า จะไม่เข้าพิจารณาเพื่อให้กฎหมายไม่ผ่านในกรอบ 180 วัน แล้วใช้ร่างที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เสนอผ่านครม. ซึ่งถือว่า เป็นร่างที่เป็นกลาง แน่นอน เพราะไม่ใช่ร่างที่ฝ่ายการเมืองใดฝ่ายการเมืองหนึ่งเสนอ และจะเร็วกว่าการให้กฎหมายไปถึงวาระ 3 และโหวตไม่ผ่าน ซึ่งถ้าดูจากเสียงที่ออกมาโหวตไม่ผ่านแน่นอน

แต่เสียงสะท้อนจากหลายภาคส่วน ก็ยัง ออกมาในแง่ลบ กับบทบาทสมาชิกรัฐสภาฯ แม้กระทั่ง “มาดามเดียร์” น.ส.วทันยา บุนนาค ยังเลือกจังหวะนี้ลาออก จากการเป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ ของพรรค พปชร. โดยชี้แจงผ่านโพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวตอนหนึ่งว่า เมื่อสภาที่ควรเป็นที่พึ่งให้ประชาชน กลับเล่นเกมการเมืองทำลายศรัทธาประชาชน ในฐานะส.ส. ขอพิจารณาตัวเองตัดสินใจลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่และการเป็นสมาชิกพรรคพปชร.

นอกจากพรรคพปชร.จะเกิดภาวระส่ำระส่าย เรื่องสภาล้ม ยังกลายเป็นความบาดหมางระหว่าง “พปชร.” กับ “รวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ที่มี “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งในทางการเมืองใครก็รู้ว่า พรรคการเมืองน้องใหม่ ตั้งขึ้นเพื่อเป็นนั่งร้านให้ “นายกฯลุงตู่” ได้ไปต่อ ขณะที่ “พล.อ.ประยุทธ์” พูดอยู่เสมอว่า พรรคพปชร.ยังสนับสนุนตนเองให้เป็นนายกฯ

แต่เมื่อ หัวหน้าพรรคร ทสช. ออกมาโพสต์ข้อความว่า “ประชาชนเคยให้ความหวังกับการเลือกตั้งปี 2562 สุดท้ายทั้งพรรคหลัก พรรครอง แปรสภาพ เป็นนักกีฬามาเล่นเกม หัวหน้าทีมก็มีความสุขกับการสร้างความยิ่งใหญ่ให้กับตัวเอง และการยกยอปอปั้นจากบรรดาคนรอบข้าง คิดว่า การเมืองมีเพียงแค่ “เงิน” กับ “อำนาจ”

แต่ที่เลวร้ายที่สุด คือ การใช้บ้านเมือง เป็นสนามเล่นเกม โดยมีประชาชนเป็นผู้รับเคราะห์ เรื่องเหล่านี้กำลังกินลึกเข้าไปในหัวใจของประชาชน ผมเชื่อว่า เลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนจะร่วมกัน ให้บทเรียนสั่งสอนครั้งใหญ่ครับ”

ประโยคดังกล่าวกลับถูกตีความ  หวังพาดพิง หัวหน้าพรรค พปชร. โดย “ไพบูลย์ นิติตะวัน” รองหัวหน้าพรรค และประธานคณะกรรมการกฎหมายและข้อบังคับ พรรคพปชร.ระบุว่า ตามที่สื่อมวลชน ได้เผยแพร่ข่าวว่า นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครทสช. และ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย (สร.) ได้มีการโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวของบุคคลทั้งสอง และเผยแพร่ผ่านสื่อสารมวลชนด้วยถ้อยคำบางตอนในลักษณะที่เป็นการใส่ความกล่าวหาว่า ส.ส. พรรคพปชร. และพรรคพปชร. มีการกระทำผิดกฎหมาย ทั้งที่เป็นความเท็จทั้งสิ้นการกระทำของบุคคลทั้งสองทำให้ ส.ส.พปชร. และ พรรคพปชร.เสียหาย เป็นการกระทำด้วยมีเจตนาแอบแฝงเพื่อให้ได้เกิดประโยชน์กับพรรคการเมืองที่บุคคลทั้งสองสังกัดอยู่  ดังนั้นเพื่อรักษาหลักการแห่งกฎหมาย พรรคพปชร.จะดำเนินการแจ้งความร้องทุกข์ ดำเนินคดีเอาผิดกับบุคคลทั้งสองจนกว่าคดีถึงที่สุด

จากนั้น “พีระพันธุ์” ก็ออกมาโต้ตอบทันทีว่า ตนไม่ได้หมายถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและ หัวหน้าพรรคพปชร. เพราะพล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์เองว่าไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง ไม่เคยไปสั่งการใดๆ แล้วจะหมายถึงพล.อ.ประวิตรได้อย่างไร แต่การไปทำให้สังคมวุ่นวาย ทำให้สภาวุ่นวายแบบนี้ ตนเห็นว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง “ถ้าหากฟ้องมา ผมก็จะฟ้องกลับอย่างแน่นอน”

ภาพที่ออกมาเลยถูกมองเป็นสงครามตัวแทน เพราะ “ไพบูลย์” ก็ถือว่าเป็น “เด็กบิ๊กป้อม” ส่วน “พีระพันธุ์” ก็ถือเป็นเด็กสร้างของ “นายกฯลุงตู่” กลายเป็นพวกเดียวกัน แต่กลับมาก็มีปัญหาขัดแย้งกันเอง

จนหลายคนเริ่มมีความรู้สึกว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในพรรคแกนนำรัฐบาลขณะนี้ อาจเกิดจาก “ป.ที่ 4” ที่มีความใกล้ชิดกับ แกนนำพรรค พปชร. พยายามเข้ามาจัดกลไกภายในพรรค ต้องการให้ แกนนำพรรคฝ่ายค้าน และ แกนนำรัฐบาล ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลภายหลังการเลือกตั้ง เนื่องจาก “ป.ที่ 4” มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ “นายหญิง” แห่งบ้านจันทร์ส่องหล้า ตั้งแต่ยังรับราชการในหน่วยงานสำคัญ และช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาตลอด

อีกทั้ง “บิ๊ก ป.” คนใหม่นี้ ยังมีเข้าไปมีบทบาทสำคัญในหลายหน่วยงาน ทั้งแวดวงราชการ องค์กรอิสระ และ ภาคเอกชน แม้กระทั่งการนำเสนอข้อมูลข่าวสารของสื่อบางแห่ง รวมถึงมีข่าวว่า ในอนาคตหาก “พปชร.” จับมือกับ “พท.”….ผู้มากบารมีคนนี้ อาจเข้าไปรับตำแหน่ง “รมว.มหาดไทย” หรือส่งตัวแทนเข้าไปคุมหน่วยงานนี้  หรือถ้า “พปชร.” กลับมาเป็นแกนนำรัฐบาล ก็จะวางบุคคลที่ไว้วางใจให้เข้ามาทำหน้าที่รองนายกฯ ดูแล สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ไว้เรียบร้อยแล้ว

อย่างไรก็ตาม เหตุลสำคัญที่ “ป.ที่ 4” ไม่อยากเข้าไปรับตำแหน่งสำคัญด้วยตนเอง ด้วยเกรงว่า จะตกเป็นเป้าโจมตี เพราะบทสรุปของการตรวจสอบในบางองค์กร ถูกนักการเมืองหลายคนมองว่า ผู้มากบารมีคนใหม่อยู่เบื้องหลัง เตรียมที่จะหาข้อมูลมาเปิดโปง โดยเฉพาะประเด็นการเข้าไปช่วยเหลือเรื่องคดีดีความคนมีชื่อเสียง เลยพยายามเก็บเนื้อเก็บตัว ไม่อยากตกเป็นโจมตี

แต่บางที วันเวลาเปลี่ยน ความคิดอาจจะเปลี่ยน เมื่อ “บิิ๊กป.คนใหม่” เคยปรารภกับคนใกล้ชิด อยากลงสนามการเมืองด้วยตนเอง เมื่อถึงวันนั้น “ผู้มากบารมี” ที่แอบอยู่หลังม่าน อาจต้องเผชิญกับสิ่งเลวร้าย ได้รับรู้รสชาดและสิ่งที่ไม่เคยพบไม่เคยเจอมาก่อน

………………….

คอลัมน์ : ล้วง-ลับ-ลึก

โดย…“แมวสีขาว”                                                             

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img