วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“เศรษฐา ทวีสิน”กับภารกิจ “รีแบรนด์” เพื่อไทย
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“เศรษฐา ทวีสิน”กับภารกิจ “รีแบรนด์” เพื่อไทย

เมื่อสัปดาห์ที่แล้วได้มีโอกาสไปนั่งฟัง “เศรษฐา ทวีสิน” แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เปิดใจครั้งแรกกับหลายๆ เรื่องที่ไม่มีใครรู้มาก่อนในงาน “เอ็กซ์คลูซีฟดินเนอร์ทอล์ก” ในโอกาสก้าวสู่ปีที่ 47 หนังสือพิมพ์ประชาชาติธุรกิจ

“เศรษฐา” ได้เล่าถึงการตัดสินใจผันตัวเองจากนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จเข้ามาสู่สนามการเมือง ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ว่า ในช่วง 8-9 ปีหลังบ้านเมืองค่อนข้างประสบปัญหาเยอะพอสมควร ทั้งเรื่อง K-Shape Recovery เรื่องความเหลื่อมล้ำ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่  

“ผมเชื่อว่า ประเทศไทยต้องการการเปลี่ยนแปลง ต้องการคนที่มีมุมมองใหม่ๆ ไม่งั้นก็จะมีการบอกว่า นักการเมืองมีแต่หน้าเก่า มีแต่เป็นบ้านใหญ่ แต่ก็ไม่มีใครจะเสนอตัวมาตรงนี้”

เขาสรุปบทเรียนการเลือกตั้งที่ผ่านมาว่า พรรคเพื่อไทยมีวิธีคิดในการแก้ปัญหาประเทศชาติแบบค่อยๆ เปลี่ยนแปลง และนำเสนอนโยบายด้านปากท้องเป็นหลัก เพราะคิดว่าชาวบ้านยากจนมานาน ต้องการให้เศรษฐกิจดีและพรรคเพื่อไทยมีเครดิตในเรื่องนี้ ในขณะที่ พรรคก้าวไกลเสนอแนวคิดแบบพลิกฝ่ามือ เปลี่ยนโครงสร้าง

คุณเศรษฐาสรุปว่า ช่วง 9 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลชุดนี้ทำให้ชาวบ้านโกรธแค้นมาก และเริ่มชินกับการใช้จ่ายที่ไม่คล่องตัวคนต้องการการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกฝ่ามือ เราเป็นคนกรุงเทพฯ ทุกคนอ่านโซเชียลมีเดีย อ่านหนังสือพิมพ์ เจอปัญหาเยอะแยะไปหมด แต่ไม่ได้เจอกับคนที่เขาเจอปัญหาจริงๆ อย่างกรณี “ไอยูยู” ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ไปเซ็นไว้กับ “อียู” ซึ่งเป็น “ใบเหลือง” ของเรือประมง

เศรษฐา ทวีสิน

ตอนที่ท่านเซ็นใหม่ๆ 4 ปีที่แล้ว ยังแอบชื่นชมว่า ท่านปลดใบเหลืองไปได้ แต่พอลงพื้นที่จริงๆ กลับเป็นอีกเรื่องหนึ่ง เซ็นสัญญานี้เป็นสัญญาอัปยศ ทำลายการประมงไทย จากการที่เป็นประเทศส่งออกสัตว์น้ำ 3.5 แสนล้านบาทต่อปี กลับกลายเป็นต้องนำเข้า 1.5 แสนล้านบาทต่อปี ไปกลับ 5 แสนล้านบาท

เรือประมงไทย 4 หมื่นลำ ออกได้แค่หมื่นลำ ที่เหลือออกไม่ได้ ถ้าออกไปถูกจับ เพราะเซ็นสัญญาไว้กับ “ไอยูยู” โดยไม่คำนึงถึงครอบครัวประมงไทยแสนกว่าครอบครัว ลองขับรถไปดูแถวๆ ระยอง มีเรือขนาดไซซ์เล็กกับไซซ์กลาง จอดระเนระนาดกันหมด ซึ่งมันเสียตรงที่ “อียู” เป็นตลาดส่งออกสัตว์น้ำแค่ 8% ของประเทศไทย ทำไมต้องไปทำตามเขาด้วย

“พรรคก้าวไกลถึงได้กวาดหมดเลยชายฝั่งตะวันออก เพราะมีความขมขื่นมาก พรรคร่วมรัฐบาลที่อยู่จังหวัดระยองไม่ได้เอาใจใส่ ลองไปพูดคุยกับพี่น้องประมงทั้งหลาย เห็นได้จากแววตา บางคนร้องไห้ ไม่รู้จะกลับมาอย่างไร บางคนจะกลับมาต้องใช้งบฯ รีสตาร์ตใหม่ หากจะออกเรือได้ตามกฎที่พล.อ.ประยุทธ์ไปลงนามมา ต้องมีใบสาธารณสุข ใบแรงงาน ขาดไปใบหนึ่งโดนคนละ 5 แสน ตัวเลขอาจจะใกล้เคียง เป็นอะไรที่เห็นแล้วเศร้าใจ อยากจะช่วยเหลือเขา เกิดจากปัญหาที่ผู้นำไม่ค่อยเข้าใจ” เขาย้ำ

อีกหนึ่งบทเรียนที่เขาสรุปไว้อย่างน่าสนใจว่า ที่เราพูดกันเรื่อง ทรานฟอร์เมชั่น หลายๆ เรื่องบอกว่า พรรคก้าวไกลมาได้เพราะโซเชียลดี ออนไลน์ดี ติ๊กต็อกดี แต่หลายๆ อย่างการดูแลพี่น้องประชาชนก็เป็นเรื่องสำคัญ การเมืองสมัยใหม่ยึดติดตัวบุคคลกับพรรคน้อยลง ยึดติดกับตัวนโยบายเยอะขึ้น

“8 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชน ซับเฟอร์(สะเทือนใจ) เยอะมาก เขาก็เรียนรู้ที่จะอยู่น้อย กินน้อย เรื่องเศรษฐกิจที่พรรคเพื่อไทยคิดว่าสำคัญ ก็ยังสำคัญอยู่ แต่การที่เขา ซับเฟอร์นานถึง 8 ปี โหวตเตอร์ต่างจังหวัดมีความคับแค้นใจ ก็มีความฝัน ความหวัง มีพรรคการเมืองมาพูดจาโดนใจให้ความหวังเขาอย่างเป็นไปได้”

อันนี้เป็นบทเรียนอันหนึ่ง ที่เราคิดว่า โอ้ย..เศรษฐกิจยังไงเราก็ได้อยู่ดี แต่ความที่เขาเดือดร้อนมาเยอะมาก ถ้าไม่เปลี่ยนแปลงโครงสร้าง เขาก็จะลำบาก

ส่วนเรื่อง ทรานฟอร์มพรรคเพื่อไทย เขาบอกว่า เรื่องทรานฟอร์เมชั่น ก็เป็นเรื่องสำคัญ เป็นเรื่องที่คำพูดคำเดียวมันชัดเจน เรื่องการตัดสินใจที่รวดเร็ว เรื่อง “มีกรณ์ ไม่มีกู” และ ยูเทิร์นได้ภายใน 2 ชั่วโมง อันนี้ก็ต้องยอมรับ เราก็ต้องยอมรับว่า องค์กรสมัยใหม่ พรรคก้าวไกลก็เป็นองค์กรสมัยใหม่ เขาเข้าใจถึงความเร็ว

“สิ่งที่เรา (เพื่อไทย) พลาดไปคืออะไร เราต้องพัฒนาอย่างไร เราเป็นบริษัทที่ใหญ่ ที่แข็งแกร่ง มีครบหมดทุกอย่าง เข้าใจพี่น้องประชาชนดี แต่วันนี้เราใหญ่ จะเป็นแบบโกดัก หรือเป็นแบบเจพีมอร์แกน ผมอยากเป็นเจพีมอร์แกน ผมไม่อยากเป็นแบบโกดัก”

เศรษฐา ทวีสิน

เมื่อถูกถามถึงการจัดตั้งรัฐบาล เขาบอกว่า “ผมชัดเจน จุดยืนของผมยึดโยงกับพี่น้องประชาชน ผมไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาเผด็จการ (รังเกียจ) ชัดเจน พูดแล้วพูดอีกทุกเวที ผมยินดีที่จะจับมือกับพรรคก้าวไกล ผมยินดีที่จะสนับสนุนคุณพิธา เพราะเขามีจิตวิญญาณประชาธิปไตย และในสปิริตของการแข่งขันในการเมืองไทย ถ้าได้คะแนนเสียงสูงสุดเราต้องสนับสนุน”

“ผมเองถ้าการจัดตั้งรัฐบาลนิ่งแล้ว จะลงพื้นที่ กลับไปคุยกับประมง กล้วยตานี ไก่ย่างเขาสวนกวาง กลับไปคุยหลายเรื่องที่ผมลงพื้นที่มาแล้ว ผมมีมูลค่าเพิ่ม เพื่อนผมหลายคนลงพื้นที่มา ให้คนกทม.ได้เห็น เปิดหูเปิดตา และเข้าใจคนที่อยู่ชายขอบของสังคมมากขึ้น เรื่อง เค-เชฟ (หัวโต ท้ายลีบ) เป็นอะไรอันตรายมาก ถ้าหากฐานล่างไม่ถูกดันขึ้นมา ฐานบนขึ้นไม่ได้ ยังไงก็ขึ้นไม่ได้ ผมยืนยัน”

“เรื่องที่พรรคมอบหมายให้ เรื่องทำทันทีคือเรื่อง รีแบรนด์ ปรับเปลี่ยน วิธีการที่จะสื่อสาร หรือทำงานภายในก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมช่วยขับเคลื่อนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น เป็นเจพีมอร์แกน”

“เศรษฐา” ประกาศชัดเจนว่า นับจากนี้เป็นต้นไป เขาจะเข้าไปลุยแบบเต็มตัว จะ “รีแบรนด์พรรคเพื่อไทย” และปรับวิธีคิดใหม่ให้ “คนรุ่นใหม่” เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ถ้าเป็นไปตามที่เขาประกาศ การเลือกตั้งครั้งหน้ารับรองสนุกแน่ๆ

…………………………..

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img