วันพฤหัสบดี, มีนาคม 28, 2024
หน้าแรกCOLUMNISTS“ปฏิรูปประเทศ-ยุทธศาสตร์ 20 ปี” ... แค่นิทานหลอกเด็ก
- Advertisment -spot_imgspot_img
spot_imgspot_img

“ปฏิรูปประเทศ-ยุทธศาสตร์ 20 ปี” … แค่นิทานหลอกเด็ก

หลายๆ คนคงลืมไปแล้วว่า ในยุค คสช. นั้น เคยสร้างความฮืฮาด้วยการตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 2 ชุดและกำลังจะหมดวาระในปีนี้ ชุดแรกคือ “คณะกรรมยุทธศาสตร์ชาติ” อีกชุดหนึ่งคือ “คณะกรรมการปฏิรูประเทศในด้านต่างๆ” ชุดหลังนี้ได้ครบวาระไปแล้วเมื่อวันที่ 14 ส.ค.ที่ผ่านมา แม้คณะกรรมการปฏิรูปประเทศทั้ง 13 คณะได้หมดหน้าที่ลง แต่ยังคงทำหน้าที่ต่อจนถึงสิ้นปี เพื่อทำหน้าที่รายงานการประชุม หลังจากนั้นคงสลายตัวไปอย่างถาวร

สำหรับ “คณะกรรมการปฏิรูปประเทศ” จะทำหน้าที่วางแผนและกำหนดบทบาทของรัฐในการดำเนินการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ มีคณะกรรมการทั้งหมด 13 ชุด ประกอบด้วย ด้านการเมือง ด้านการบริหารราชการแผ่นดิน ด้านกฎหมาย ด้านกระบวนการยุติธรรม ด้านการศึกษา ด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่นๆ

สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศด้านต่างๆ นั้น มีทั้งหมด 2 ชุด ชุดแรกแต่งตั้งเมื่อวันที่ 15 ส.ค.2560 มี 11 คณะ หลังจากนั้นมีการยกเลิกทั้งหมดและตั้งคณะกรรมการชุดใหม่ จำนวน 13 คณะ เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2563 แรกๆ ก็ได้ให้ความหวังไว้อย่างสวยหรูว่า เมื่อรัฐธรรมนูญฉบับนี้ประกาศใช้ ประเทศไทยจะก้าวเข้าสู่การปฏิรูปประเทศในด้านต่างๆ ให้ก้าวหน้ายิ่งๆ ขึ้นไป แต่จนถึงวันนี้ก็คงมีแต่ “ความว่างเปล่า”

ในการทำหน้าที่ คณะกรรมการฯต้องรายงานความคืบหน้าในการทำงานด้านปฏิรูปด้านต่างๆ ต่อรัฐสภาทุกสามเดือน โดยให้วุฒิสภามีหน้าที่และอำนาจติดตาม เสนอแนะและเร่งรัดการปฏิรูปประเทศ ปรากฏว่ารายงานดังกล่าว กลับสร้างภาระต่อหน่วยราชการในการจัดทำผ่านการรวบรวมกลั่นกรองและนำเสนอเป็นวาระเพื่อทราบในคณะรัฐมนตรี ก่อนส่งต่อมายังรัฐสภาเพื่อทราบทุกสามเดือน หรือเมื่อครบปีก็จัดทำเป็นรูปเล่มดูสวยงาม แต่ในความเป็นจริงแทบไม่มีความคืบหน้าในการปฏิรูปประเทศแต่อย่างใด

ส่วนคณะกรรมการอีกชุดที่กำลังจะหมดหน้าที่เช่นเดียวกัน ชุดนี้ดูจะมีบทบาทกว่าคณะกรรมการปฏิรูปประเทศเสียอีก นั่นคือ “คณะกรรมการแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” มีหน้าที่วางกรอบครอบคลุมตั้งแต่ปี 2560-2579 ดำเนินการภายใต้วิสัยทัศน์ “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน” เป้าหมายคือในอีก 20 ปีข้างหน้า ประเทศไทยต้องหลุดพ้นจากประเทศติดกับดักรายได้ปานกลาง ซึ่งปัจจุบันรายได้คนไทยต่อหัวอยู่ที่ 6,000 เหรียญสหรัฐต่อปี ไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้วโดยตั้งเป้าว่าคนไทยจะต้องมีรายได้ต่อหัว 15,000 เหรียญสหรัฐต่อปี  

คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ มีทั้งหมด 6 ด้านประกอบด้วย 1) ด้านความมั่นคง 2) ด้านความสามารถในการแข่งขัน 3) ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างทรัพยากรมนุษย์ 4) ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคม 5) ด้านการสร้างความเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และ 6) ด้านการปรับสมดุลการพัฒนาระบบบริหารการจัดการภาครัฐ มีกรรมการทั้งหมด 28 คน มีทั้งข้าราชการการเมือง ประกอบด้วย นายกฯและรองนายกรัฐมนตรี ประธานสภาผู้แทน ประธานวุฒิสภา

ผู้แทนจากข้าราชการซึ่งส่วนใหญ่เป็นทหารทหาร มีทั้งตัวแทนเหล่าทัพและตัวแทนจากฝ่ายความมั่นคง นอกจากนี้มีตัวแทนองค์กรเศรษฐกิจต่างๆ และมีโควตาลุงตู่อีก 12 คน ทั้งนักธุรกิจใหญ่ นายแบงก์ นักบริหารระดับสูงและนักวิชาการ มากันเพียบ ตอนแรกๆ ก็ประชุมกันคึกคัก ช่วยกันระดมสมอง ว่าอนาคตว่าประเทศไทยจะไปทางไหน

ทันทีที่มีการประกาศนโยบายกำหนดแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็มีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากผู้ไม่เห็นด้วยอย่างดุเดือด ส่วนใหญ่เห็นว่า แผนระยะยาวสมัยนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว เพราะโลกเปลี่ยนเร็วมาก โดยเฉพาะในเรื่องเทคโนโลยีทำให้การคาดเดาอนาคตเป็นเรื่องยาก แม้แต่ภาคธุรกิจเอกชนยังกลับมาวางแผนปีต่อปี แต่ก็มีบางคนเมื่อเห็นรายชื่อคณะกรรมการฟันธงว่า แผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนมากกว่าชาวบ้าน เพราะมีแต่ตัวแทนกลุ่มทุนที่เข้าไปร่างแผน ไม่มีตัวแทนชาวบ้านเลย

ในช่วงแรกๆ การประชุมบรรยากาศค่อนข้างคึกคัก โดยเฉพาะ “พล.อ.ประยุทธ์” นั่งหัวโต๊ะในการประชุม แต่ละคนล้วนเป็นกูรูในสาขาต่างๆ ต่อมาไป เริ่มมีคนถอนตัวขอลาออกจากการเป็นกรรมการ และยิ่งนานไป ข่าวความเคลื่อนไหวในเรื่องแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี ก็เงียบหายไปกับสายลม แต่ในที่สุดก็มีแผนนี้ออกมาเป็น “คัมภีร์” ในการบริหารประเทศในการอีก 20 ปี ที่สำคัญบังคับให้ทุกหน่วยงานต้องปฏิบัติตาม หากข้าราชการคนใดไม่ปฏิบัติตาม ถือว่า “มีความผิด” และ “มีโทษร้ายแรง”

แต่จนถึงวันนี้ เป็นวันที่ “คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ” ไม่รู้ว่ายังเหลืออีกกี่คน ไม่รู้ว่ายังมีการประชุมกันอยู่หรือไม่ จะครบวาระปีนี้ ต้องลุ้นว่าจะมีการต่ออายุหรือไม่ แต่ที่แน่ๆ ถึงวันนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นในโลกและในประเทศไทย ล้วนเป็นสิ่งที่คณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติทำนายผิดทั้งหมด และ “ไม่ได้กำหนดไว้ในแผน”

ภาวะเศรษฐกิจช่วงโควิดCR : ธนาคารแห่งประเทศ

ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้สร้างความเสียหายทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และความเสียหายด้านเศรษฐกิจมหาศาล วิกฤติจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน จนส่งผลกระทบเศรษฐกิจโลก มีปัญหาราคาพลังงานและปัญหาเงินเฟ้อรวมถึงเศรษฐกิจโลกถดถอย แม้กระทั่งปัจจัยจากวิกฤติเศรษฐกิจของจีนที่กำลังจะเป็นระเบิดเวลาลูกใหม่ของระบบเศรษฐกิจโลก

ปัจจัยเหล่านี้ล้วน “ไม่มีอยู่ในแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” ทั้งสิ้น

หากรวมคณะกรรมการ ทั้ง 28 คณะ มีกรรมการ 19 ชุด คนทำงานกว่า 300 คน แต่ละคนมีเบี้ยประชุม มีเงินเดือนประจำที่มาจากภาษีประชาชน แต่จนถึงบัดนี้ไม่รู้ว่า สิ่งที่คณะกรรมการดังกล่าววาดฝันไว้ ทำได้หรือไม่ ได้มีการทำตามหรือไม่ แต่เท่าที่ทราบ ยังไม่เห็นว่ามีหน่วยงานไหนที่นำแผนทั้งยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี และแผนคณะกรรมการปฏิรูปประเทศไปปฏิบัติ ทั้งที่กำหนดเป็นข้อบังคับและยังไม่เห็นข้าราชการคนใดถูกลงโทษ โทษฐานที่ไม่ปฏิบัติตามแผน

อาจจะกล่าวได้ว่า ทั้งคณะกรรมการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ ล้วนเป็นแค่นิทานหลอกเด็ก ให้หลงใหลได้ปลื้มชั่วครั้งชั่วคราม ทุกวันนี้ไม่มีใครจำได้ว่า เคยมีคณะกรรมการดังกล่าว

…………………………..

คอลัมน์ : เศรษฐศาสตร์ข้างทาง

โดย “ทวี มีเงิน”

สนับสนุนคอลัมน์ โดย :   บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน)

#ยิ่งใกล้คุณยิ่งต้องดี #GCเคมีที่เข้าถึงทุกความสุข #GCChemistryforBetterLiving

- Advertisment -spot_img
- Advertisment -spot_imgspot_img

Featured

- Advertisment -spot_img
Advertismentspot_imgspot_img
spot_imgspot_img