วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“พรรคการเมือง”หนีตาย … โหน“ไฟฟ้าประชานิยม”
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“พรรคการเมือง”หนีตาย … โหน“ไฟฟ้าประชานิยม”

ปัญหาค่าไฟฟ้าแพงหูฉี่ ที่เรื้อรังมาข้ามปี…เริ่มแผลงฤทธิ์ ค่าไฟที่ชาวบ้านต้องจ่าย เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าตกใจอย่างน้อยๆ 50% บางรายเพิ่ม 100% หรือเท่าตัว ปัจจุบันค่าไฟฟ้าบ้านหน่วยละ 4.72 บาท แต่ค่าไฟฟ้าสำหรับอุตสาหกรรมหน่วยละ 5.33 บาท

แต่เดือนหน้างวดเดือนพฤษภาคม-สิงหาคม ค่าไฟฟ้าใช้ในบ้าน 4.70 บาทต่อหน่วย จากเดิมที่กำหนดไว้ 4.77 บาทต่อหน่วย เพิ่งหารือกันลดลงมาเพื่อเอาใจบ้านช่วงหาเสียง แต่สำหรับภาคอุตสาหกรรมปรับลงจาก เดิม 5.33 บาทเหลือเพียง 4.77 บาท เท่ากับอัตราเดิม

ค่าไฟแพง

ค่าไฟแพง จึงกลายเป็น “ทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์” ที่ทุกคนต้องพูดถึง “พรรคการเมืองทุกพรรค” สบช่องหยิบฉวยมาเป็นประเด็นการเมืองนำมาโจมตีกัน พรรคการเมืองต่างๆ ชูประเด็น “ลดค่าไฟ” มาเป็นนโยบายหาเสียงอย่างเร่งด่วน บรรยากาศการหาเสียงกลายเป็น “ไฟฟ้าประชานิยม” แข่งกันหั่นค่าไฟแบบสุดๆ เพื่อเรียกคะแนน

เท่าที่ติดตามดู 6 พรรคการเมืองที่เสนอลดค่าไฟฟ้า ตัวอย่างคร่าวๆ เช่น “ชาติพัฒนากล้า” เตรียมรื้อโครงสร้างพลังงาน เลิกผูกขาดสายส่ง เพื่อให้ประชาชนสามารถเลือกใช้ไฟราคาถูก ด้าน “ไทยสร้างไทย” ประกาศลดค่าไฟ เหลือหน่วยละ 3.5 บาท ขณะที่ “ภูมิใจไทย” แจกหลังคาโซลาร์เซลล์ฟรี และให้สิทธิซื้อรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าในราคาแค่ 6 พันบาท “เพื่อไทย” บอกว่าจะลดราคาทั้งค่าไฟ แก๊สหุงต้ม และน้ำมัน พร้อมเจรจากัมพูชาเพื่อขุดก๊าซธรรมชาติในพื้นที่ทับซ้อนขึ้นมาใช้

ฝ่าย “พลังประชารัฐ” เร่งลดราคาพลังงานเช่นกัน อีกทั้งจะผลักดันโครงการโซลาร์ประชารัฐ และโรงไฟฟ้าประชารัฐ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้ประชาชน ส่วน “พรรคก้าวไกล” จะลดประโยชน์ให้กลุ่มทุน เพื่อกดค่าไฟลงหน่วยละ 70 สตางค์พร้อมแจกแจงการรื้อโครงสร้างราคาพลังงานอย่างเป็นขั้นเป็นตอน

แม้แต่ “รวมไทยสร้างชาติ” ก็พลอยเกาะแสด้วย คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ บอกถ้าได้เป็นรัฐบาลจะลดค่าไฟฟ้าลงมา เพราะไปคำนวณมาแล้ว ค่าไฟฟ้าควรจะอยู่ที่หน่วยละ 3.90 บาท

ก่อนหน้านี้ “ลุงตู่” ชิงธงลดค่าไฟรักษาเรทติ้งรัฐบาล หลังโดนโจมตีอย่างหนักและเป็นการต่อลมหายใจผู้ใช้ไฟฟ้าชั่วคราว สุดท้ายเม็ดเงินที่เคยลดให้ ก็จะนำมาบวกเพิ่มภายหลังอยู่ดี นอกจากไม่ช่วยแล้ว กลายเป็นภาระหนักกว่าเก่า อันที่จริงจากการศึกษาของสภาอุตสาหกรรม ค่าไฟฟ้าไม่ควรจะเกิน 4.40 บาทต่อหน่วย

ทำไมราคาค่าไฟฟ้าบ้านเราถึงแพงซึ่งก็มีหลายปัจจัย!!!

ปัจจัยหนึ่งเป็นเพราะว่า ช่วงเดือนเมษาฯเป็นช่วงหน้าร้อน แต่ละบ้านใช้ไฟฟ้าสูงมากเป็นเรื่องปกติ อีกปัจจัยเป็นเรื่องของ ต้นทุนพลังงาน ที่โดนหางเลขจากปัญหาสงครามรัสเซีย-ยูเครน ซึ่งเป็นแหล่งผลิตพลังงานสำคัญของโลก แต่ปัจจัยสำคัญคือ โครงสร้างราคาไฟฟ้า ที่การคิดราคาค่าไฟฟ้าเอื้อประโยชน์จาก กลุ่มทุนพลังงาน

เรื่องพลังงานแพง หากบริหารจัดการดีๆ ก็ช่วยลดภาระได้ระดับหนึ่ง กล่าวคือ พลังงานที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้าในบ้านเรานั้นมาจาก 2 แหล่ง แหล่งหนึ่งคือ นำเข้าก๊าซ LNG จากต่างประเทศ ที่มีราคาแพง อีกส่วนหนึ่งมาจากแหล่งอ่าวไทย

ปัญหามันอยู่ตรงก๊าซ LNG ที่นำเข้าจากต่างประเทศ ราคาสูงกว่าก๊าซที่อ่าวไทย แต่ถูกนำมาผลิตเป็นกระแสไฟฟ้าขายให้กับประชาชน ส่วนก๊าซในอ่าวไทยที่ถูกกว่านั้น ถูกนำมาเป็นวัตถุดิบป้อนให้กับบรรดาโรงงานปิโตรเคมี ที่อยู่ในเครือบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานและอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ไม่กี่ราย

ที่สำคัญราคาก๊าซ LNG ที่นำเข้ามา ก็ไม่สะท้อนความเป็นจริง จากเดิมราคาเคยสูงที่สุด 53 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ล้านบีทียู. แต่ปัจจุบันราคาจริงอยู่ราวๆ 12 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ล้านบีทียู แต่ราคาที่ทางการใช้คิดคำนวณราคาค่าไฟฟ้ากลับคิดที่ 20 เหรียญสหรัฐต่อ 1 ล้านบีทียู.

ส่วนที่เป็นภาระมากที่สุดคือ ปริมาณการสำรองไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็น ทั้งที่มีการผลิตไฟฟ้าจริงๆ เพียง 15% ของกำลังการผลิตทั้งหมดแต่ มีการสำรองไฟฟ้าเกือบๆ 60% ที่ไม่มีการผลิตไฟฟ้าจริงๆ ซึ่งตรงนี้ประชาชนก็ต้องจ่ายให้กับบริษัทเอกชน ทั้งที่โรงไฟฟ้าไม่ได้เดินเครื่องแต่อย่างใด ซึ่งเรียกว่า “ค่าพร้อมจ่าย”

ความเดือดร้อนจากไฟฟ้าราคาแพง ไม่เฉพาะชาวบ้านเท่านั้น บรรดาโรงงานอุตสาหกรรม ต่างก็เดือดร้อนถ้วนหน้า องค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ “เจโทร” ได้ทำการสำรวจนักลงทุนโดยตรง พบว่า นักลงทุนญี่ปุ่นประมาณ 10% จากทั้งหมด 2,000 บริษัท มีโอกาสย้ายฐานการผลิตออกจากไทย เพราะปัญหาค่าแรงและค่าไฟฟ้า

ที่สำคัญ ค่าไฟแพงในยามที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้น หลายครอบครัวไม่มีงานทำ บางครอบครัวมีงานทำแต่รายได้ไม่พอใช้จ่าย แถมต้องมารับภาระค่าไฟฟ้าที่แพงมหาโหด

พรรคต่างๆ ออกมาชูประเด็นรื้อโครงสร้างราคาพลังงานหาเสียงนั้น ก็ได้แต่สงสัยว่า แต่ละพรรคล้วนเคยเป็นรัฐบาลมาแล้วทั้งสิ้น โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาลปัจจุบัน อยู่มา 4 ปีทำไมถึงไม่เคยแตะ หรือเพิ่งคิดได้ตอนใกล้เลือกตั้ง !!!

…………………………………..

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img