วันพฤหัสบดี, เมษายน 18, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ทัวร์จีน”ลมหายใจเฮือกสุดท้าย“ท่องเที่ยวไทย”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ทัวร์จีน”ลมหายใจเฮือกสุดท้าย“ท่องเที่ยวไทย”

ขณะนี้หลายประเทศทั่วโลก เริ่มทยอยยกระดับมาตรการควบคุมโควิด-19 เพื่อเตรียมรับมือนักเดินทางจากจีน ที่คาดว่าจะหลั่งไหลออกนอกประเทศ หลังจากที่จีนประกาศเปิดประเทศตั้งแต่วันที่ 8 ม.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากความหวาดกลัวว่า จะมีนักท่องเทียวจีนเดินทางมาท่องเที่ยวนอกประเทศมากขึ้น หลังจากปิดประเทศนานถึง 3 ปี

นักท่องเที่ยวจีนเป็นกลุ่มใหญ่ที่ช่วงก่อนโควิด-19 ระบาด ในแต่ละปีมีนักท่องเทียวจีนเดินทางท่องเที่ยวประเทศต่างๆทั่วโลกกว่าร้อยล้านคน หากนักท่องเที่ยวจีนทะลักเข้ามาเที่ยวในประเทศ อาจจะเกิดการระบาดของโควิด-19 ระลอกใหญ่อาจได้ไม่คุ้มเสีย  

จนถึงตอนนี้ มีมากกว่า 12 ประเทศตั้ง “การ์ดสูง” ด้วยมาตรการ “จำกัดนักเดินทางที่มาจากจีน” แต่ละประเทศมีมาตรการหนัก-เบาแตกต่างกันไป ทั้งการระบุให้มีการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด แสดงผลตรวจเชื้อเป็นลบก่อนออกเดินทาง ไปจนถึงการสุ่มตรวจเชื้อจากนักเดินทาง ตลอดจนการปิดรับนักเดินทางจากจีน เพื่อสกัดการแพร่กระจายเชื้อ

นักท่องเที่ยวต่างชาติ

สหรัฐฯ เป็นประเทศแรกที่ออกมาประกาศและเข้มงวดเป็นพิเศษ ตามมาด้วย ออสเตรเลีย และ แคนาดา ในยุโรปก็มี ฝรั่งเศส อิตาลี สเปน ในเอเชียมี อิสราเอล ญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน กลุ่มประเทศอาเซียนมี ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย เป็นต้น แต่ละประเทศก็มีมาตรการต่างๆ กันตามความเหมาะสม ซึ่งส่วนใหญ่จะเข้มงวด เพราะเชื่อผลที่ได้รับในทางเศรษฐกิจไม่คุ้มกับระบบสาธารณสุขเสียหายได้

ขณะที่ รัฐบาลไทย กลับมีนโยบายสวนทาง โดยมาตรการปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวจีนให้เหมือนกับนักท่องเที่ยวจากประเทศอื่นๆ ไม่แบ่งแยก ต้องไม่เลือกปฏิบัติ เนื่องจาก การเปิดประเทศของจีนเป็นโอกาสทองที่จะปลุกธุรกิจท่องเที่ยวไทยให้ฟื้นกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง หลังจากซบเซาไปนาน

ทัวร์จีน

ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า วันนี้เศรษฐกิจไทยต้องพึ่งเนื้อนาบุญ การท่องเที่ยว ต้องยกให้เป็นพระเอกเพราะเป็น “เครื่องยนต์เดียว” ในการหารายได้เข้าประเทศ หลังจากการส่งออกที่เคยเป็นเครื่องยนต์หลักเริ่มแผ่วลงเรื่อยๆ เพราะเศรษฐกิจทั่วโลกเข้าสู่ภาวะถดถอย “นักท่องเที่ยวจีน” จึงเป็น “ลมหายใจเฮือกสุดท้าย” ของ “ธุรกิจท่องเที่ยวไทย” จริงๆ

ช่วงก่อนเกิดวิกฤติ ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวมากกว่า 40 ล้านคน สร้างรายได้ให้ประเทศเป็นสัดส่วน 11% ของจีดีพี และมีการจ้างงาน 7 ล้านคน หรือคิดเป็นสัดส่วน 20% ของการจ้างงานในระบบเศรษฐกิจ น่าสนใจตรงที่นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเที่ยวในไทยจำนวน 1 ใน 4 เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีนหรือราว 11 ล้านคนเลยทีเดียว

เมื่อจีนเปิดประเทศ จึงเป็นความหวังของภาคธุรกิจท่องเที่ยวไทยจะฟื้นกลับมาเหมือนเดิม และสัญญาณก็เริ่มดีเมืองท่องเที่ยว อย่างเชียงใหม่ ภูเก็ต สมุย พัทยา มีเอเย่นต์ทัวร์จากจีนไม่น้อยกว่า 30 รายติดต่อเข้ามายังพันธมิตรธุรกิจในเมืองไทย เพื่อขอข้อมูลและรายละเอียดแพ็กเกจการท่องเที่ยวกันอย่างคึกคัก ทั้งสายการบิน โรงแรม บริษัททัวร์

อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกของการเปิดประเทศของจีน จะยังมีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาไม่มากนัก โดยคาดว่าเดือน ม.ค. มีจำนวน 60,000 คน, เดือน ก.พ. 90,000 คน และเดือน มี.ค. จำนวน 150,000 คน รวมไตรมาสแรกน่าจะมีประมาณ 300,000 คน และตลอดทั้งปี 2566 ประเทศไทยจะมีนักท่องเที่ยวจีนจำนวนประมาณ 5 ล้านคนจากเดิมในปี 2565 มีนักท่องเที่ยวชาวจีนมาเที่ยวไทยแค่ 2.7 แสนคนเท่านั้น

หลายฝ่ายมั่นใจว่า การกลับมาของนักท่องเที่ยวนี้รอบนี้ ดีมานด์ตลาดนักท่องเที่ยวจีนพร้อมกลับมาเที่ยวแบบล้างแค้น หากเป็นจริง ไม่รู้ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้าย คงต้องเฝ้าจับตาด้วยความระทึกใจ

ต้อนรับนักท่องเที่ยวจีน

อย่างไรก็ตาม การฟื้นกลับมาของการท่องเที่ยวไทยต้องไม่เหมือนเดิม หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตั้งแต่ กระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา และ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ต้องใช้โอกาสนี้ รื้อและล้างไพ่กันใหม่ แบบยกเครื่อง

อย่าลืมว่า อดีตที่ผ่านมาในยุคที่การท่องเที่ยวไทยรุ่งเรือง ทัวร์จีนที่สร้างปัญหามากมายในอดีต ไม่ว่าจะเป็น “ทัวร์ศูนย์เหรียญ” ที่เม็ดเงินจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวจีน ไปตกอยู่ในมือกลุ่มธุรกิจจีน ที่ส่วนมากมาในรูปแบบกลุ่มทุนสีเทา มาแย่งธุรกิจคนไทยโดยมีคนไทยเป็นหุ่นเชิด รายได้จากนักท่องเที่ยวจีนจึงแทบไม่ตกถึงมือคนไทยเลย

อีกทั้งรายได้จากการท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะตกไปอยู่ในมือกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวรายใหญ่ โรงแรมขนาดใหญ่ที่เป็นเชนจากต่างประเทศ หรือของกลุ่มทุนใหญ่ในประเทศกลุ่มนี้มีไม่เกิน 20% เท่านั้น แต่ได้ประโยชน์แบบเต็มๆ แทนที่จะกระจายรายได้การท่องเที่ยวลงไปสู่การท่องเที่ยวแบบชุมชน ถึงมือคนในชุมชนบ้าง

ชุมชนท่องเที่ยวคลองหรูด (คลองน้ำใส) จ.กระบี่

ถึงเวลาแล้วที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวไทย ต้องปรับวิธีคิดใหม่ “ต้องไม่เน้นปริมาณ” แต่ควรให้ความสำคัญกับ “คุณภาพของนักท่องเที่ยว” เป็นหลัก ต้องไม่เน้นไปที่การเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวให้ได้ 40 ล้านคน รวมทั้งไม่ควรให้ความสำคัญกับจำนวนว่านักท่องเที่ยวจีนว่าต้องให้ได้ 10 ล้านคนเหมือนที่ผ่านมา ขอแค่กลับมา 2-3 ล้านคน แต่มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น…เท่านั้นก็พอ

หัวใจสำคัญคือ “การใช้จ่ายเงินของนักท่องเที่ยว” ให้มาอยู่ในกระเป๋าเงินของคนไทยมากขึ้น ต้องมีกลยุทธ์จูงใจให้นักท่องเที่ยวใช้เวลาอยู่ในประเทศไทยยาวขึ้นกว่าเดิม

เหนือสิ่งใดการท่องเที่ยวของไทย ไม่ควรยืมจมูกนักท่องเที่ยวจีนและไม่ต้องเน้นปริมาณเท่านั้น แต่ต้องเน้นคุณภาพมากขึ้น

…………………..

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img